หากใครมีแผนอยากจะขับรถเที่ยวในอังกฤษ และเป็นแนวลุยๆ อึด ทน ยอมรับได้กับความไม่แน่นอนในชีวิต 🤣🤣🤣🤣 เชิญตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
วันนี้จะมารีวิว การเช่ารถขับในอังกฤษ และจะขับจาก LondonHeathrow ไปยัง Edinburgh เมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ เรียกได้ว่าขับข้ามประเทศกันไปเลยจ้าาา บางคนอาจมีคำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ก็เพราะเราเลือกขับรถและเราอยากไป Edinburgh มาก หากจะแวะพักตามทางก็อาจจะทำให้เสียเวลากับการแวะเที่ยวแต่ละเมือง ด้วยเวลาอันจำกัดเราเลยเลือกยิงยาว และค่อยๆขับไล่ลงมาเที่ยวเมืองต่างๆ จนมาถึง London ค่ะ แต่การจัดทริปเที่ยวเองก็แล้วแต่เราเลยค่ะ ว่าสะดวกแบบไหน จุดมุ่งหมายของการเที่ยวก็แตกต่างกัน บางคนชอบวิว ธรรมชาติ บางคนชอบสถาปัตยกรรม บางคนไปเพื่อลิ้มลองหาของอร่อยกิน บางคนเน้นความชิวล์ ไม่รีบเร่ง ทำให้การวางแผนเที่ยวของแต่ละคนแตกต่างกันไป วันนี้เราก็เลยจะมาแชร์ประสบการณ์การเข่ารถขับครั้งแรกในชีวิต ที่ขับแบบกันยาวๆ เลยค่ะ
เราเดินทางโดยสายการบินไทยนะคะ เครื่องก็จะมาถึงที่สนามบิน Heathrow ที่ terminal 2 เวลาประมาณ 7 โมงค่ะ พอมาถึงสนามบินก็เดินๆ ต่อไปยาวๆ เพื่อไปพบตม.ค่ะ เค้าแยกฝั่งคนอังกฤษกับEU กับคนสัญชาติอื่นๆ ลองสังเกตุดูแล้วก็จะคล้ายบ้ายเราที่ถ้าเป็นคนในประเทศเค้าก็จะสามารถ self check-in เข้าไปได้เลย ส่วนพวกเราก็รอต่อคิวกันไปค่ะ ช่วงที่เราไปคือปลายเดือน ตุลา 65 นะคะ คนก็ถือว่าไม่เยอะมาก รอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ตม.ใจดีมาก ถามว่า มาทำอะไร มากี่วัน มีครอบครัวอยู่ที่นี่รึเปล่า เสร็จ เที่ยวให้สนุกนะ ว๊าวๆๆๆ ดีมากๆๆ
ออกมาก็มารับกระเป๋า เจอพี่พนักงานการบินไทยคนไทย รออำนวยความสะดวก เลยถามพี่เค้าว่า เรื่องกระเป๋าตกค้างตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พี่เค้าบอกว่า โอ๊ยข่าวเก่า 🤣🤣 การบินไทยเป็น 1 ใน 3 สายการบินที่จัดการกระเป๋าให้ผู้โดยสารเสร็จภายใน 3 วัน(ในช่วงสถานการณ์นั้นนะคะ) พี่เค้าเล่าด้วยความภูมิใจมาก นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เลือกบินการบินไทยค่ะ ปัจจุบันที่เราไปนั้นก็ได้กระเป๋าทันที ครบ ไม่มีตกหล่นค่ะ สบายใจ
