ผมมีคดีติดตัวอยู่ตอนนี้ เป็นคดีประมาท ตอนนี้ศาลยังไม่ได้ฟันว่าผิดอะไรยังไง แต่อยู่ในขั้นตกลงยอมความกัน ซึ่งผมเองพยายามหาหลักฐานต่างๆ นาๆ ว่าผมเองไม่ได้ผิด 100% เพราะคู่กรณีดื่มแล้วขี่, ขับขี่รถด้วยความเร็ว 70+ กิโลเมตรต่อชั่วโมงในซอยหมู่บ้าน, ผู้ขับขี่พิการไม่มีนิ้วซ้าย จึงเบรคมือไม่ได้ แต่ตำรวจกลับมองว่า สิ่งที่ผมนำหลักฐานมานั้น ไม่มีผลอะไรเลย เพราะทางตรงถูกเสมอ
โดยคู่กรณีอ้างว่า เขาทำงานได้วันละ 2,000 บาท (โดยไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานการได้เงิน การโอนเงินใดๆ เลย โดยเขาบอกว่า เขาทำงานรับเหมาก่อสร้าง มีลูกน้องหลายคน ทุกครั้งรับแต่เงินสด รับงานปากเปล่า หาเงินได้ ไม่รวมต้นทุน ได้วันละ 2,000 บาท แต่คุณภาพชีวิตสวนทางกับที่พูดมาเยอะมากครับ มีแค่ตอเตอร์ไซด์เก่าๆ 1 คันทั้งบ้าน+อยู่ห้องแถว ฯลฯ) โดยเสนอมาว่า จะเรียกร้องค่าเสียหายผมทั้งหมด 4 แสนบาท + ค่าซ่อมมอเตอร์ไซด์ HONDA LS125 อีก 50,000 บาท โดยอัยการบอกว่า ถ้าตกลงกันได้ ก็ไม่ต้องให้ศาลลง ผมก็พยายามต่อรองเพราะผมเองก็ใช่วาจะมีเงิน แต่เขาไม่ยอม ต่อไปต่อมา สรุปจบ 1 แสนบาท + ให้ผมเอารถไปซ่อมให้ โดยกำหนดให้ซ่อมให้เสร็จก่อน 26 มีนาคม
ทีนี้คือ ตั้งแต่ 15 มีนาคม จนถึง 16 พฤษภาคม ผมจะต้องหาเงินไปให้เขาทั้งหมด 6 หมื่นบาท เพราะผมวางศาลช่วยเหลือไป 2 หมื่น + เงินค่าประกันตัวผมอีก 2 หมื่น ที่เขาจะได้ เท่ากับว่า ผมต้องหาเงิน 6 หมื่นบาทใน 2 เดือน!
ผมตอนนี้ทำงานเป็นครูอัตราจ้างพิเศษ จะได้ค่าสอนชั่วโมงละ 150 บาท วันนึงสอน 7 ชั่วโมง เท่ากับได้วันละ 1,050 บาท แต่ผมจะมีสอนแค่ จันทร์-อังคาร-พุธ-พฤหัส เท่านั้น เท่ากับว่า จะหาเงินได้สัปดาห์ละ 4200 บาทโดยประมาณ
แล้วประเด็นที่ผมถูกกดดัน คือมีนา-พฤษภาคม เด็กปิดเทอมครับ ไม่มีสอน เพราะงั้นรายได้ตรงนี้ ไม่มีเลย เป็น 0 บาท
ทุกวันนี้ ผมต้องตื่น 7 โมง ไปรับจ้างขับรถส่งของ พวกขับรถส่งเศษขยะ, ส่งน้ำปลา ต้องทำให้เสร็จก่อน 10 โมง ได้วันละ 250 บาท และมีสอนพิเศษตอน 11.00-14.00 ได้ชั่วโมงละ 100 บาท ก็ตก 300 บาท พอ 15.00 ผมก็ไปรับจ้างขายรองเท้าของร้านพี่ที่รู้จักกัน ได้ค่าเปอร์เซ็นคู่ละ 15 เปอร์ ซึ่งเป็นรองเท้าแบรนด์เนมพวก อดิดาส รีบอร์ค ซึ่งมันไม่ได้ขายได้ทุกวันครับ อาทิตย์นึง ผมขายได้ราวๆ 2-3 คู่ ผมนั่งขายผ่านทางออนไลน์ ตั้งแต่ 15.00-18.00 จากนั้นก็จะไลฟ์สดทางเฟส และติ๊กต๊อก คนดูก็ 3 - 8 คนแรกๆ มีเพื่อนๆ น้องๆ อุดหนุน แต่ของพวกนี้ ซื้อคู่เดียวก็ไม่ซื้อกันแล้วอ่ะครับ เพราะคู่นึงก็ 2-3 พัน พอกลับมาบ้าน ผมก็ต้องมาโพสหางานรับงานออกแบบ กว่าจะได้นอนแต่ละวัน ตี 2-3 จะได้นอนจริงๆ ช่วงตี 4 และ 7 โมงต้องตื่นแล้ว ซึ่งผมมองไม่เห็นเลยว่า จะหาเงินแบบนี้ได้ถึง 6 หมื่นบาทยังไง
ส่วนเรื่องซ่อมรถนี่หนักมาก.. เพราะรถลุงแกไม่ได้เป็นอะไรมากครับ ชนวันแรกๆ ผมนำไปซ่อมให้ คือสตาร์ทติด ขี่ได้ แค่เปลือกหน้าแตก กับไฟแตกแค่นั้น ค่าซ่อมแค่เปลี่ยนเปลือก 1800+ค่าไฟ 350 + ค่าแรง ไม่เกิน 3000 ที่ร้านได้แจ้งไว้ แต่ตอนนั้นคือตกลงเรื่องค่าเสียหายกันไม่ได้ ตำรวจเลยอายัตรถลุงไว้ จนกว่าจะตกลงกันได้.. ซึ่งเรื่องก็เข้าศาลไปกว่า 15 เดือน จนศาลให้ผมนำรถลงไปซ่อมให้เสร็จก่อน 26 มีนาคม (แจ้งมาวันที่ 15 มีนาคม)
แต่พอไปเอารถปรากฏว่า ตำรวจไปฝากคอกเอกชน โดยที่ไม่เคยบอกสักคำ ว่ามีค่าใช้จ่ายค่าจอดเดือนละ 500 บาท ถ้าจะเอารถออก ก็ต้องจ่าย 7500+ค่ายกรถออกมาจากคอกอีก 500 บาท รวมเป็น 8000 ซึ่งผมแบบ..ห๊ะ ทำไมตำรวจไม่เคยบอกอะไรตรงนี้เลย ผมเองปรึกษาทนาย เพราะผมเองเตรียมเงินไว้ซ่อมรถลงประมาณ 4000 บาท ทนายก็บอกว่า ให้ทำคำร้องไปที่ศาล เพื่อให้ศาลออกคำสั่งมาทางตำรวจให้ตำรวจเอารถออก แต่จะใช้เวลานาน ผมเนี้ย กำเงินน้ำตาไหล ทั้งพูดทั้งไหว้แล้วจะขอไปยกรถออกเอง เขาก็เลยลดให้เหลือ 4000 บาท เล่นซะหมดเลย
พอเสีย 4000 เบาะรถหาย กุญแจหาย อุปกรณ์บางอย่างหักพังเสียหาย โดยคอกบอกว่า รถจอดไว้นานเป็นปี ของหายก็ธรรมดา มันหาไม่เจอแล้ว... ผมก็แบบพูดไรไม่ออก เพราะเขาบอกว่าที่ลดให้ตั้ง 4000 น้องก็ไปหาซื้อใหม่เอา บอกตรงๆ น้ำตาไหลมาก
ตอนนี้รถคู่กรณีผมก็ต้องซ่อม อะไหล่ก็ต้องสั่ง จนวันนี้ 27 มีนาคม ยังซ่อมไม่เสร็จ ส่วนหนึ่งผมหาเงินไม่ทัน คู่กรณีก็ไลน์มาขู่ผมสารพัด บอกว่ารถไม่เสร็จตามสัญญา อุตส่าห์ลดให้เหลือแสนเดียว ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ก็อย่าหาว่าลุงใจร้ายก็แล้วกัน ลุงจะเอาทุกทาง ทางทนายผมและเพื่อนๆ ผมก็แทบไม่มีใครเชื่อว่าลุงทำงานได้วันละ 2000 เพราะผมเคยแบบโมโหมากถึงขนาดไปแอบดูพฤติกรรมแกมา 1 วัน ว่าแกทำอะไรบ้าง จากที่ไปซุ่มจอดดู แกออกมาจากบ้าน ก็มาทำกับข้าวที่หน้าห้องแถวแก