สวัสดีค่ะ อยากมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ เราเหนื่อยกับชีวิตมากไม่ใช่ทางกายแต่ทางใจ เราอายุ15 เราหลุดพ้นจากความเศร้าไม่ได้ มันเป็นมาตลอด หลายปี บางครั้งก็มีเรื่องดีๆแต่สุดท้ายก็จบแบบเดิม ทุกคืนเราหลับตี2-3ไม่ก็มากกว่านั้นเราไม่อยากตื่นมาใช้ชีวิตด้วยซ้ำแต่ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อก่อนตอนอยู่ ป.6 เราทำร้ายตัวเองเป็นบางครั้ง แล้วคิดจะผูกคอตายบ่อยๆ เรามีเพื่อนนะคะ แต่เราเองที่ไม่ค่อยเล่าอะไรให้เขาฟัง เขาเป็นคนดี ถ้าเขาหาเพื่อนใหม่อาจดีกว่าก็ได้ เราโดดเดี่ยว แล้วก็เชื่อว่ามันปกติของมนุษยที่ต้องรู้สึก แต่เรารู้สึกไม่มีที่พักพิงไม่ว่าพ่อ กับ แม่ พ่อเราพิการตั้งแต่เราเกิด เขาเอาแต่ใจ เวลาด่าก็ตะโกนด่า เราต้องดูแลพ่อถึงเราจะไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ เพราะ แม่บังคับ สาเหตุที่ไม่อยากทำเพราะ เขาไม่เคยดูแลเรา แล้วเขาก็ชอบไม่พอใจเห็นแก่ตัวใส่ บางทีคนที่ไม่มีพ่ออาจดีกว่าเราก็ได้นะถึงมีก็อวดใคร พูดไรไม่ได้ พ่อก็เป็นคนดีแหละอาจเป็นเราแหละที่ผิดเอง แต่เราไม่ได้เกิดมาเพื่อรับผิดชอบดูแลพ่อแค่ฝ่ายเดียว พอควรดูแลเราบ้าง ถึงจะทำไม่ได้แต่อย่าทำอะไรที่เห็นแก่ตัวได้มั้ย ส่วนแม่ก็รักพี่ แม่เราเหนื่อยเราก็เข้าใจ พี่เราก็เห็นแก่ตัวใช้แต่เงิน วันนั้น มีข้าว3กล่อง นั่นคือ พ่อ พี่ เรา แต่แม่กินอย่างอื่น แต่พี่เอาไป2กล่อง แล้วอีกกล่องเราก็ต้องให้พ่อ เราไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำเรา บอกแม่ก็เมิน แล้วบอกให้ๆไป แม่เป็นแบบนี้ตลอด เราเก็บนาฬิกา แม่มาด่าว่าเก็บไว้ไหน แต่เราไปหาไม่เจอแม่ก็ด่าๆเรา พออีกสักพัก พี่เป็นคนเอาไป ตั้งแต่เกิดมาแม่ไม่เคยพูดคำว่าขอโทษ ทุกวันนี้เราตื่น11โมง เล่นเกมทั้งวัน หลับตี2 กินข้าว1-2มื้อ ภาวนาให้ตัวเองตายไวๆ เมื่อวันที่ประมาณ 8-9เมษานี่แหละเรากินยานอนหลับไป5เม็ดหวังว่าจะตาย แต่ก็ไม่ตาย แต่ไม่คิดจะฆ่าตัวตายวิธีนี้แล้ว มันทรมาณ แล้วก็ไม่ตาย ปวดหังมึนหัวเดินเซแต่ไม่ตาย เราคิดว่าจะรีบๆตาย เพราะโตมาถ้ายังคิดแบบนี้สักวันก็ต้องตายอยู่ดี
สักวันเราก็ต้องตาย