หลังจากได้มา Survey London ครั้งแรกไปแล้ว ติดใจอยากมาอีก ดูทริปเที่ยวลอนดอนครั้งแรกและวิธีการขอวีซ่าได้จากกระทู้นี้ค่ะ >> Click! มาถึงทริป Road Trip รอบ London เมืองหลวงของอังกฤษกันค่ะ เราจะอยู่ที่ UK กันประมาณ 1 อาทิตย์เมืองที่ตั้งใจไป มีเมือง Fleet , Salisbury , Cotsworld , Burford และ Oxford ก่อนจะวนกลับมาที่ London ค่ะ

ช่วงจะเช่ารถ ได้ดูรีวิวขับรถในอังกฤษ จนเครียดกันไปข้าง ไม่กล้าเอาของไว้ในรถกลัวโดนทุบรถ กระจกแตก ของหาย จะทำยังไงดี ?! จนมาเจอที่ฝากกระเป๋าใกล้สนามบิน Heathrow Terminal 4 จาก App Stasher ค่าฝากคิดต่อใบใบละ 5£ ค่ะเอาไปฝากไว้เลยตลอดช่วงที่ Road Trip ใช้วิธีเอาเป้ไปแค่คนละ 1 ใบจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถ

เดินทางด้วยสายการบิน SAUDIA Airlines มาถึง UK Heathrow Terminal 4 บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินสายการบินนี้ คอนเฟิร์มว่าเครื่องใหม่กริบ อาหารไม่เครื่องเทศ บินถึงก่อนเวลา ราคาดีน่าคบหา รีวิวฉบับเต็มจาก Link นี้ Click!

Landing ถึง London สายการบิน Saudia Airlines ลง Terminal 4 นะคะ เจอตม. ถามมากับใคร พอรู้ว่ามาคนเดียว จัดหนักจัดเต็ม ถามวนไปถามวน 10 กว่าคำถามค่ะ เอกสารที่เตรียมมาได้ใช้ทุกแผ่น ดีที่ขอเอกสารรับรองการทำงานจากที่ทำงานมาด้วยเลยไม่มีปัญหาอะไร

รับกระเป๋าเดินทาง ตามหาพี่พี่ แกบินมาก่อน 1 วัน เจอละๆ เดินจาก Terminal 4 มาที่โรงแรม Premier Inn London Heathrow Airport Terminal 4 hotel ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าโรงแรมนี้เดินเชื่อม Sky Walk จากสนามบินมาที่โรงแรมได้เลย พากันเดินตัดถนนให้เหนื่อย มาถึงก็เอาเลยนะ ฮ่าฮ่า ที่เรามาที่โรงแรมนี้เขาเป็น Partner กับ Stasher Luggages Store เอากระเป๋าลากใบใหญ่มาฝากไว้ที่นี่ค่ะ พอ Road Trip เสร็จค่อยมารับน้องๆเข้าเมืองลอนดอนไปด้วยกันค่ะ ฝากกระเป๋าจะได้ Tag แบบนี้คนละใบเป็นใบรับกระเป๋า ตอนมารับยื่นใบนี้พร้อมกับ Passport เพื่อยืนยันตัวตนว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของฉันนะ

ฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ของจริงละนะ ลุย! ไปรับรถกันค่ะ จากโรงแรมเราใช้บริการของ BOLT Application อารมณ์แอพเรียกรถคล้าย Uber , Grab  เรียกรถมารับได้รถเป็นแวนคันใหญ่ 7 ที่นั่ง