เพราะครัวแกเอามาวางไว้หน้าห้องแถวหมด ผมเคยไปเยี่ยมแกแรกๆ ก็เคยถามว่าทำไมเอาครัวมาวางหน้าบ้าน แกก็บอกว่า ห้องแถวมันเล็ก ข้างหลังไม่มีที่ระบาย ก็เลยเอามาทำข้าวกินหน้าบ้าน ผมก็แอบเห็นแกทำข้าวกิน แล้วก็มานั่งดูทีวีที่โต๊ะไม้หน้าบ้านแก แล้วแกก็หลับ บ่ายๆ เมียแกก็เวียนมาซื้อข้าวให้กิน เมียแกทำอาชีพขายกับข้าวตอนเย็นๆ ที่ตลาด เหมือนเมียแกจะออกจากบ้านสัก 9-10 โมง ไปจ่ายตลาด บ่ายๆ ก็มาทำของ แล้วก็ขี่ 3 ล้อพ่วงออกไป โดยที่ลุงแกก็นั่งกินเหล้าขาวอยู่หน้าบ้าน หัวค่ำๆ ผมก็ดอดมาแอบส่อง ผมเห็นแกนั่งกินเหล้ากับพวกคนงานก่อสร้างที่เหมือนจะพักห้องแถวตรงนั้นอยู่ 3-4 คน แล้วก็เมียแกก็ขี่สามล้อพ่วงกลับมาตอนช่วง 4 ทุ่ม ผมไม่รู้ว่าลุงแอบขุดบิดคอยหรือยังไง ใช้ชีวิตอันชิวๆ แต่บอกว่าได้เงินวันละ 2000 จนทำให้ผมแบบต้องแอบไปดูกันขนาดนั้น เพื่อนผมก็บอกว่าไม่ต้องไปแอบมองหรอก ไม่อยากให้ผมเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนั้น ไปหางานหาเงินดีกว่า เท่าที่ผมจะหาได้
ผมท้อนะจริงๆ ท้อมาก โทรไปถามพี่ทนายว่า ถ้าผมตายลุงจะได้จากผมอีกหรือไม่ พี่ทนายบอกว่า ถ้าผมเป็นอะไรไป ลุงแกก็จะไม่ได้อีก ญาติพี่น้องผมไม่เกี่ยว... เอาจริงๆ เงิน 6 หมื่นบาท สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะผมเองยังไม่เคยกำเงินแสนสักครั้งในชีวิต
ตอนนี้ผมก็ไปลองหาพวกบ้านพวกคอนโดนลองศึกษาลองขาย เพราะพี่คนนึงบอกว่า ถ้าขายได้สักหลัง ทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนนี้ผมก็ไปหาได้มา 1 หลัง ขาย 5.5 ล้าน แม้จะขายในเขตพื้นที่พัทยา แต่บอกตรงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะขายได้ยังไง เพราะไม่ใช่ผมคนเดียวที่พี่เขาฝากขาย แต่เขาก็ฝากทุกคนที่รู้จัก ดังนั้นงานนี้ผมก็คงไม่มีทางปิดได้หรอก
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำว่า มีใครพอมีวิธีจะหาเงิน 6 หมื่นใน 2 เดือน ได้บ้าง ตอนนี้ขอสารภาพนะครับ.. งานผิดกฏหมายผมก็คงจะต้องเลือก เพราะสังคมและสิ่งรอบตัวมันบีบบังคับผม ผมจำคำๆ นึง วันที่ไปศาลผมบอกกับทนายฝั่งโน้นว่า เรียกผมเป็นแสน ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะหามาจากตรงไหน เขาก็บอกว่า "น้องต้องพยายามให้มากขึ้นสิ"... ผมว่าความพยายามมันมีด้วยกันแทบทุกคน แต่โอกาสมันก็ไม่ได้มีให้กับทุกคนหรอก...
