คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 52
หลายๆคนอ่านดูแล้วก็พบว่ามีตรรกะที่น้อยจึงไม่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นออกมาได้
ทุกอย่างล้วนมีที่มา ที่ไป ในชีวิตจริงยังมีคนอีกมาก ที่เสียโอกาสในการเปลี่ยนงาน เพราะกลัวไปที่ใหม่แล้วไม่รอด ไม่เหมือนกับที่คิดไว้ ที่ใหม่เพื่อนร่วมงานไม่ดี เจ้านายไม่ดี อึดอัด กลัวตกงาน ไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ
อย่างที่บอก บทความที่ผมเขียนไม่ได้ต้องการให้ทุกคนที่อ่านได้รับประโยชน์จากมัน จะมีแค่บางคนที่อ่านแล้วหาเหตุและผล ใจความสำคัญของเนื้อหานี้ได้ ซึ่ง ผมคิดว่ามีเพียง 10% ของผู้อ่านทั้งหมดที่เข้าใจมัน ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จในการเผยแพร่บทความนี้แล้ว
เช่นเดียวกับที่คนเงินเดือนเกิน 1 แสนในประเทศนี้เชื่อว่า มีไม่ถึง 10% จากมนุษย์เงินเดือนทั้งหมด นั่นก็คือคนที่ศักยภาพไม่ถึงย่อมไม่สามารถนำพาตัวเองให้ไปสู่จุดที่เหนือกว่าคนส่วนใหญ่ได้
"ผมยอมเป็นขวานที่ใช้เวลาลับคมมาอย่างยาวนาน ดีกว่าเป็นขวานทื่อๆ ที่ขยันตัดต้นไม้ แล้วอวดได้แค่จำนวนต้นไม้ที่ตัด"
ก็อย่างที่บอก หลายๆความเห็นก็เข้าใจในบทความนี้ ถึงเป็นคนส่วนน้อยผมถือว่าเขาได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ
ทุกอย่างล้วนมีที่มา ที่ไป ในชีวิตจริงยังมีคนอีกมาก ที่เสียโอกาสในการเปลี่ยนงาน เพราะกลัวไปที่ใหม่แล้วไม่รอด ไม่เหมือนกับที่คิดไว้ ที่ใหม่เพื่อนร่วมงานไม่ดี เจ้านายไม่ดี อึดอัด กลัวตกงาน ไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ
อย่างที่บอก บทความที่ผมเขียนไม่ได้ต้องการให้ทุกคนที่อ่านได้รับประโยชน์จากมัน จะมีแค่บางคนที่อ่านแล้วหาเหตุและผล ใจความสำคัญของเนื้อหานี้ได้ ซึ่ง ผมคิดว่ามีเพียง 10% ของผู้อ่านทั้งหมดที่เข้าใจมัน ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จในการเผยแพร่บทความนี้แล้ว
เช่นเดียวกับที่คนเงินเดือนเกิน 1 แสนในประเทศนี้เชื่อว่า มีไม่ถึง 10% จากมนุษย์เงินเดือนทั้งหมด นั่นก็คือคนที่ศักยภาพไม่ถึงย่อมไม่สามารถนำพาตัวเองให้ไปสู่จุดที่เหนือกว่าคนส่วนใหญ่ได้
"ผมยอมเป็นขวานที่ใช้เวลาลับคมมาอย่างยาวนาน ดีกว่าเป็นขวานทื่อๆ ที่ขยันตัดต้นไม้ แล้วอวดได้แค่จำนวนต้นไม้ที่ตัด"
ก็อย่างที่บอก หลายๆความเห็นก็เข้าใจในบทความนี้ ถึงเป็นคนส่วนน้อยผมถือว่าเขาได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