มารับกระเป๋าเสร็จ ก็ออกมาบริเวณที่มีคนมารอรับผู้โดยสาร เราแวะซื้อของกินไว้เปื่อยระหว่างทางขับรถกันก่อน แล้วก็ลงไปชั้น ground ซึ่งที่นี่เรียกว่าเป็นชั้น 0 (ศูนย์) นะคะ เพื่อไปนั่ง shuttle bus ของบริษัทเช่ารถต่างๆ จอดรออยู่ เพื่อไปที่ office ของเค้า
ครั้งนี้เราเลือกใบ้บริการของ Avis ค่ะ ซึ่งต้องไปรอที่ชานชาลาที่ 7/8 ของ terminal 2 นะคะ หาไม่ยากค่ะ ใครจองของบริษัทอะไรไว้ก็ขึ้นรถของบริษัทนั้น รถสังเกตุได้ชัดเจนค่ะ ไม่งงหรอกว่านี่รถของยริษัทอะไร หลังจากนั่ง shuttle bus มาที่ office ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็มาถึงค่ะ หลังจากนั้นก็ไปเคาเตอร์เพื่อทำการยืนยันการจองและรับรถค่ะ เนื่องจากเราจองมาแบบว่าปรักันครอบคลุมทุกอย่าง มีอะไรให้ติ๊กก็ติ๊กหมด เพราะเป็นการขับรถครั้งแรก เลยขอ cover ทุกอย่าง เราเลยได้สิทธิ์เข้าช่อง quick pass ซึ่งคิวสั้นกว่าคิวธรรมดามาก คือไม่รู้ว่าเพราะจ่ายมาเยอะ หรือเพราะข้อมูลมันเยอะเลยอาจตะรบกวนเวลาคนอื่น 🤣🤣🤣 เพราะตอนเสร็จแล้วเราก็เสร็จพอๆกับคนที่เราต่อคิวในเลนส์ปกติ เลยคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง 🤣🤣 เอกสารที่ต้องใช้คือ passport กับ international driver license หลังจากนั้นเค้าก็จะระบุตำแหน่งที่จอดรถให้เราเดินไปเอารถเอง ดูเอง ทำเองหมด ไม่มีคนมาแนะนำการใช้เหมือนเมืองไทยเลยค่ะ รถที่เราได้ไม่ตรงกับที่เราจองไว้นะคะ เราจองเป็น MG SUV แต่รถที่ได้คือ Lyon เราถามเค้าว่ามันเหมือนกันป่าว เค้าตอบว่า Longer …เหรอ 😏 แต่รถดีนะคะ function ทันสมัยมากๆ มีทั้งเตือนออกนอกเลนส์ ควบคุมด้วยจอทั้งหมด มีกำหนดความเร็วแล้วไม่เหยียบคันเร่งได้ คนขับก็บอกว่ารถแรงดีนะ ก็ถือว่าผ่านค่ะ
ไปค่ะ ออกเดินทางกัน หลังจากใช้เวลาดูรถ ติดตั้ง carseat งงๆกับการใช้รถ ก็ได้เวลาขับออกมา ออกมาก็หลงกับวงเวียนเลยค่าาา เข้าผิดชีวิตเปลี่ยน ด้วยรถมี map มาให้แล้วเรายังงงๆ กับแผนที่เลยเข้าผิดเลยจ้า วนไปเข้าที่จอดรถสนามบิน เสียค่าโง่ เอ๊ยย!!! ค่าประสบการณ์ชีวิตไป 5.30 ปอนด์เลยจ้าา ยังไม่ทันทำอะไรเลย อ่ะ แต่ในที่สุดเราก็หลุดออกมาได้ มุ่งหน้าไปตามถนน M1 มุ่งหน้าไป oxford ถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วที่ประมาณ 70 MPH ช่วงที่เราไปเป็นข่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี สวยงามมากค่ะ ระหว่างทางจะมีที่พักระหว่างทางเป็นระยะนะคะ ไม่ต้องกลัวหิว และมีที่ให้เข้าห้องน้ำตามที่พักนี้ด้วยค่ะ แบบเข้าฟรี และที่สำคัญสะอาดค่ะ มีอาหารและกาแฟ costa ที่ดูเป็นเหมือนกาแฟอเมซอนที่มีอยู่ทุกที่แวะพักเลยค่ะ