เอาตรง ณ ตอนนี้... ผมรู้สึกว่า ความตาย มันอาจจะคือทางออกเดียวตอนนี้... ผมเริ่มเข้าใจในข้อความในสมุดของโจ๊กเกอร์ที่เขียนว่า "ฉันหวังว่า ชีวิตหลังความตาย คงจะมีความสุขมากกว่าตอนที่มีชีวิตอยู่"...มากขึ้นทุกๆ วันจริงๆ
ขอแนวทางหาเงินหน่อยครับ โดนกดดันมาก
โดยคู่กรณีอ้างว่า เขาทำงานได้วันละ 2,000 บาท (โดยไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานการได้เงิน การโอนเงินใดๆ เลย โดยเขาบอกว่า เขาทำงานรับเหมาก่อสร้าง มีลูกน้องหลายคน ทุกครั้งรับแต่เงินสด รับงานปากเปล่า หาเงินได้ ไม่รวมต้นทุน ได้วันละ 2,000 บาท แต่คุณภาพชีวิตสวนทางกับที่พูดมาเยอะมากครับ มีแค่ตอเตอร์ไซด์เก่าๆ 1 คันทั้งบ้าน+อยู่ห้องแถว ฯลฯ) โดยเสนอมาว่า จะเรียกร้องค่าเสียหายผมทั้งหมด 4 แสนบาท + ค่าซ่อมมอเตอร์ไซด์ HONDA LS125 อีก 50,000 บาท โดยอัยการบอกว่า ถ้าตกลงกันได้ ก็ไม่ต้องให้ศาลลง ผมก็พยายามต่อรองเพราะผมเองก็ใช่วาจะมีเงิน แต่เขาไม่ยอม ต่อไปต่อมา สรุปจบ 1 แสนบาท + ให้ผมเอารถไปซ่อมให้ โดยกำหนดให้ซ่อมให้เสร็จก่อน 26 มีนาคม
ทีนี้คือ ตั้งแต่ 15 มีนาคม จนถึง 16 พฤษภาคม ผมจะต้องหาเงินไปให้เขาทั้งหมด 6 หมื่นบาท เพราะผมวางศาลช่วยเหลือไป 2 หมื่น + เงินค่าประกันตัวผมอีก 2 หมื่น ที่เขาจะได้ เท่ากับว่า ผมต้องหาเงิน 6 หมื่นบาทใน 2 เดือน!
ผมตอนนี้ทำงานเป็นครูอัตราจ้างพิเศษ จะได้ค่าสอนชั่วโมงละ 150 บาท วันนึงสอน 7 ชั่วโมง เท่ากับได้วันละ 1,050 บาท แต่ผมจะมีสอนแค่ จันทร์-อังคาร-พุธ-พฤหัส เท่านั้น เท่ากับว่า จะหาเงินได้สัปดาห์ละ 4200 บาทโดยประมาณ
แล้วประเด็นที่ผมถูกกดดัน คือมีนา-พฤษภาคม เด็กปิดเทอมครับ ไม่มีสอน เพราะงั้นรายได้ตรงนี้ ไม่มีเลย เป็น 0 บาท
ทุกวันนี้ ผมต้องตื่น 7 โมง ไปรับจ้างขับรถส่งของ พวกขับรถส่งเศษขยะ, ส่งน้ำปลา ต้องทำให้เสร็จก่อน 10 โมง ได้วันละ 250 บาท และมีสอนพิเศษตอน 11.00-14.00 ได้ชั่วโมงละ 100 บาท ก็ตก 300 บาท พอ 15.00 ผมก็ไปรับจ้างขายรองเท้าของร้านพี่ที่รู้จักกัน ได้ค่าเปอร์เซ็นคู่ละ 15 เปอร์ ซึ่งเป็นรองเท้าแบรนด์เนมพวก อดิดาส รีบอร์ค ซึ่งมันไม่ได้ขายได้ทุกวันครับ อาทิตย์นึง ผมขายได้ราวๆ 2-3 คู่ ผมนั่งขายผ่านทางออนไลน์ ตั้งแต่ 15.00-18.00 จากนั้นก็จะไลฟ์สดทางเฟส และติ๊กต๊อก คนดูก็ 3 - 8 คนแรกๆ มีเพื่อนๆ น้องๆ อุดหนุน แต่ของพวกนี้ ซื้อคู่เดียวก็ไม่ซื้อกันแล้วอ่ะครับ เพราะคู่นึงก็ 2-3 พัน พอกลับมาบ้าน ผมก็ต้องมาโพสหางานรับงานออกแบบ กว่าจะได้นอนแต่ละวัน ตี 2-3 จะได้นอนจริงๆ ช่วงตี 4 และ 7 โมงต้องตื่นแล้ว ซึ่งผมมองไม่เห็นเลยว่า จะหาเงินแบบนี้ได้ถึง 6 หมื่นบาทยังไง
