มีใครเคยย้อนคิดไหม ว่าชีวิตเราผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุดมายังไง เเบบชีวิตเเย่สุดๆ เเต่ก็สู้จนผ่านมันไปได้ด้วยดี

ในวันว่างๆ ผมมักจะเเวะมาดู ห้องต่างๆตาม pantip เช่น พวก ห้องปัญหาชีวิต 
คือพออ่านไป คือก็รู้สึกค่อนข้างเห็นใจนะ เพราะบางอย่างมันเป็นเรื่องที่ ช่วยอะไรมากไม่ได้ นอกจาก
ให้กำลังใจเเละคำเเนะนำ เช่น เรื่องปัญหาครอบครัว เรื่องเรียน เรื่องหนี้สิน ต่างๆ นาๆ 
.
.
ผมนึกย้อนถึงตัวเองตั้งเเต่เกิด  ผมเกิดมาเป็นโรค ปากเเหว่งเพดานโหว่งตั้งเเต่กำเนิด
ซึ่งผลที่ตามมา นอกจากจะมีปัญหาทางสุขภาพ เป็นไซนัส หายใจลำบาก โพรงจมูกเเห้ง
ก็ยังต้องโดนล้อ โดนบูลลี่ เพราะพูดไม่ชัด ซึ่งกว่าจะดูปกติ ต้องรักษาเเละผ่าตัดหลายรอบมาก
เเต่มันก็เป็นไปได้ยาก ที่จะดูปกติ เเบบคนปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองหล่อหลอมให้เป็นคนขาดความมั่นใจ
ไม่ค่อยกล้าเเสดงออก เเละมักจะมีอะไรที่ฉุดรั้งในใจเสมอ 
.
.
เรื่องการเรียนเเละการทำงาน ผมจบเพียง กศน ม.6 เเถมเรียนรามไม่จบ เพราะ ไม่อยากนำเสนอหน้าห้อง
ไม่อยากทำอะไรที่ต้องพูดหรือเเสดงออก ช่วงอายุ 18 - 24 คือช่วงที่กดดันมากที่สุดในชีวิต
ทุกคนรอบข้างกังวลว่าเราเป็นภาระ เลยเกิดความกดดัน เเละรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมายมากๆ
ชีวิตไม่มีความสุขเลย ต้องอยู่เเบบระเเวง ใช้ชีวิตเเบบไม่มีเป้าหมาย เล่นเกมส์ดูหนังทั้งวัน
ซึ่งนั่นก็ทำให้คนรอบข้างมองว่าเราเป็นเเค่คนไร้คุณภาพคนหนึ่ง
.
.
จริงๆ ผมเริ่มศึกษา เขียนโปรเเกรม หาช่องทางทำงานออนไลน์ เรื่อยๆมา โพสข่าวบนเฟสบ้าง
มีบางช่วงได้เงิน เดือนละ 30000 - 40000 ซึ่งดีใจมาก ตอนนั้น อายุ ประมาณ 20  เเต่ก็นั่นเเหละเอาไปเติมเกมส์ ซื้อของหมด 
เก็บเงินไม่เป็น เเละขาดการวางเเผน
.
.
ผมเริ่มจากทำสิ่งที่ตัวเองชอบ เเล้วได้รับ feed back ส่วนตัวมีนิสัยติสท์ คือทำอะไรเเจกฟรี
ตาม youtube เเต่สิ่งที่ผมทำคือทำด้วยใจ เเล้วมันใช้ดี คนเลยเริ่มรู้จัก ทำให้ผมได้ศึกษาพวกภาษาอังกฤษเเบบจริงจัง
จากการติดหนังติดซีรีย์ มันทำให้ผมได้ภาษา เฉย..  ตอนเเรกเข้าใจว่าตัวเองเเค่พิมพ์ได้อ่านออก
เเต่เอาจริงๆ ก็พูดได้ปกติ เจ้าของภาษาฟังเเล้วเข้าใจโต้ตอบกันได้  
.
.
จากทำฟรี เริ่มหาช่องทางทำเงิน คือผมเขียนโปรเเกรม เเล้วเอามาใช้เอง 
เเล้วก็เเจกคนอื่นด้วย ส่วนมากต่างชาติจะเข้ามาใช้ พอมีฐานคนก็เริ่มขาย พอขายก็ขยายมาเก็บเป็นรายเดือน
รายได้ไล่ๆ มาเดือนละ 40000 - 60000 - 80000 จนปัจจุบันอายุ 27 ก็ได้เดือนละประมาณ 180000 - 300000+ 
ข้อดีคือผมไม่ได้ลงทุนอะไรเลย เเต่ผมลงทุนกับความรู้ เเละทักษะ ที่เเก้ปัญหาที่คนต้องการได้
.
.
เเถมนะ มีช่วงหนึ่งผมงดโซเซี่ยล พวกเฟสบุ๊คบุ๊ค เพราะเปรียบเทียบกับความสำเร็จคนอื่น 
โดยเฉพาะในสายงานเดี่ยวกัน คือบางคนชอบโพสอวดว่าทำเเบบนี้ได้  พอเห็นโพสเเบบนี้เเล้วในใจมันเกิดการเปรียบเทียบ
เเละเเข่งขัน จนเกิดเป็น social  toxic ผลที่ตามมาคือหมดไฟในชีวิต รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า
สำหรับบางคนอาจจะถูกกระตุ้นด้วยโพสอวดรวย ชีวิตหรู เเต่สำหรับผม คือ ถูกกระตุ้นด้วย โพสประมาณว่า คนนี้เก่ง คนนี้เทพ
ซึ่งผมพยายามสู้เเละฝืนเล่นเฟสไป อาการทางใจ มันเเย่ลง จนในที่สุด ผมไปอ่านหนังสือ ของฝรั่งคนหนึ่ง 
เขาบอกว่า ให้ลบเพื่อน หรือ ซ่อนการมองเห็นโพสให้หมด เพราะพวกนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราพัฒนา
.
