สวัสดีครับทุกคน สัปดาห์ที่แล้วผมอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ เลยหาที่เที่ยว เนื่องจากรู้สึกว่าอเมริกาไม่ได้ดึงดูดเท่าไหร่นัก ครั้งประเทศแถบยุโรปจึงเป็นคำตอบ และสำหรับชาวไทยที่ต้องขอวิซ่าเข้าทุกประเทศอย่างเราๆ วิซ่าอังกฤษคือของ่ายและสะดวกสุดแล้ว ผมจึงเลือกไปอังฤษ ครั้งนี้ก็ไปหลายเมืองอยู่ แต่รู้สึกอีดินบะระประทับใจสุดแล้ว โดยผมเองก็มีความผูกพันกับเมืองนี้ เพราะสมัยเด็กผมเคยอ่านหนังสือท่องเที่ยวของน้า แล้วเขาพาเที่ยว Edinburgh เมืองที่ชื่ออ่านไม่เหมือนการสะกด การมาครั้งเลยอาจพูดได้ว่าเป็นการสานฝันวัยเด็กของผม ผมเลยจะมาเล่าเรื่องราวที่พบเจอ อัพเดตที่เที่ยวและมุมสวยๆ ที่น่าไปถ่ายรูปมาลง IG และพาทุกคนเรียนรู้แง่มุมต่างๆของเมืองนี้กับคนที่นี่ ไปฟังกันเลยครับบ
Calton hill มุมนี้มันเวอร์มาก มองเห็นทั้งตัวเมืองแบบรอบด้านในระยะใกล้
1. ผู้คน
รู้สึกว่าคนสก๊อตจะมีความเป็นมิตร คุยเก่ง อย่างตอนที่ผมเข้าบาร์ไปหาอะไรดื่ม แล้วคิดไม่ออกว่าจะดื่มอะไร ทั้งพนักงานและลูกค้าก็ช่วยแนะนำเป็นอย่างดี ให้ลองชิมก่อนได้ มีการเล่นมุกตลกกับเรา หัวเราะขำขันกันไป ส่วนนักท่องเที่ยวก็หลากหลาย แต่รู้สึกจะกระจุกกันอยู่แถวถนนสายหลัก พอเป็นซอยหรือถนนเส้นรองรู้สึกไม่ค่อยมีคน อีกอย่างคนที่นี่ออกเที่ยวกันสายมาก ผมออกเช้าๆคือเงียบทั้งเมือง กว่าจะพากันออกน่าจะสิบโมงเลยมั้ง
Victoria Street ถนนสายรอง ช่วงสายๆ ไม่มีคนเลย 5555
2. บ้านเมือง
อีดินบะระคือเมืองที่สวยงามมาก เป็นเมืองเก่า ถนนหนทางปูด้วยหิน เวลารถวิ่งทีคือสงสารรถมาก ตึกรามบ้านช่องก็สร้างด้วยหิน ส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำตาลๆ แบบสีธรรมชาติของหิน จึงให้ความรู้สึกแบบย้อนกลับไปช่วงปี 1700-1800 ซึ่งผมชอบความรู้สึกแบบนี้มาก ส่วน landscape คือเป็นเมืองกลางหุบเขา มีลักษณะขึ้นๆลงๆ เหนื่อยปีนมาก เมืองนี้จึงให้ภาพที่มีเลเยอร์ ตึกมีความซ้อนทับ ลดหลั่นกันไป เป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตา
จะเห็นได้ว่ามีความลาดเอียง กล้องไม่ได้เอียงนะครับ เมืองเขาเอียงจริงๆ 5555
ตรอกที่เป็นบันไดแบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปตามถนน Royal mile เพราะเป็นถนนที่ลาดไปตามเนินเขา พอเราเดินผ่านไม่ว่าจะขึ้นหรือลงมันจะเหมือนเราหลุดเข้าสู่อีกโลกนึง ผมว่านี่แหละเป็นเสน่ห์ของเมืองนี้
3. สภาพอากาศ
อากาศที่สก๊อตแลนด์ไม่ได้ต่างจากลอนดอนเลย และเป็นแบบที่เราได้ยินมาเลย คือฝนตกเก่ง ตกบ่อย แต่ดีที่ตกไม่หนัก ตกแปปเดียวก็หยุด และฟ้าครึ้มตลอดทั้งวัน แสงแดดจะลอดมาได้เพียงชั่วครู่ แล้วก็จะหายไปเลย ส่วนเรื่องลมก็ไม่ได้ลมอะไรมาก อากาศนิ่งสงบดี แต่อากาศไม่ได้หนาวมากถ้าเทียบกับที่โคโลราโด เลยไม่ได้เป็นปัญหากับผมอะไรมาก
Royal Mile street ถนนสายหลักของเมืองเก่า ถ่ายตอนบ่ายสอง แต่เหมือนถ่ายหกโมงเย็น 555
4. เงินและค่าครองชีพ
ผมว่าค่าครองชีพที่นี่ได้ได้ต่างลอนดอน ราคาอาหาร ขนม ทั้งในร้านอาหารกับซูเปอร์มาเก็ตก็พอๆกัน ซึ่งนั้นก็คือค่อนข้างแพง 5555 อาหารไทยจานละ 12-13 ปอนด์ ชานมไข่มุกแก้วละ 4-5 ปอนด์ น้าขวดละ 1-3 ปอนด์ ถ้าเทียบกับที่อเมริกาก็พอๆกัน หลายอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเงินคือก็ใช้เงินปอนด์ ใช้จ่ายง่ายมาก เพราะรับบัตรหมด ตลอดทั้งทริปนี้ผมไม่ได้ใช้เงินสดเลย บัตรเดินทางเอาอยู่
5. การเดินทาง
