ตั้งแต่เราจำความได้ คือพ่อแม่เราไม่ได้มีเงินมาก ทุกสิ่งถ้าประหยัดได้ เราต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ก่อนซื้อของ ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจำเป็นไหม และซื้อราคาที่ถูกที่สุด ของใช้ต่างๆ อุปกรณ์การเรียน ต้องใช้ต่อจากพี่ ตอนเราเรียน ป.ตรี เราต้องอยู่หอ สิ่งที่เราจำได้ถึงตอนนี้คือ เราไปห้องเพื่อนเรา แล้วเราเห็นผ้าห่มเขา เป็นลายการ์ตูนดิสนีย์ เราแอบมองแล้วอยากได้ แต่เรามีเพียงผ้าห่มเก่าๆ ที่เอามาจากบ้าน ต่อมาตอนปี 3 เราอยากไป work and travel ที่เมืองนอก แต่เราก็ไม่ได้ไป เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ เรารู้ว่าพ่อแม่เราไม่มีเงิน เราเลยไม่ได้ขอ ตอนเราเรียนจบ เราก็อยากไป work and holiday หรือเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เมืองนอก แต่เราก็ไม่ได้ไป เพราะเราต้องเก็บเงินให้น้องเราเรียนหนังสือ เราเสียใจที่ไม่ได้ทำ ตอนนี้ยังเสียใจอยู่ แต่ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจว่าทุกคนไม่ได้ทุกสิ่งที่อยากได้ เราทำงาน ประหยัด ส่งน้องเรียนหนังสือ เก็บเงิน จนพอจะผ่อนบ้านได้ ผ่อนคนเดียว ไม่มีคนช่วย ตอนนี้ค่าผ่อนบ้านคือครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเรา
เข้าเรื่องคือ ประมาณต้นปี 2564 คุณน้าเรา (น้องคุณแม่) ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอไซต์ ประกอบกับช่วงโควิค ทำให้ต้องออกจากงานและย้ายมาอยู่บ้านเรา ก่อนหน้านี้ อาเราเช่าห้องอยู่คนเดียว ตอนแรกเราเข้าใจว่าแกป่วย ประกอบกับช่วงนั้นเรา wfh เนื่องจากโควิค เราจึงอยู่บ้านเป็นส่วนมาก และก็ทำงานบ้านเป็นส่วนมากด้วยเช่นกัน (แม่เรายังทำงานข้างนอกอยู่) คุณน้าเราแก่ด้วยและขี้เกียจด้วย จนเราไม่รู้จะพูดยังไง ด้วยความที่เราไปทำงานข้างนอก กลับบ้านมาเราก็เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนหรือทำสิ่งที่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะต้องทำงานบ้าน ขอยกตัวอย่างพฤติกรรมบางประการของคุณน้า เช่น 1.ตื่นเช้ามานั่งดูทีวี แล้วก็รอให้คนอื่นหุงหาอาหารให้กิน 2. งานบ้านไม่ทำอะไรมาก แค่ล้างจ้านตอนเย็น แต่กินอยู่บ้านเรา ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายใดๆ 3. ไม่ช่วยเหลืองานบ้านอื่นใด เช่น ถ้าตากผ้าไว้ แล้วคุณอาอยู่บ้าน ก็ไม่มีน้ำใจจะช่วยเก็บผ้า หรือว่าฝนตก ก็เก็บแค่ผ้าตัวเอง 4.ของเยอะ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ก็วางไว้แบบนั้น เกะกะบ้านเรา ด้วยความที่แม่เรารักน้อง เลยไม่ได้ว่าอะไร
ตอนนี้เรามีปัญหาว่า เรารู้สึกรำคาญพฤติกรรมของคุณน้าข้างต้น ก่อนหน้านี้เราได้พยายามให้คุณแม่เราพูดกับคุณน้าแล้ว แต่ด้วยความแก่ และขี้เกียจ คุณน้าเลยไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องช่วยอะไรใคร ทุกวันนี้เสาร์อาทิตย์ เราไม่ได้พักเลย ต้องทำงานบ้าน รวมถึงวันธรรมดาก็ทำงานบ้านเช่นกัน น้าเราก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ พอแก่การเลี้ยงชีพ เพียงแค่ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และด้วยความเป็นญาติ เราเลยพูดอะไรไม่ได้ คุณน้าเราไม่มีบ้าน รถ ทรัพย์สินอื่นใด และเราเข้าใจว่าเงินที่หามาได้ตอนหนุ่ม แกได้ใช้จ่ายหมดแล้ว ตอนนี้คือคนแก่ ขี้เกียจ ไม่มีทรัพย์สิน แต่มีญาติพี่น้อง
