บริษัทบัตรเครดิต E B โทรเข้าออฟฟิตและบอกข้อมูลกับเพื่อนที่ทำงานออฟฟิตคุณแม่จนคุณแม่ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจและซึมเศร้า

ขอปรึกษาท่านที่ทราบเกี่ยวกับกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลครับ
อันนี้ต้องขออนุญาต/ขอความกรุณาอย่าซ้ำเติมคุณแม่นะครับ เนื่องจากท่านไม่สบายต้องเข้าผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ และมีเอฟเฟคจากการผ่าตัดทำให้มีอาการหลงลืมและซึมเศร้า ทำให้ช่วงหลังผ่าตัด 3 เดือนท่านลืมความจำ (จำได้เฉพาะคนที่สนิทๆ)​ ซึ่งทำให้ท่านลืมเกี่ยวกับข้อมูลบัตรเครดิตที่ต้องชำระ (แม่ไม่เคยแจ้งใครเรื่องหนี้บัตรเครดิตว่ามีบริษัทไหนจำนวนเท่าไหร่ ใบแจ้งหนี้ส่งไปที่ทำงาน)​

ประเด็นมีอยู่ว่า มีบริษัทบัตรเครดิต E B โทรทวงหนี้ ซึ่งแม่ได้แจ้งความประสงค์กับบริษัทดังกล่าวให้ติดต่อที่เบอร์ส่วนตัวแม่หรือเบอร์ผมเอง(ลูก)​ซึ่งทางบริษัทได้โทรหาผมและผมได้เจรจาเพื่อขอประณอมหนี้และผ่อนชำระ (เนื่องจากแม่มีหลายบัตร ผมไม่มีกำลังในการจ่ายชำระทั้งหมด)​ แต่ล่าสุดแม่โทรมาโวยวายกับผมบอกว่าอับอายขายขี้หน้า ถามว่าอยากให้แม่เคลียดช๊อคตายหรอ เพราะว่าที่บริษัทดังกล่าวโทรไปที่ทำงานและบอกกับคนที่รับสายที่ทำงานว่าบริษัทมีโปรแกรมช่วยเหลือหนี้ของแม่ให้ติดต่อกลับ นาย A ไม่ทราบนามสกุล เบอร์ 02786XXXX
โดยวันนั้นแม่มีอาการปวดหัววิงเวียนศรีษะหนักเลยลาป่วยนอนอยู่ที่บ้านและได้ปิดโทรศัทพ์เพราะต้องการพักผ่อน ซึ่งขณะเดียวกันบริษัทดังกล่างก็ได้โทรหาผม และผมก็ได้พยายามเจรจาสอบถามว่ามีโปรแกรมความช่วยเหลืออะไรไหม แต่คนที่โทรมากลับปฏิเสธบอกว่าไม่มี ให้ไปจ่ายผ่อนชำระดอกเบี้ยภายในวันนั้นเท่านั้น
และในวันเดียวกันนั้นบริษัทกลับโทรหาที่ทำงานแม่และบอกคนรับสายว่าแม่มีหนี้และมีโปรแกรมที่จะช่วยเหลือ (ดูย้อนแย้งไหมครับ)​ ผมทราบมาว่าก่อนหน้านี้บริษัทนี้ก็ได้โทรเข้าไปที่ทำงานแม่ครั้งหรือสองครั้งก่อนหน้านี้ ขณะที่แม่รักษาตัวอยู่ที่บ้านด้วย
บริษัทบัตรอื่นที่เค้าติดต่อผมเหมือกัน เช่น Aeon เค้าก็โทรมาและแจ้งโครงการความช่วยเหลือกับผมเลยและไม่เคยติดต่อไปที่ทำงาน
บริษัท First choice ก็โทรมาและเมื่อผมแจ้งไปว่าคุณแม่ไม่สบาย เค้าก็ขอข้อมูลการรักษาและจะดำเนินการยกเลิกการติดตาม แต่ผมจะดำเนินการเจรจาชำระหนี้ต่อไปนะครับ ซึ่งไม่มีบริษัทใดนอกจาก E B ที่ตั้งใจโทรไปที่ทำงานและแจ้งข้อมูลกับคนที่ทำงาน

ผมเลยอยากปรึกษาว่า กรณีนี้ทางบริษัททำผิดตามกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไหมครับ และถ้าผิดทางผมซึ่งเป็นลูกสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างครับ
ขอคำชี้แนะจากผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกฏหมายหน่อยนะครับ
ขอความกรุณาและขอบคุณล่วงหน้าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่