สวัสดีค่ะ ตอนนี้เรากำลังรู้สึกเครียดกับปัญหาระหว่างพ่อกับย่ามาก ๆ จนทำให้เรามีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ และมักจะจิตตกและหลับไม่สนิท
ปู่เราเสียไปตั้งแต่ปี 55 ย่าจึงอยู่กับเรา (หลาน) พ่อเรา อาเราและอาเขย ต่อมาเราเรียนจบและมาทำงานกรุงเทพ ส่วนที่เหลือยังคงอยู่ต่างจังหวัด ปัญหาเริ่มเมื่อ 1 ปี ก่อน ปกติอาผู้หญิงของเราจะเป็นคนดูแลย่า ต่อมาป่วยจนเสียชีวิตไป ทำให้อาเขยต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านตัวเอง
ย่าจึงอยู่กับพ่อเราแค่สองคน (พ่อเราแยกทางกับแม่เราตั้งแต่เรายังเด็กแล้ว เรามาอยู่กับฝั่งปู่ย่า) ปัญหาคือเขาสองคนมักจะทะเลาะกันบ่อย ๆ เนื่องจากพ่อเราชอบหาปลามากและกลับดึก (ประมานตี 3 - ตี 4) พ่อเรามีอาชีพอีกอย่างคือขายไก่ปิ้งตอนเช้า กลับจากหาปลาก็ได้นอน 1-2 ชั่วโมง ทำให้ปลุกยากมากจนออกไปขายของสาย ย่าก็บ่น พ่อก้อเถียงกลับแค่รู้แล้วและนอนต่อจนบางวันก็สาย และของที่จะขายย่าเราต้องเป็นคนเตรียมทั้งหมด รวมถึงทำงานบ้านอย่างซักผ้า ถูบ้าน ล้างจานด้วย (พ่อไม่ได้ช่วยงานบ้าน ส่วนทำของขายแค่ออกไปซื้อของและช่วยเสียบเนื้อ ขั้นตอนอื่นย่าทำหมด) ย่าจึงยุ่งทั้งวันและมีอาการปวดขาและปวดหลัง และบ่นว่าเหนื่อย (ตรงนี้บ้านเรามีเครื่องซักผ้า มีของทุ่นแรง แต่ย่าไม่ยอมใช้เลย ทำมือหมด)
ด้วยเรื่องพวกนี้ทำให้ทะเลาะและมึนตึงใส่กัน เราเป็นลูกหลานทำงานข้างนอกค่อยส่งเงินให้ใช้แต่ไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อย แต่โทรกลับบ้านทุกวันตั้งแต่อาเสียชีวิต กลัวย่าจะเหงา รับรู้ปัญหาของพวกท่าน และพยายามพูดให้ดีกัน แต่ทั้งสองคนไม่ฟังเลย ย่าก็ว่ากูเป็นแม่มันเป็นลูก พ่อเราก็ว่าไม่มีอะไรแต่เรารู้ว่าเขาไม่ค่อยละเอียดอ่อน ไม่ค่อยง้อใคร ทั้งสองเลยมึนตึงใส่กัน ไม่คุยกันเลย
เราคนกลางคือเครียดมาก ตั้งแต่โควิครายได้เราไม่ได้เยอะ แค่พอส่งให้ใช้ทุกเดือน ไม่ค่อยมีเงินเก็บด้วยซ้ำ บางคนอาจจะบอกว่าทำไมเราไม่กลับไปดูแลย่าอยากจะบอกว่ากลับบ้านนอกตอนนี้มีแต่จะอดตาย งานมันไม่มีเลย จะทำของขายตลาดก็น้อยลูกค้าก็ไม่มี ที่กรุงเทพเราทำงานมาหลายที่กว่าจะเจอที่ที่อยู่แล้วมีความสุขและเงินเดือนโอเค จะพาย่ามาอยู่ด้วยเขาก็ไม่มา เขาไม่ชอบอยู่ห้องเฉย ๆ อยู่บ้านนอกยังมีเพื่อนคุย