ที่1 ทำงานวิศวกรโรงงาน 2 ปี เงินเดือน 25,000 บาท (600,000)
ที่ 2 ทำงานวิศวกรโรงงาน 2 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 37,000 บาท (888,000)
ที่ 3 ทำงานวิศวกรโรงงาน 1 ปี เงินเดือน 50,000 บาท (600,000)
ที่ 4 ทำงานวิศวกรเอกชน 2.5 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 83,000 บาท (2,490,000)
ที่ 5 ทำงานวิศวกรเอกชน 3 ปีเงินเดือน 125,000 บาท (4,500,000)
รวมรายรับทั้งหมดตลอดระยะเวลา 10 ปี รวมแล้ว 9,078,000 บาท มีเงินเก็บแค่หลักแสน.......ครับ
ผมยอมเป็นวิศวกรต๊อกต๋อยคนหนึ่งที่อยู่ที่เดิม รับเงินเดือน 4-50,000 บาท มีบ้านหลังละ 3ล้าน ขับรถบ้านๆ 2ล้านดีกว่าครับ
ซึ่งถ้าเทียบกับชีวิตของคุณอาจจะใช้สนุก ใช้มัน คุ้มค่า แล้วตอนนี้อะไรคือฐานที่มั่นของคุณหรอครับ? ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ เข้าใจได้ แล้วทรัพย์สินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้างหรอครับ เงินเก็บหลักแสน ที่ถ้าตกงานก็คงใช้หมดภายในไม่ถึงปี ด้วยการใช้ชีวิตมาตั้งแต่ต้นทางการทำงาน
ฐานเงินเดือนสูงผมว่าคุณเก่ง และประสบความสำเร็จในการทำงานระดับหนึ่ง แต่คุณแค่ล้มเหลวในการใช้ชีวิต ติดกับดักความฟุ่มเฟือย แทนติดกับดักบ้าน และรถครับ ต่างกันมากจริงๆ เหมือนกับติดกับดักการพนันแหละ มีเท่าไหร่ก็แทบไม่พอ แทบไม่เหลือ
ที่ 2 ทำงานวิศวกรโรงงาน 2 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 37,000 บาท (888,000)
ที่ 3 ทำงานวิศวกรโรงงาน 1 ปี เงินเดือน 50,000 บาท (600,000)
ที่ 4 ทำงานวิศวกรเอกชน 2.5 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 83,000 บาท (2,490,000)
ที่ 5 ทำงานวิศวกรเอกชน 3 ปีเงินเดือน 125,000 บาท (4,500,000)
รวมรายรับทั้งหมดตลอดระยะเวลา 10 ปี รวมแล้ว 9,078,000 บาท มีเงินเก็บแค่หลักแสน.......ครับ
ผมยอมเป็นวิศวกรต๊อกต๋อยคนหนึ่งที่อยู่ที่เดิม รับเงินเดือน 4-50,000 บาท มีบ้านหลังละ 3ล้าน ขับรถบ้านๆ 2ล้านดีกว่าครับ
ซึ่งถ้าเทียบกับชีวิตของคุณอาจจะใช้สนุก ใช้มัน คุ้มค่า แล้วตอนนี้อะไรคือฐานที่มั่นของคุณหรอครับ? ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ เข้าใจได้ แล้วทรัพย์สินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้างหรอครับ เงินเก็บหลักแสน ที่ถ้าตกงานก็คงใช้หมดภายในไม่ถึงปี ด้วยการใช้ชีวิตมาตั้งแต่ต้นทางการทำงาน