รับรถจาก Green Motion Car rent เอกสารที่ใช้ Passport , International Driven License, Thai Drive. license และใบจองรถค่ะ ตอนจองมาเลือกประกันรถแบบ Full Option รวมล้อกระจกครบ เอาแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรเพิ่มถ้าเกิดอุบัติเหตุ ค่าประกันแพงพอพอกับรถเช่าเลยค่ะ และก็ Upgrade รถเป็นรุ่น Hybrid ข้อดีคือรถใหญ่ขึ้นและประหยัดน้ำมันค่ะ ได้มาเป็นรุ่น KIA Niro รถใหม่กริบ นั่งสบาย ระบบภายในดูทันสมัยน่าใช้งานค่ะ รวมถึง Apple Car ที่ทำให้เราดูแมพได้ง่ายขึ้นเวลาเชื่อมต่อค่ะ

-พวงมาลัยขวาฝั่งเดียวกับไทยค่ะ

-คนอังกฤษขับรถชิดซ้าย

-ขับตาม Speed Limit 

วันแรกยังไม่ได้ไปเที่ยวไหน ขอปรับตัวให้หายจาก Jet Lag ก่อน ขับมาที่เมือง Fleet 41 km แวะปั้มน้ำมันซื้อเครื่องดื่มและขนมค่ะ

ตอนแรกจอง Holiday Inn Fleet ก่อนจะบินสักอาทิตย์ได้ Email ทาง Agency Trip.com ติดต่อมาบอกว่าโรงแรมยังไม่เปิดต้องย้ายโรงแรม ตกใจนึกว่าต้องหาโรงแรมใหม่เองใกล้จะเดินทางแล้ว ดีที่ทาง Trip.com เสนอโรงแรมนี้ให้แบบไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม จากที่ใช้บริการมาบริการหลังการขายเวลามีปัญหาก็ได้รับการช่วยเหลือเต็มที่ค่ะ Check in Premier Inn Fleet โรงแรมห้องมาตราฐาน

Location : ชอบตำแหน่งของโรงแรม Shell และ Mart ของปั้มน้ำมันอยู่ตรงข้ามโรงแรม และใกล้ Fleet Train Station

มื้อเย็นขับมาที่ร้าน Heron on the Lake ร้านนี้ดังมากคนรีวิว 2,000 กว่าคนได้ 4.4/5 โต๊ะเต็มค่ะ ต้องจองมาเท่านั้น อด! หาร้านใหม่ขับย้อนกลับมาแถวโรงแรมที่พัก เจอร้าน The Station ร้านนี้เสาร์และอาทิตย์เปิด 10:00 นอกนั้นเปิด 11:00 ศุกร์และอาทิตย์ปิด 24:00 นอกนั้นปิด 23:00 คะแนนรีวิวดีเหมือนกัน เอาร้านนี้แหละ เวลาจอดรถในร้านอาหารต้องลงทะเบียนด้วยนะ Scan QR Code ในร้านลงทะเบียนว่าฉันมาทานร้านนี้จริง จอดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะโดนปรับเด้อ ร้านนี้เป็น Pub & Bar บริการตัวเองหมด Scan Menu สั่งผ่าน Web ของร้าน จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต อาหารถึงจะมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เราสั่งเป็น Tea 1 Pot กับ Fish & Chip 1 จาน เลือก Side Dish ได้ เบ็ดเสร็จมื้อนี้โดนไป 14.68£ (623.90 บาท) รวมทิป ปลาไม่คาวทอดใหม่ทุกชิ้น ดีกว่ารอบที่แล้วที่ลองทานใน London นะ ทานเสร็จง่วงแบบตาจะปิด ไม่ไหวแล้ว ขอตัวพี่พี่ไปนอนก่อน เดินข้ามจากร้านอาหารเดินเข้าโรงแรม หัวถึงหมอนนอคหลับทันที เพลียมากค่ะ

เช้าวันใหม่ ตีสามค่ะ Jet lag ตาสว่างกันทั้งคู่ ยังไงนะ พยายามจะนอนต่อแต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี 