เราเล่ามาเพื่อเตือนใจทุกคน 1.ยามหาเงินได้ ให้ใช้จ่ายพอประมาณ และเก็บไว้บางส่วน 2.บ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ในบั้นปลายของชีวิต อย่างน้อยก็มีบ้านของตัวเอง 3. ถ้าไม่มีลูก หากมีเงินพอให้ส่งหลานเรียนหนังสือ หลานอาจจะรู้สึกผูกพันธ์ มากว่าที่เรารู้สึกตอนนี้
มีญาติมาอยู่ด้วย รู้สึกลำบากใจ
เข้าเรื่องคือ ประมาณต้นปี 2564 คุณน้าเรา (น้องคุณแม่) ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอไซต์ ประกอบกับช่วงโควิค ทำให้ต้องออกจากงานและย้ายมาอยู่บ้านเรา ก่อนหน้านี้ อาเราเช่าห้องอยู่คนเดียว ตอนแรกเราเข้าใจว่าแกป่วย ประกอบกับช่วงนั้นเรา wfh เนื่องจากโควิค เราจึงอยู่บ้านเป็นส่วนมาก และก็ทำงานบ้านเป็นส่วนมากด้วยเช่นกัน (แม่เรายังทำงานข้างนอกอยู่) คุณน้าเราแก่ด้วยและขี้เกียจด้วย จนเราไม่รู้จะพูดยังไง ด้วยความที่เราไปทำงานข้างนอก กลับบ้านมาเราก็เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนหรือทำสิ่งที่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะต้องทำงานบ้าน ขอยกตัวอย่างพฤติกรรมบางประการของคุณน้า เช่น 1.ตื่นเช้ามานั่งดูทีวี แล้วก็รอให้คนอื่นหุงหาอาหารให้กิน 2. งานบ้านไม่ทำอะไรมาก แค่ล้างจ้านตอนเย็น แต่กินอยู่บ้านเรา ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายใดๆ 3. ไม่ช่วยเหลืองานบ้านอื่นใด เช่น ถ้าตากผ้าไว้ แล้วคุณอาอยู่บ้าน ก็ไม่มีน้ำใจจะช่วยเก็บผ้า หรือว่าฝนตก ก็เก็บแค่ผ้าตัวเอง 4.ของเยอะ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ก็วางไว้แบบนั้น เกะกะบ้านเรา ด้วยความที่แม่เรารักน้อง เลยไม่ได้ว่าอะไร
ตอนนี้เรามีปัญหาว่า เรารู้สึกรำคาญพฤติกรรมของคุณน้าข้างต้น ก่อนหน้านี้เราได้พยายามให้คุณแม่เราพูดกับคุณน้าแล้ว แต่ด้วยความแก่ และขี้เกียจ คุณน้าเลยไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องช่วยอะไรใคร ทุกวันนี้เสาร์อาทิตย์ เราไม่ได้พักเลย ต้องทำงานบ้าน รวมถึงวันธรรมดาก็ทำงานบ้านเช่นกัน น้าเราก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ พอแก่การเลี้ยงชีพ เพียงแค่ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และด้วยความเป็นญาติ เราเลยพูดอะไรไม่ได้ คุณน้าเราไม่มีบ้าน รถ ทรัพย์สินอื่นใด และเราเข้าใจว่าเงินที่หามาได้ตอนหนุ่ม แกได้ใช้จ่ายหมดแล้ว ตอนนี้คือคนแก่ ขี้เกียจ ไม่มีทรัพย์สิน แต่มีญาติพี่น้อง
เราเล่ามาเพื่อเตือนใจทุกคน 1.ยามหาเงินได้ ให้ใช้จ่ายพอประมาณ และเก็บไว้บางส่วน 2.บ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ในบั้นปลายของชีวิต อย่างน้อยก็มีบ้านของตัวเอง 3. ถ้าไม่มีลูก หากมีเงินพอให้ส่งหลานเรียนหนังสือ หลานอาจจะรู้สึกผูกพันธ์ มากว่าที่เรารู้สึกตอนนี้