เราเดินทางๆ ไปเรื่อยๆตาม google map ซึ่งเราว่า google map เวิร์คสุด เป๊ะสุด และที่สำคัญเราคุ้นชินกับแอปนี้ด้วยมั้ง เลยทำให้การใช้งานง่ายกว่า map ที่ติดรถมา หลังจากนี้ไม่มีเข้าผิดแล้วค่าา
เมื่อมาถึงบริเวณ Toll ของ M6 มีต้องเสียค่าผ่านทางด้วยนะคะ แล้วรับเฉพาะ card ไม่รับเงินสดนะคะ ที่ตู้ผ่านทางจะเป็นระบบตู้หมด ไม่มีคน แต่หากมีปัญหาอะไรกดปุ่มขอความช่วยเหลือได้ จะมีเสียงคนสอบถามมาค่ะ เราเสียค่าผ่านทางนี้ไป 7.3 ปอนด์ (ปกติจะ 6.08 แต่ช่วง weekend จะเสียเพิ่มอีก 20%)
พอเข้าใกล้ scotland ภูมิประเทศเริ่มเป็นเขาสูงมากขึ้น สวยงามมากค่ะ และแล้วก็มาถึง Edinburgh แล้วค่ะ เราเลือกเข้าพักโรงแรมทันที เราพักที่ Ibis budget Edinburgh park มีที่จอดรถฟรีนะคะ
สรุปจบการรีวิวขับรถจาก LondonHeathrow มา Edinburgh นะคะ เราใช้เวลาขับรถทั้งหมดรวมแวะพักและหลงวงเวียน รวมๆ ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ ถนนดี ขับง่าย สำหรับคนอึดอย่างพวกเราก็ถือว่าโอเคนะคะ
รูปภาพและบทความทั้งหมด By Psychiartist
รีวิวเช่ารถขับจาก Heathrow London ไป Edinburgh ไปให้สุดและหยุดที่ปัง
หากใครมีแผนอยากจะขับรถเที่ยวในอังกฤษ และเป็นแนวลุยๆ อึด ทน ยอมรับได้กับความไม่แน่นอนในชีวิต 🤣🤣🤣🤣 เชิญตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
วันนี้จะมารีวิว การเช่ารถขับในอังกฤษ และจะขับจาก LondonHeathrow ไปยัง Edinburgh เมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ เรียกได้ว่าขับข้ามประเทศกันไปเลยจ้าาา บางคนอาจมีคำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ก็เพราะเราเลือกขับรถและเราอยากไป Edinburgh มาก หากจะแวะพักตามทางก็อาจจะทำให้เสียเวลากับการแวะเที่ยวแต่ละเมือง ด้วยเวลาอันจำกัดเราเลยเลือกยิงยาว และค่อยๆขับไล่ลงมาเที่ยวเมืองต่างๆ จนมาถึง London ค่ะ แต่การจัดทริปเที่ยวเองก็แล้วแต่เราเลยค่ะ ว่าสะดวกแบบไหน จุดมุ่งหมายของการเที่ยวก็แตกต่างกัน บางคนชอบวิว ธรรมชาติ บางคนชอบสถาปัตยกรรม บางคนไปเพื่อลิ้มลองหาของอร่อยกิน บางคนเน้นความชิวล์ ไม่รีบเร่ง ทำให้การวางแผนเที่ยวของแต่ละคนแตกต่างกันไป วันนี้เราก็เลยจะมาแชร์ประสบการณ์การเข่ารถขับครั้งแรกในชีวิต ที่ขับแบบกันยาวๆ เลยค่ะ