ชวนพี่ลงไป Mart ในปั้มน้ำมัน ประตู Lock ค่ะ พี่พนักงานแกเดินออกมาถามจะเอาอะไร เราบอกอยากได้ Hot Chocolate แกบอก No งั้น Sandwich ก็ได้ค่ะ แกไปขนออกมาจากตู้ให้เลือก หยิบมาทุกอัน ชิ้นนี้ราคา 3.99£ (169.56 บาท) ไม่ซื้อไม่ได้นะแบบนี้ พี่แกมีเคืองแน่ ฮ่า พอจะจ่ายเงินแกหย่อนเครื่องตัดบัตรเครดิตผ่านลิ้นชักสไลด์ออกมาให้รูด Security แน่นหนาดี ป้องกันพนักงานจากโจรขโมยได้เกือบ 100% ช่วยลดความเสี่ยงที่พนักงานโดนทำร้ายร่างกาย

อาบน้ำแต่งตัวรอไปทานอาหารเช้า 07:00 น. ละกัน มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีก จองห้องพักรวมอาหารเช้าแต่พอไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมบอกว่าไม่ได้จองอาหารเช้ามารีบติดต่อไปที่ทางเอเจนซี่เค้าบอกว่าพนักงานลืมจองอาหารให้เอาโทรศัพท์ให้คุยกับโรงแรม สรุปทางโรงแรมให้เราสำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกกับทางเอเจนซี่เองทีหลัง คุยกันอยู่นานระหว่างโรงแรมกับเอเจนซี่ นึกว่าจะไม่ได้ทานข้าวซะแล้ว ตัดสินใจจ่ายเงินไปก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที อาหารเช้าของ Premier Inn เป็น Buffet แบบจัดเต็มไม่ใช่ continental Breakfast ที่มีแค่ขนมปังกาแฟนะ Line ดีมากๆ เห็ด กับไส้กรอก อร่อยมากกกก ไม่แห้ง ไม่เค็ม เดินวนมาตักหลายรอบ อิ่มจริงๆค่ะ

ขึ้นห้องเก็บของ check out แวะ Starbucks ร้านเปิด 05:30-20:00 เป็น Drive Thru ที่เปิดเช้ามาก สั่ง Iced Green Tea Matcha Latte 4.2£ (178.5 บาท) ราคามาตราฐาน พอพอกับไทยค่ะ เราก็คุยรู้เรื่องนะ พี่เราบอกมาสั่งให้หน่อยซิ สังเกตว่าคนอังกฤษเขาจะพูดเสียงในลำคอ หะอะไรนะกันไปหลายที ต้องปรับหู

ขับมาเมือง Salisbury  Stonehenge ใช้เวลาแค่ 55 นาที หลงไปทีนึงใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยน เอารถไปจอด ที่จอดฟรีค่ะ ตรงหน้าทางเข้าเอาใบจองจาก KLOOK ซื้อมาประมาณคนละ 900 บาท ยื่นให้พนักงาน Stonehenge เปิด 09:30-15:00 น. 

โซนด้านหน้าจะเป็น Information Center มีเล่าถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาหินที่ตั้งอยู่และไว้ทำอะไร มีประโยชน์มากๆ เราว่านอกจากมาเที่ยว ถ้ารู้รายละเอียดของแต่ละสถานที่บ้างก็จะทำให้การท่องเที่ยวมีความสนุกมากยิ่งขึ้นนะ

เดินมาขึ้นรถบัสไปที่หิน รถบัสจะมีให้บริการฟรีตลอดช่วงที่เปิดทำการ แต่เห็นคนเขาชอบเดินกัน ดูไกลมากเลยนะกว่าจะถึง

มาถึงแล้วจ้าาา Stonehenge อ้างอิงข้อมูลจาก Wikipedia ตัวอนุสรณ์สถานประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนกัน ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1986 และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

ก่อนกลับแวะซื้อ Magnet เป็นที่ระลึกสักอัน อันนี้อันละ 5.5£ (233.75 บาท) เก็บดีดีนะ กลัวจะแตกก่อนถึงไทย