.
คนเหล่านี้จะอวดรวย อวดเก่ง ด้วยการยกตัวยกเองให้สูง  เเต่จะไม่เเชร์ว่า อะไรที่ทำให้เขาทำได้เเบบนั้น 
คนที่เราควรติดตาม คือคนที่เก่ง ประสบความสำเร็จ เเละมีใจที่จะเเบ่งปันประสบการณ์
ที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้  จนในที่สุดผมก็ซ่อนการมองเห็นเฟสเหล่านั้นทั้งหมด
.
.
มาตั้งต้นใหม่ จนปี 2021 ผมเป็นคนไทยคนเดียวที่ หาช่องโหว่งเฟสบุ๊คได้ เเละได้รับเงินรางวัล จากเฟสบุ๊ค
พร้อมประกาศรายชื่อบน white hat facebook คือผมอินกับการบรรลุจุดหมายครั้งนี้มาก
จากนั้นผมก็มาโฟกัสกับธุรกิจต่อ กราฟชีวิตผมก็ค่อยๆ ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ปี 2023 
ผมก็ได้รับเงินรางวัลอีกครั้งจากการหาช่องโหว่บัคเฟสบุ๊ค ซึ่งผมก็ค่อนข้างอินเช่นเคย
เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่เคยมีชื่อติดบนลิส whitehat  ของเฟสบุ๊ค
เเถมรู้สึกว่ามันเป็นประกาศณียบัตรไปในตัว สำหรับคนที่ไม่มีใบปริญญาอะไรเลย
ทุกวันนี้ผมมีธงในใจ คือ จะไม่รับฟังคำสั่งจากใคร ทำงานให้ใคร เเละจะทำตามเป้าหมายตัวเองเท่านั้น
.
.
จริงๆ ผมมีเรื่องเล่ามากมาย สิ่งที่ช่วยทำให้ผมฝ่าฟันมีหลายอย่าง
ผมเองฝึกสมาธิในระดับที่มีความชำนาญ เเละ ติดตามพระธุดงค์ถึง 4 ปี
เนื่องจากผมสนใจทางจิตวิญญาณ มาตั้งเเต่เด็ก 
เเละเคยเกือยตายในป่า ไม่ว่าจะหลงในถ้ำลึก หลงป่า น้ำป่าพัด เกือบตกหน้าผา เเต่ก็รอดมาได้เพราะมีสติ
เเต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมีช่วงที่หลุดกรอบชีวิต ไปสู้จุดที่เป็นคนที่ขาดจุดหมายในชีวิต 
ซึ่งจากการฝีกฝน จึงดึงตัวเองให้ฝืน เเละดิ้นรนสู้ต่อไปได้ 
.
.
สิ่งที่เป็น หัวใจหลักของผม คือ การฝืนใจตัวเอง การมีวินัย 
คนส่วนใหญ่เลือกที่จะทำตามใจ หลบหนีไปอยู่กับความสบาย มันเลยทำให้เราวนเวียนในลูปเดิมๆ
ถ้าเราฝึกตรงนี้มันก็จะทวนได้เเม้กระทั้งสัญชาติญาณ เดิมของมนุษย์
ถ้าทำได้ตรงนี้ชีวิตอยู่ง่ายขึ้นมาก เพราะเพียงเเค่เราลดความสำคัญของตัวเรา
เราก็จะโฟกัสประโยชน์ตนอย่างเเท้จริง เเละ เผื่อเเผ่ประโยชน์ไปสู่คนอื่น
ถ้าจะถามว่าผมได้เเนวคิดเรื่องการทวนใจ มาจากใคร  คือมาจาก หลวงพ่อ กัณหา สุขกาโม
ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อชา ซึ่งนี่ก็จะโยงไปถึงเรื่องที่ผมเกริ่นว่าได้ติดตามพระธุดงค์ถึง 4 ปี 
.
.
ผมอยู่ในจุดที่ชีวิตมันน่าเศร้าเพราะตัวเองทำอะไรไม่ได้ จนต้องเดินไปร้องไห้คนเดียวในหลายๆครั้งๆ
คือมันหมดหวังที่จะไปต่อ ทั้งเรื่อง ครอบครัว เรื่องอนาคต เรื่องสุขภาพ ไปๆมาๆ โรงพยาบาล จัดฟัน ผ่าตัด 5 - 6 ครั้ง
ปัจจุบัน ผมรู้สึกกราบใจตัวเอง ที่ฝ่าฟันมันมาได้ เจตนาในใจผมมีความชัดเจน รู้ว่าทำอะไร
เเต่ก็ไม่ประมาท มีความสุขุม เห็นเเก่ตัวน้อยลง ไม่ได้รักษาภาพลักษณ์ว่าต้องทำตัวดูดี
คือรู้สึกเป็นปกติ  เเละ มีความั่นใจ ที่ตัวเองขาดความมั่นใจ มีความสุข ทุกข์ ตามอัตภาพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่