อยากหาวิธีให้เขาดีกัน หรือไม่ก็หาวิธีที่ทำให้เราไม่คิดมาก ไม่เครียดจนต้องนอนร้องไห้ทุกวันเพราะปัญหาในครอบครัวแบบนี้
รู้สึกเครียดกับปัญหาระหว่าง พ่อกับย่า
ปู่เราเสียไปตั้งแต่ปี 55 ย่าจึงอยู่กับเรา (หลาน) พ่อเรา อาเราและอาเขย ต่อมาเราเรียนจบและมาทำงานกรุงเทพ ส่วนที่เหลือยังคงอยู่ต่างจังหวัด ปัญหาเริ่มเมื่อ 1 ปี ก่อน ปกติอาผู้หญิงของเราจะเป็นคนดูแลย่า ต่อมาป่วยจนเสียชีวิตไป ทำให้อาเขยต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านตัวเอง
ย่าจึงอยู่กับพ่อเราแค่สองคน (พ่อเราแยกทางกับแม่เราตั้งแต่เรายังเด็กแล้ว เรามาอยู่กับฝั่งปู่ย่า) ปัญหาคือเขาสองคนมักจะทะเลาะกันบ่อย ๆ เนื่องจากพ่อเราชอบหาปลามากและกลับดึก (ประมานตี 3 - ตี 4) พ่อเรามีอาชีพอีกอย่างคือขายไก่ปิ้งตอนเช้า กลับจากหาปลาก็ได้นอน 1-2 ชั่วโมง ทำให้ปลุกยากมากจนออกไปขายของสาย ย่าก็บ่น พ่อก้อเถียงกลับแค่รู้แล้วและนอนต่อจนบางวันก็สาย และของที่จะขายย่าเราต้องเป็นคนเตรียมทั้งหมด รวมถึงทำงานบ้านอย่างซักผ้า ถูบ้าน ล้างจานด้วย (พ่อไม่ได้ช่วยงานบ้าน ส่วนทำของขายแค่ออกไปซื้อของและช่วยเสียบเนื้อ ขั้นตอนอื่นย่าทำหมด) ย่าจึงยุ่งทั้งวันและมีอาการปวดขาและปวดหลัง และบ่นว่าเหนื่อย (ตรงนี้บ้านเรามีเครื่องซักผ้า มีของทุ่นแรง แต่ย่าไม่ยอมใช้เลย ทำมือหมด)
ด้วยเรื่องพวกนี้ทำให้ทะเลาะและมึนตึงใส่กัน เราเป็นลูกหลานทำงานข้างนอกค่อยส่งเงินให้ใช้แต่ไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อย แต่โทรกลับบ้านทุกวันตั้งแต่อาเสียชีวิต กลัวย่าจะเหงา รับรู้ปัญหาของพวกท่าน และพยายามพูดให้ดีกัน แต่ทั้งสองคนไม่ฟังเลย ย่าก็ว่ากูเป็นแม่มันเป็นลูก พ่อเราก็ว่าไม่มีอะไรแต่เรารู้ว่าเขาไม่ค่อยละเอียดอ่อน ไม่ค่อยง้อใคร ทั้งสองเลยมึนตึงใส่กัน ไม่คุยกันเลย
เราคนกลางคือเครียดมาก ตั้งแต่โควิครายได้เราไม่ได้เยอะ แค่พอส่งให้ใช้ทุกเดือน ไม่ค่อยมีเงินเก็บด้วยซ้ำ บางคนอาจจะบอกว่าทำไมเราไม่กลับไปดูแลย่าอยากจะบอกว่ากลับบ้านนอกตอนนี้มีแต่จะอดตาย งานมันไม่มีเลย จะทำของขายตลาดก็น้อยลูกค้าก็ไม่มี ที่กรุงเทพเราทำงานมาหลายที่กว่าจะเจอที่ที่อยู่แล้วมีความสุขและเงินเดือนโอเค จะพาย่ามาอยู่ด้วยเขาก็ไม่มา เขาไม่ชอบอยู่ห้องเฉย ๆ อยู่บ้านนอกยังมีเพื่อนคุย
อยากหาวิธีให้เขาดีกัน หรือไม่ก็หาวิธีที่ทำให้เราไม่คิดมาก ไม่เครียดจนต้องนอนร้องไห้ทุกวันเพราะปัญหาในครอบครัวแบบนี้