ส่วนเรื่องซ่อมรถนี่หนักมาก.. เพราะรถลุงแกไม่ได้เป็นอะไรมากครับ ชนวันแรกๆ ผมนำไปซ่อมให้ คือสตาร์ทติด ขี่ได้ แค่เปลือกหน้าแตก กับไฟแตกแค่นั้น ค่าซ่อมแค่เปลี่ยนเปลือก 1800+ค่าไฟ 350 + ค่าแรง ไม่เกิน 3000 ที่ร้านได้แจ้งไว้ แต่ตอนนั้นคือตกลงเรื่องค่าเสียหายกันไม่ได้ ตำรวจเลยอายัตรถลุงไว้ จนกว่าจะตกลงกันได้.. ซึ่งเรื่องก็เข้าศาลไปกว่า 15 เดือน จนศาลให้ผมนำรถลงไปซ่อมให้เสร็จก่อน 26 มีนาคม (แจ้งมาวันที่ 15 มีนาคม)
แต่พอไปเอารถปรากฏว่า ตำรวจไปฝากคอกเอกชน โดยที่ไม่เคยบอกสักคำ ว่ามีค่าใช้จ่ายค่าจอดเดือนละ 500 บาท ถ้าจะเอารถออก ก็ต้องจ่าย 7500+ค่ายกรถออกมาจากคอกอีก 500 บาท รวมเป็น 8000 ซึ่งผมแบบ..ห๊ะ ทำไมตำรวจไม่เคยบอกอะไรตรงนี้เลย ผมเองปรึกษาทนาย เพราะผมเองเตรียมเงินไว้ซ่อมรถลงประมาณ 4000 บาท ทนายก็บอกว่า ให้ทำคำร้องไปที่ศาล เพื่อให้ศาลออกคำสั่งมาทางตำรวจให้ตำรวจเอารถออก แต่จะใช้เวลานาน ผมเนี้ย กำเงินน้ำตาไหล ทั้งพูดทั้งไหว้แล้วจะขอไปยกรถออกเอง เขาก็เลยลดให้เหลือ 4000 บาท เล่นซะหมดเลย
พอเสีย 4000 เบาะรถหาย กุญแจหาย อุปกรณ์บางอย่างหักพังเสียหาย โดยคอกบอกว่า รถจอดไว้นานเป็นปี ของหายก็ธรรมดา มันหาไม่เจอแล้ว... ผมก็แบบพูดไรไม่ออก เพราะเขาบอกว่าที่ลดให้ตั้ง 4000 น้องก็ไปหาซื้อใหม่เอา บอกตรงๆ น้ำตาไหลมาก
ตอนนี้รถคู่กรณีผมก็ต้องซ่อม อะไหล่ก็ต้องสั่ง จนวันนี้ 27 มีนาคม ยังซ่อมไม่เสร็จ ส่วนหนึ่งผมหาเงินไม่ทัน คู่กรณีก็ไลน์มาขู่ผมสารพัด บอกว่ารถไม่เสร็จตามสัญญา อุตส่าห์ลดให้เหลือแสนเดียว ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ก็อย่าหาว่าลุงใจร้ายก็แล้วกัน ลุงจะเอาทุกทาง ทางทนายผมและเพื่อนๆ ผมก็แทบไม่มีใครเชื่อว่าลุงทำงานได้วันละ 2000 เพราะผมเคยแบบโมโหมากถึงขนาดไปแอบดูพฤติกรรมแกมา 1 วัน ว่าแกทำอะไรบ้าง จากที่ไปซุ่มจอดดู แกออกมาจากบ้าน ก็มาทำกับข้าวที่หน้าห้องแถวแก เพราะครัวแกเอามาวางไว้หน้าห้องแถวหมด ผมเคยไปเยี่ยมแกแรกๆ ก็เคยถามว่าทำไมเอาครัวมาวางหน้าบ้าน แกก็บอกว่า ห้องแถวมันเล็ก ข้างหลังไม่มีที่ระบาย ก็เลยเอามาทำข้าวกินหน้าบ้าน ผมก็แอบเห็นแกทำข้าวกิน