ฐานเงินเดือนสูงผมว่าคุณเก่ง และประสบความสำเร็จในการทำงานระดับหนึ่ง แต่คุณแค่ล้มเหลวในการใช้ชีวิต ติดกับดักความฟุ่มเฟือย แทนติดกับดักบ้าน และรถครับ ต่างกันมากจริงๆ เหมือนกับติดกับดักการพนันแหละ มีเท่าไหร่ก็แทบไม่พอ แทบไม่เหลือ
ความคิดเห็นที่ 9
ตลอดระยะเวลาการทำงาน 10กว่าปี จขกท.ยังมีเงินเก็บไม่ถึงล้านเลยเพราะมีเยอะใช้เยอะ อันนี้เรามองว่าไม่ได้ดีเด่อะไรเลย มีเพียงตัวเลขเงินเดือนแสนเฉยๆ แต่ไม่ได้ทำให้สิ่งที่ได้รับมาเกิดประโยชน์หรือปล่าวนะคะ? ได้มีการลงทุนอะไรไว้ไหม มองชีวิตระยะยาวไว้ว่าอย่างไร
เราที่ผ่อนคอนโดต้นเหลือ 700k ผ่อนรถยนต์เหลือ 3ปี และซื้อมอเตอร์ไซค์เงินสด ตั้งแต่เงินเดือน 40k ตอนนี้ 6xk อายุยี่สิบปลายๆ แบ่งเก็บเผื่อฉุกเฉินบ้าง ลงทุนบ้างเล็กๆน้อยๆ ใช้ชีวิตปกติมีความสุขดีค่ะ เพราะเรามีวิธีการจัดการที่ดี ไม่เกินตัว ถามว่าเรากลัวที่จะเปลี่ยนงานไหม? ตอนแรกกลัวค่ะช่วงซื้อรถยนต์ใหม่ๆ แถมโดนโกงจากการลงทุนไป 140k เงินเก็บเหลือไม่ถึงแสน เริ่มเก็บใหม่ ตอนนี้มี 200k อยู่ในระดับปลอดภัยระดับนึง จึงย้ายงาน มองกลับไปก็ภูมิใจนะคะ เรามีทุกอย่างแล้ว อันนี้เราก็ไม่เคยอวดว่าตัวเองดีเด่อะไร เราคิดว่าแต่ละคนมีเป้าหมายของความสุขที่แตกต่างกัน เราเคารพคนอื่นในหนทางการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันค่ะ
เราที่ผ่อนคอนโดต้นเหลือ 700k ผ่อนรถยนต์เหลือ 3ปี และซื้อมอเตอร์ไซค์เงินสด ตั้งแต่เงินเดือน 40k ตอนนี้ 6xk อายุยี่สิบปลายๆ แบ่งเก็บเผื่อฉุกเฉินบ้าง ลงทุนบ้างเล็กๆน้อยๆ ใช้ชีวิตปกติมีความสุขดีค่ะ เพราะเรามีวิธีการจัดการที่ดี ไม่เกินตัว ถามว่าเรากลัวที่จะเปลี่ยนงานไหม? ตอนแรกกลัวค่ะช่วงซื้อรถยนต์ใหม่ๆ แถมโดนโกงจากการลงทุนไป 140k เงินเก็บเหลือไม่ถึงแสน เริ่มเก็บใหม่ ตอนนี้มี 200k อยู่ในระดับปลอดภัยระดับนึง จึงย้ายงาน มองกลับไปก็ภูมิใจนะคะ เรามีทุกอย่างแล้ว อันนี้เราก็ไม่เคยอวดว่าตัวเองดีเด่อะไร เราคิดว่าแต่ละคนมีเป้าหมายของความสุขที่แตกต่างกัน เราเคารพคนอื่นในหนทางการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 32
"มีเงินเก็บหลักแสนเองครับ ข้อเสียของคนไม่มีภาระแบบผมคือ มีเยอะก็ใช้เยอะ ฟุ่มเฟือยไปเรื่อย เอาไปกิน ไปซื้อของเล่นหมด"
เวร....... นึกว่าดี ที่ไหนได้
ไม่มีเงินออมเลย เอาเงินไปใช้หมด ในขณะที่คนอื่นเค้ามีทรัพย์สิน มีบ้าน มีรถ แต่คุณเอาไปกินเอาไปเที่ยวจนหมด ....