เราเดินทางโดยสายการบินไทยนะคะ เครื่องก็จะมาถึงที่สนามบิน Heathrow ที่ terminal 2 เวลาประมาณ 7 โมงค่ะ พอมาถึงสนามบินก็เดินๆ ต่อไปยาวๆ เพื่อไปพบตม.ค่ะ เค้าแยกฝั่งคนอังกฤษกับEU กับคนสัญชาติอื่นๆ ลองสังเกตุดูแล้วก็จะคล้ายบ้ายเราที่ถ้าเป็นคนในประเทศเค้าก็จะสามารถ self check-in เข้าไปได้เลย ส่วนพวกเราก็รอต่อคิวกันไปค่ะ ช่วงที่เราไปคือปลายเดือน ตุลา 65 นะคะ คนก็ถือว่าไม่เยอะมาก รอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ตม.ใจดีมาก ถามว่า มาทำอะไร มากี่วัน มีครอบครัวอยู่ที่นี่รึเปล่า เสร็จ เที่ยวให้สนุกนะ ว๊าวๆๆๆ ดีมากๆๆ
ออกมาก็มารับกระเป๋า เจอพี่พนักงานการบินไทยคนไทย รออำนวยความสะดวก เลยถามพี่เค้าว่า เรื่องกระเป๋าตกค้างตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พี่เค้าบอกว่า โอ๊ยข่าวเก่า 🤣🤣 การบินไทยเป็น 1 ใน 3 สายการบินที่จัดการกระเป๋าให้ผู้โดยสารเสร็จภายใน 3 วัน(ในช่วงสถานการณ์นั้นนะคะ) พี่เค้าเล่าด้วยความภูมิใจมาก นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เลือกบินการบินไทยค่ะ ปัจจุบันที่เราไปนั้นก็ได้กระเป๋าทันที ครบ ไม่มีตกหล่นค่ะ สบายใจ
มารับกระเป๋าเสร็จ ก็ออกมาบริเวณที่มีคนมารอรับผู้โดยสาร เราแวะซื้อของกินไว้เปื่อยระหว่างทางขับรถกันก่อน แล้วก็ลงไปชั้น ground ซึ่งที่นี่เรียกว่าเป็นชั้น 0 (ศูนย์) นะคะ เพื่อไปนั่ง shuttle bus ของบริษัทเช่ารถต่างๆ จอดรออยู่ เพื่อไปที่ office ของเค้า
ครั้งนี้เราเลือกใบ้บริการของ Avis ค่ะ ซึ่งต้องไปรอที่ชานชาลาที่ 7/8 ของ terminal 2 นะคะ หาไม่ยากค่ะ ใครจองของบริษัทอะไรไว้ก็ขึ้นรถของบริษัทนั้น รถสังเกตุได้ชัดเจนค่ะ ไม่งงหรอกว่านี่รถของยริษัทอะไร หลังจากนั่ง shuttle bus มาที่ office ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็มาถึงค่ะ หลังจากนั้นก็ไปเคาเตอร์เพื่อทำการยืนยันการจองและรับรถค่ะ เนื่องจากเราจองมาแบบว่าปรักันครอบคลุมทุกอย่าง มีอะไรให้ติ๊กก็ติ๊กหมด เพราะเป็นการขับรถครั้งแรก เลยขอ cover ทุกอย่าง เราเลยได้สิทธิ์เข้าช่อง quick pass ซึ่งคิวสั้นกว่าคิวธรรมดามาก คือไม่รู้ว่าเพราะจ่ายมาเยอะ หรือเพราะข้อมูลมันเยอะเลยอาจตะรบกวนเวลาคนอื่น 🤣🤣🤣 เพราะตอนเสร็จแล้วเราก็เสร็จพอๆกับคนที่เราต่อคิวในเลนส์ปกติ เลยคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง 🤣🤣 เอกสารที่ต้องใช้คือ passport กับ international driver license