การเดินทางสะดวก มีรถบัสวิ่งครอบคลุม แต่บางสายอาจรอนานหน่อย ไม่ได้มาถี่เหมือนลอนดอน ไม่มีรถไฟใต้ดิน แต่มีรถ tram อยู่ 1 สาย วิ่งถึงสนามบินเลยมั้ง น่าจะสะดวกสำหรับคนที่มาทางเครื่องบิน แต่ครั้งนี้ผมนั่งรถไฟมาจากลอนดอน ไม่นานมาก แค่ 4-4.30 ชั่วโมง ระหว่างทางคือมีสวยมาก มีวิวทุ่งหญ้า มีน้องแกะวิ่งเล่น มีทะเลให้เห็น ประทับใจมาก ส่วนการเดินทางในเมืองส่วนใหญ่ผมก็เดินเอา เพราะที่เที่ยวไม่ได้ห่างกันมาก เดินเล่นชมเมืองไป ก็เพลินดี ผมแนะนำให้ซื้อ pass จะดีที่สุด 1 วัน 3.3 ปอนด์ ผมซื้อพร้อมตั๋วรถไฟเลย ดีมาก สะดวกมาก ขึ้นได้ทุกอย่าง ทุกสาย เรียกได้ว่าเป็น pass เบ่งก็ได้ เพราะแค่โชว์คนขับ ก็ผ่านฉลุย ผมเห็นนักท่องเที่ยวโชว์ pass สักอย่างนี่แหละ แต่โดนปฏิเสธ เราก็แอบยิ้มในใจ 5555 เรารอดเว้ยย
6. สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ
อยูใกล้กัน ไม่ต้องเดินไกล สวยงาม ประทับใจ มีความเป็นเอกลักษณ์ บ้านเมืองต่างจากลอนดอนกับเมืองอื่นๆทางใต้ และรู้สึกไม่เหมือนประเทศอื่นๆในยุโรป มีทั้งที่เข้าฟรีและต้องเสียค่าเข้า ซึ่งค่าเข้าแพงมากก พักเลย ดูข้างนอกไกลๆพอ 5555 ที่เที่ยวก็ตามที่กระทู้อื่นๆได้นำเสนอ เช่น Edinburgh castle, St. Giles, Calton hill, Horyroodhouse palace สถานที่เหล่านี้ควรไป แต่ผมอยากจะเสนอมุมสวยๆที่ instagramable คือ The vennel, Dean village และ Circus lane
Circus lane สวยมากก เป็นซอยเล็กๆ บ้านหลังเล็กๆ น่ารัก อยากได้สักหลัง 5555
Dean village สวยมากก มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก อาคารมีหลายแบบ หลายสไตล์
The vennel ยกให้คือที่สุดของทริปนี้ ชนะเลิศ สวยแบบที่สุด ให้วิวของ Edinburgh castle ที่เพอร์เฟ็คที่สุด
7. เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจและน่ารู้
- เนื่องด้วยเป็นเมืองเก่า ดังนั้นหลายจุดจะมีการซ่อมแซม มีนั่งร้านและรั้วกั้น ซึ่งครั้งนี้ก็มีทั้งหัวมุม Victoria street และ Scot national gallery แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเที่ยวลดลงแต่อย่างไร ทั้งเมืองก็ยังสวยเหมือนเดิม
- ร้านขายของฝากแน่นเมือง โดยเฉพาะถนน Royal mile ไม่ต้องห่วงว่าจะหาไม่เจอ ราคาดี ยกเว้นผ้าแคชเมียร์ที่แพงแบบสุด
- คนสก๊อตชอบดื่มจริง ที่สุด สมกับมีสก๊อตวิสกี้เป็นของขึ้นชื่อ ผมไปถึงช่วงเย็นๆที่มีแข่งฟุตบอลพอดี คนพากันออกมาเชียร์ พบปะสังสรรค์แน่นเมือง ทุกบาร์คือแน่น จนต้องยืนดื่มกันหน้าร้าน
- ผู้ชายชาวสก๊อตยังคงมีคนที่ใส่ชุดพื้นเมืองอยู่บ้าง นั่นก็คือชุดกระโปรงลายสก๊อต ไม่แน่ใจว่าช่วงที่ผมไปมันหนาวรึป่าว เลยมีคนใส่น้อย บางทีถ้าไปหน้าร้อนอาจใส่กันเยอะกว่านี้ก็ได้มั้ง
แต่งแบบเต็มยศ พร้อมปี่สก๊อต(?) ในที่สุดก็ได้เห็นหลังจากได้ยินมานาน ตายตาหลับแล้วผม
จบแล้วครับสำหรับการเที่ยวอีดินบะระครั้งนี้ของผม เมืองสวยมาก ประทับใจมาก เที่ยวง่าย ปลอดภัย มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สมกับเป็นเมืองเก่าแก่ บางคนบอกว่าเป็นเมืองเทพนิยาย ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะมีปราสาทบนเนินเขาอยู่กลางเมือง มันสวยมากจริงๆ หากเพื่อนๆคนไหนมีคำถามหรือเรื่องราวอะไรอยากแลกเปลี่ยน สามารถแสดงความคิดเห็นมาได้เลยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคร้าบบ
ขอลาด้วยภาพนี้นะครับ ปราสาทอีดินบะระที่ตั้งตระหง่าน สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง ที่สุดของความยิ่งใหญ่อลังการ
Edinburgh, Scotland เรียนรู้แง่มุมต่างๆของชาวสก๊อตผ่านการท่องเที่ยว พร้อมอัพเดตที่เที่ยวและมุมใหม่ๆ Instagramable 2023!