ยังพอมีเวลาแก้ตัวทัน รู้จักหัดออม หรือเอาเงินไปลงทุนให้มันออกดอกออกผลงอกเงยจนทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงิน
ความหมายของคำว่า "มีอิสระภาพทางการเงิน" ก็คือ คุณสามารถมีรายได้ที่เกิดจาก passive income มากกว่า รายจ่ายประจำเดือน จนทำให้ไม่ต้องทำงาน ก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ จากเงิน passive income เหล่านี้
เวร....... นึกว่าดี ที่ไหนได้
ไม่มีเงินออมเลย เอาเงินไปใช้หมด ในขณะที่คนอื่นเค้ามีทรัพย์สิน มีบ้าน มีรถ แต่คุณเอาไปกินเอาไปเที่ยวจนหมด ....
ยังพอมีเวลาแก้ตัวทัน รู้จักหัดออม หรือเอาเงินไปลงทุนให้มันออกดอกออกผลงอกเงยจนทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงิน
ความหมายของคำว่า "มีอิสระภาพทางการเงิน" ก็คือ คุณสามารถมีรายได้ที่เกิดจาก passive income มากกว่า รายจ่ายประจำเดือน จนทำให้ไม่ต้องทำงาน ก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ จากเงิน passive income เหล่านี้
ความคิดเห็นที่ 11
คุณไม่ซื้อบ้านซื้อรถ แต่คุณใช้เงินกับสิ่งอื่นที่คนอื่นบอกว่าไม่สำคัญรึป่าวครับ แต่ละคนมีบริบทความสำคัญไม่เหมือนกัน แล้วสิ่งตัวอย่างของเพื่อนคุณที่ทำงาน 10 ปีเหมือนกันซื้อบ้านซื้อรถแต่เงินเดือนน้อยกว่าคุณก็อาจจะตัดสินไม่ได้นะครับว่า สิ่งที่คุณทำถ้าคนอื่นเอาไปใช้แล้วจะมีความสุขครับ
ถ้าคุณลองได้มาเจอสิ่งตัวอย่างอีกแบบที่มีบ้านมีรถ เงินเดือนเยอะและยังมีเงินเก็บอีก ซึ่งผมว่ามีเยอะมากๆด้วย มันก็สรุปตามที่คุณบอกไม่ได้
ดังนั้นประเด็นที่คุณอยากจะบอกคือ อยากได้เงินเดือนเยอะต้องกล้าที่จะเปลี่ยนงาน แต่คิดดีๆนะหากมีบ้านแล้วการจะย้ายที่อยู่มันจะกระทบต่อการตัดสินใจนะ มากกว่าครับ (ผมว่าภาระรถทำให้เราย้ายงานได้ง่ายขึ้นนะครับ)
ถ้าคุณลองได้มาเจอสิ่งตัวอย่างอีกแบบที่มีบ้านมีรถ เงินเดือนเยอะและยังมีเงินเก็บอีก ซึ่งผมว่ามีเยอะมากๆด้วย มันก็สรุปตามที่คุณบอกไม่ได้
ดังนั้นประเด็นที่คุณอยากจะบอกคือ อยากได้เงินเดือนเยอะต้องกล้าที่จะเปลี่ยนงาน แต่คิดดีๆนะหากมีบ้านแล้วการจะย้ายที่อยู่มันจะกระทบต่อการตัดสินใจนะ มากกว่าครับ (ผมว่าภาระรถทำให้เราย้ายงานได้ง่ายขึ้นนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
มีเงินเดือนเป็นแสนได้ เพราะไม่ติดกับดัก บ้าน รถ
ผมทำงานนับจากเรียบจบปริญญาตรีมาได้ 10 ปีแล้ว ในสายงาน วิศวกรรม แต่ผมอาจจะมีข้อเสียคือผมเป็นคนที่ไม่ได้สนใจโลกว่าคนอื่นเขาจะเป็นยังไง อยากได้อะไร คือพูดง่ายๆว่า ตั้งแต่เรียนจบมา ผมยังไม่รู้เลยว่าการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มันคืออะไร ต้องทำยังไง