หลังจากนั้นเค้าก็จะระบุตำแหน่งที่จอดรถให้เราเดินไปเอารถเอง ดูเอง ทำเองหมด ไม่มีคนมาแนะนำการใช้เหมือนเมืองไทยเลยค่ะ รถที่เราได้ไม่ตรงกับที่เราจองไว้นะคะ เราจองเป็น MG SUV แต่รถที่ได้คือ Lyon เราถามเค้าว่ามันเหมือนกันป่าว เค้าตอบว่า Longer …เหรอ 😏 แต่รถดีนะคะ function ทันสมัยมากๆ มีทั้งเตือนออกนอกเลนส์ ควบคุมด้วยจอทั้งหมด มีกำหนดความเร็วแล้วไม่เหยียบคันเร่งได้ คนขับก็บอกว่ารถแรงดีนะ ก็ถือว่าผ่านค่ะ
ไปค่ะ ออกเดินทางกัน หลังจากใช้เวลาดูรถ ติดตั้ง carseat งงๆกับการใช้รถ ก็ได้เวลาขับออกมา ออกมาก็หลงกับวงเวียนเลยค่าาา เข้าผิดชีวิตเปลี่ยน ด้วยรถมี map มาให้แล้วเรายังงงๆ กับแผนที่เลยเข้าผิดเลยจ้า วนไปเข้าที่จอดรถสนามบิน เสียค่าโง่ เอ๊ยย!!! ค่าประสบการณ์ชีวิตไป 5.30 ปอนด์เลยจ้าา ยังไม่ทันทำอะไรเลย อ่ะ แต่ในที่สุดเราก็หลุดออกมาได้ มุ่งหน้าไปตามถนน M1 มุ่งหน้าไป oxford ถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วที่ประมาณ 70 MPH ช่วงที่เราไปเป็นข่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี สวยงามมากค่ะ ระหว่างทางจะมีที่พักระหว่างทางเป็นระยะนะคะ ไม่ต้องกลัวหิว และมีที่ให้เข้าห้องน้ำตามที่พักนี้ด้วยค่ะ แบบเข้าฟรี และที่สำคัญสะอาดค่ะ มีอาหารและกาแฟ costa ที่ดูเป็นเหมือนกาแฟอเมซอนที่มีอยู่ทุกที่แวะพักเลยค่ะ
เราเดินทางๆ ไปเรื่อยๆตาม google map ซึ่งเราว่า google map เวิร์คสุด เป๊ะสุด และที่สำคัญเราคุ้นชินกับแอปนี้ด้วยมั้ง เลยทำให้การใช้งานง่ายกว่า map ที่ติดรถมา หลังจากนี้ไม่มีเข้าผิดแล้วค่าา
เมื่อมาถึงบริเวณ Toll ของ M6 มีต้องเสียค่าผ่านทางด้วยนะคะ แล้วรับเฉพาะ card ไม่รับเงินสดนะคะ ที่ตู้ผ่านทางจะเป็นระบบตู้หมด ไม่มีคน แต่หากมีปัญหาอะไรกดปุ่มขอความช่วยเหลือได้ จะมีเสียงคนสอบถามมาค่ะ เราเสียค่าผ่านทางนี้ไป 7.3 ปอนด์ (ปกติจะ 6.08 แต่ช่วง weekend จะเสียเพิ่มอีก 20%)
พอเข้าใกล้ scotland ภูมิประเทศเริ่มเป็นเขาสูงมากขึ้น สวยงามมากค่ะ และแล้วก็มาถึง Edinburgh แล้วค่ะ เราเลือกเข้าพักโรงแรมทันที เราพักที่ Ibis budget Edinburgh park มีที่จอดรถฟรีนะคะ
สรุปจบการรีวิวขับรถจาก LondonHeathrow มา Edinburgh นะคะ เราใช้เวลาขับรถทั้งหมดรวมแวะพักและหลงวงเวียน รวมๆ ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ ถนนดี ขับง่าย สำหรับคนอึดอย่างพวกเราก็ถือว่าโอเคนะคะ
รูปภาพและบทความทั้งหมด By Psychiartist