พระไตรปิฏก เขียนไหมครับว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยวิธีอะไร
1. เจริญอานาปานสติจนจิตเป็นอัปนาสมาธิ ฌาน 4 แล้วใช้อุเบกขาจากฌาน 4 ในการเจริญวิปัสสนา พิจารณาร่างกายเป็นไปตามกฏไตรลักษ์ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา จนเกิดความเบื่อหน่ายในการเวียน ว่าย ตาย เกิดเกิดปัญญาทำลายอวิชชา
หรือ
2. มหาสติปัฏฐาน 4 โดยไม่ต้องทำอัปนาสมาธิ
1. หรือ 2. ครับ
แค่สงสัยว่าทำไมนักอ่านพระไตรปิฏกชอบมาเม้นกับกระทู้ผมว่า อัปนาสมาธิไม่มีประโยชน์….ไม่ควรทำบ้าง
ตกลงพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โดยวิธีใดกันแน่ ขอข้อความในพระไตรปิฏกเพื่อยืนยันว่าพระพุทธเจ้าใช้วิธีการนี้ในการตรัสรู้จริงๆ ขอบคุณครับ เพื่อเป็นประโยชน์และข้อเท็จจริงแก่ผู้ปฏิบัติครับ
อันนี้เป็นบทความที่เขียนในอินเทอร์เน็ตนะครับ ถูกต้องไหมครับ รบกวนขอข้อมูลหักล้างด้วยนะครับ
“หลังจากพระโคดมทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมอยู่นานถึง 6 ปี ก็ยังไม่บรรลุ จึงทรงละหนทางนี้[4] แล้วระลึกได้ว่าเมื่อทรงพระเยาว์ได้เคยนั่งสมาธิใต้ต้นหว้า ด้วยความสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงได้ปฐมฌานมาตั้งแต่ครั้งนั้น พระองค์จึงตัดสินพระทัยกลับเสวยพระกระยาหาร ทำให้ร่างกายกลับมีพลัง พระทัยเริ่มสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมอีกครั้ง จนได้บรรลุฌานเป็นลำดับจนถึงจตุตถฌาน ในขณะที่จิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ตั้งมั่น อย่างนี้ ก็ทรงบรรลุญาณ 3 แต่ละขั้นในปฐมยาม มัชฌิมยาม และปัจฉิมยาม ตามลำดับ ในช่วงเวลานี้จึงทรงรู้ว่าอวิชชาถูกกำจัดแล้ว[5] เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6”
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยวิธีอะไรครับ เพื่อเป็นประโยชน์และข้อเท็จจริงแก่ผู้ปฏิบัติในการปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าครับ
1. เจริญอานาปานสติจนจิตเป็นอัปนาสมาธิ ฌาน 4 แล้วใช้อุเบกขาจากฌาน 4 ในการเจริญวิปัสสนา พิจารณาร่างกายเป็นไปตามกฏไตรลักษ์ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา จนเกิดความเบื่อหน่ายในการเวียน ว่าย ตาย เกิดเกิดปัญญาทำลายอวิชชา
หรือ
2. มหาสติปัฏฐาน 4 โดยไม่ต้องทำอัปนาสมาธิ
1. หรือ 2. ครับ
แค่สงสัยว่าทำไมนักอ่านพระไตรปิฏกชอบมาเม้นกับกระทู้ผมว่า อัปนาสมาธิไม่มีประโยชน์….ไม่ควรทำบ้าง
ตกลงพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โดยวิธีใดกันแน่ ขอข้อความในพระไตรปิฏกเพื่อยืนยันว่าพระพุทธเจ้าใช้วิธีการนี้ในการตรัสรู้จริงๆ ขอบคุณครับ เพื่อเป็นประโยชน์และข้อเท็จจริงแก่ผู้ปฏิบัติครับ
อันนี้เป็นบทความที่เขียนในอินเทอร์เน็ตนะครับ ถูกต้องไหมครับ รบกวนขอข้อมูลหักล้างด้วยนะครับ
“หลังจากพระโคดมทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมอยู่นานถึง 6 ปี ก็ยังไม่บรรลุ จึงทรงละหนทางนี้[4] แล้วระลึกได้ว่าเมื่อทรงพระเยาว์ได้เคยนั่งสมาธิใต้ต้นหว้า ด้วยความสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงได้ปฐมฌานมาตั้งแต่ครั้งนั้น พระองค์จึงตัดสินพระทัยกลับเสวยพระกระยาหาร ทำให้ร่างกายกลับมีพลัง พระทัยเริ่มสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมอีกครั้ง จนได้บรรลุฌานเป็นลำดับจนถึงจตุตถฌาน ในขณะที่จิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ตั้งมั่น อย่างนี้ ก็ทรงบรรลุญาณ 3 แต่ละขั้นในปฐมยาม มัชฌิมยาม และปัจฉิมยาม ตามลำดับ ในช่วงเวลานี้จึงทรงรู้ว่าอวิชชาถูกกำจัดแล้ว[5] เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6”