แล้วก็มานั่งดูทีวีที่โต๊ะไม้หน้าบ้านแก แล้วแกก็หลับ บ่ายๆ เมียแกก็เวียนมาซื้อข้าวให้กิน เมียแกทำอาชีพขายกับข้าวตอนเย็นๆ ที่ตลาด เหมือนเมียแกจะออกจากบ้านสัก 9-10 โมง ไปจ่ายตลาด บ่ายๆ ก็มาทำของ แล้วก็ขี่ 3 ล้อพ่วงออกไป โดยที่ลุงแกก็นั่งกินเหล้าขาวอยู่หน้าบ้าน หัวค่ำๆ ผมก็ดอดมาแอบส่อง ผมเห็นแกนั่งกินเหล้ากับพวกคนงานก่อสร้างที่เหมือนจะพักห้องแถวตรงนั้นอยู่ 3-4 คน แล้วก็เมียแกก็ขี่สามล้อพ่วงกลับมาตอนช่วง 4 ทุ่ม ผมไม่รู้ว่าลุงแอบขุดบิดคอยหรือยังไง ใช้ชีวิตอันชิวๆ แต่บอกว่าได้เงินวันละ 2000 จนทำให้ผมแบบต้องแอบไปดูกันขนาดนั้น เพื่อนผมก็บอกว่าไม่ต้องไปแอบมองหรอก ไม่อยากให้ผมเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนั้น ไปหางานหาเงินดีกว่า เท่าที่ผมจะหาได้
ผมท้อนะจริงๆ ท้อมาก โทรไปถามพี่ทนายว่า ถ้าผมตายลุงจะได้จากผมอีกหรือไม่ พี่ทนายบอกว่า ถ้าผมเป็นอะไรไป ลุงแกก็จะไม่ได้อีก ญาติพี่น้องผมไม่เกี่ยว... เอาจริงๆ เงิน 6 หมื่นบาท สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะผมเองยังไม่เคยกำเงินแสนสักครั้งในชีวิต
ตอนนี้ผมก็ไปลองหาพวกบ้านพวกคอนโดนลองศึกษาลองขาย เพราะพี่คนนึงบอกว่า ถ้าขายได้สักหลัง ทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนนี้ผมก็ไปหาได้มา 1 หลัง ขาย 5.5 ล้าน แม้จะขายในเขตพื้นที่พัทยา แต่บอกตรงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะขายได้ยังไง เพราะไม่ใช่ผมคนเดียวที่พี่เขาฝากขาย แต่เขาก็ฝากทุกคนที่รู้จัก ดังนั้นงานนี้ผมก็คงไม่มีทางปิดได้หรอก
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำว่า มีใครพอมีวิธีจะหาเงิน 6 หมื่นใน 2 เดือน ได้บ้าง ตอนนี้ขอสารภาพนะครับ.. งานผิดกฏหมายผมก็คงจะต้องเลือก เพราะสังคมและสิ่งรอบตัวมันบีบบังคับผม ผมจำคำๆ นึง วันที่ไปศาลผมบอกกับทนายฝั่งโน้นว่า เรียกผมเป็นแสน ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะหามาจากตรงไหน เขาก็บอกว่า "น้องต้องพยายามให้มากขึ้นสิ"... ผมว่าความพยายามมันมีด้วยกันแทบทุกคน แต่โอกาสมันก็ไม่ได้มีให้กับทุกคนหรอก...
เอาตรง ณ ตอนนี้... ผมรู้สึกว่า ความตาย มันอาจจะคือทางออกเดียวตอนนี้... ผมเริ่มเข้าใจในข้อความในสมุดของโจ๊กเกอร์ที่เขียนว่า "ฉันหวังว่า ชีวิตหลังความตาย คงจะมีความสุขมากกว่าตอนที่มีชีวิตอยู่"...มากขึ้นทุกๆ วันจริงๆ