timeline ย่อๆ ในการเปลี่ยนงานของผม
ที่1 ทำงานวิศวกรโรงงาน 2 ปี เงินเดือน 25,000 บาท
ที่ 2 ทำงานวิศวกรโรงงาน 2 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 37,000 บาท
ที่ 3 ทำงานวิศวกรโรงงาน 1 ปี เงินเดือน 50,000 บาท
ที่ 4 ทำงานวิศวกรเอกชน 2.5 ปี + เลื่อนขั้น 1 ครั้ง เงินเดือน 83,000 บาท
ที่ 5 ทำงานวิศวกรเอกชน 3 ปีเงินเดือน 125,000 บาท
ตั้งแต่ผมเรียนจบมา ผมก็ทำงาน เช่าหอพัก ไม่มีรถส่วนตัว เพื่อนหลายๆคน พอเริ่มมีเงินเดือนก็ไปผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะต้องไปหาซื้อมาเป็นภาระทำไม ไม่ค่อยเข้าใจคำว่า วัยรุ่นสร้างตัว ยอมเป็นหนี้อายุน้อย อะไรพวกนั้น อาจจะไม่อินกับสังคมโลกเหมือนชาวบ้าน ชาวช่องเขา
สิ่งที่ผมสนใจคือการเพิ่มเงินเดือนให้ได้มากที่สุด และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ผมต่างจากเพื่อนที่จบมาพร้อมๆกัน
1.ผมไม่เคยสนใจเรื่องรถ เรื่องบ้าน อาจเรียกว่าเป็นคนขวางโลกทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา
2.ผมกล้าเปลี่ยนงาน โดยไม่กลัวการตกงาน เพราะผมไม่มีภาระอะไรเลย ผมจึงกล้าย้ายงานไปที่ๆ ให้เงินเดือนมากกว่า โดยไม่ต้องคิดเยอะ
3.การย้ายงานแต่ละครั้ง ทำให้ผมมีเงินเดือนที่กระโดดจากที่เก่าๆค่อนข้างมาก นี่แหละคือจุดสำคัญ
จากการสอบถามปัญหาถึงเพื่อนๆ ที่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แล้วมีเงินเดือนไม่กี่หมื่น ไม่กล้าย้ายงานจากที่เก่า ส่วนนึงก็เพราะกลัวไม่มีเงินส่งค่างวด กลัวไปที่ใหม่ไม่รอด
ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจว่า ทำไมช่วงเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา ผมจึงมีเงินเดือนที่ไปได้ไกลกว่า เพื่อนๆในวัยเดียวกัน เพราะความที่ผมกล้าเปลี่ยน ไม่มีภาระต่างๆนี่เองตลอด 10 ปี ผมเปลี่ยนงานมา 5 ที่ ซึ่งเงินเดือนก็เพิ่มมาเรื่อยๆ ในขณะที่เพื่อนที่ตัดสินใจ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ยังอยู่ที่เดิม ไม่ก็เปลี่ยนงานแค่ครั้งเดียว เงินเดือนก็แถวๆ 40k - 50k เท่านั้น
แต่ข้อเสียของผมก็มีเหมือนกัน เพราะช่วงนี้ที่ผมเริ่มอยากมาซื้อรถ ซื้อบ้าน บ้างแล้วกลับพบว่า เพื่อนหลายๆคนที่ยอมลำบากก็มีของตัวเองกันหมดแล้ว
แต่ผมต้องมานับหนึ่งใหม่ เงินเดือนสุดท้ายก็ต้องแบ่งไปผ่อนไปซื้อของพวกนี้อยู่ดี มันก็ลดลงไม่ต่างจากเพื่อนๆ ที่ตอนนี้ไม่ต้องผ่อนอะไรพวกนั้นแล้ว
ยังไงคนที่จบใหม่ๆ แล้วอินดี้แบบผม ก็ลองตัดสินใจดูนะครับ ว่าจะกล้าเสี่ยงแบบผม หรือจะยอมเหนื่อยลงทุนกับสิ่งที่อยากได้ไปก่อน แล้วสบายทีหลังทุกอย่างมันก็คงมีข้อดี ข้อเสียต่างกัน