สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คิดยังไงกับ "การชดใช้บุญคุณพ่อแม่ที่ทำให้เราเกิดมา" ในสังคมไทย
ประเด็นมันอยู่ที่ตัวจขกทต่างหากว่า คิออย่างไร เพราะคำถามที่จขกทเอามาถาม
มันเป็นปัญหากับตัวจขกทหรือครอบครัวจขกทเอง
เพราะประโยคที่จขกทเอามาพูด มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจกับคำว่า..ตอบแทนผู้มีพระคุณ
ประโยคเดิมมันเป็นเช่นนี้ แต่เป็นเพราะลูกหลานบางคนไม่ใส่ใจกับคำสอนดีๆพวกนี้
ก็เลยเอาไปบิดเบือนเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
ทำไมลูกตอนโตต้องกลับมาดูแลชีวิตพ่อแม่? เป็นภาระ?
มันเป็นสัจจะของชีวิต คุณเกิดมาดูแลตัวเองไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ที่พ่อแม่จะดูแล
เช่นกันยามพ่อแม่แก่เฒ่าก็ควรย้อนกลับมาดูแล ในกรณีนี้ถ้าคุณเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า
ถ้ามารู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร คุณก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปดูแลพ่อแม่ประเภทนี้
สิ่งสำคัญควรกลับไปบ้านเด็กกำพร้าช่วยเหลืองานบ้าง ด้วยคำสอนที่ว่า..ตอบแทนผู้มีพระคุณ
ทำให้ลูกเกิดมาเพราะคาดหวังผลตอบแทนจากลูกตอนแก่?
มันไม่ใช่ความคาดหวังอะไร แต่มันเป็นธรรมชาติ เวลาคุณเลี้ยงหมาก็อยากให้หมาคอยเป็นหูเป็นตา
เวลาคุณเลี้ยงเพื่อนก็อยากให้เพื่อนเลี้ยงตอบแทน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์
กับลูกก็เช่นกัน พ่อแม่ยามแก่เฒ่าจะไปพึ่งใคร ถ้าไม่พึ่งคนที่เขาเลี้ยงให้การศึกษาและให้ความรัก
อนึ่งพ่อแม่ขอเพียงมีปัจจัยสี่เพื่อปะทั้งชีวิต ผิดกับลูกๆที่ไม่เพียงปัจจัยสี่ ยังต้องการสมาร์ทโฟน
เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถทั้งมอเตอร์ไซด์และรถเก่ง ดูแล้วผลตอบแทนระหว่างกันมันต่างกันฟ้ากับเหว
ทำไมสังคมไทยยังล้าหลังเรื่องนี้เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก?
คนไทยหรือคนเอเซียมีจิตใจพัฒนาที่สูงกว่าสัตว์ สังคมครอบครับของไทยเป็นสังคมญาติพี่น้อง
ฉะนั้นอย่าเอาสังคมที่เป็นสังคมตัวใครตัวมันมาเปรียบเทียบ
มาแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ
อยากให้ใครแสดงความเห็นไม่ควรสร้างเนื้อหาชี้นำ เพราะสมาชิกบางคนไม่เข้าใจ
อาจแสดงความเห็นตามที่จขกทชี้นำ ซึ่งเนื้อหามันผิดเพี้ยนบิดเบื้อน ไม่พูดที่ที่มาอย่างถูกต้อง
ประเด็นมันอยู่ที่ตัวจขกทต่างหากว่า คิออย่างไร เพราะคำถามที่จขกทเอามาถาม
มันเป็นปัญหากับตัวจขกทหรือครอบครัวจขกทเอง
เพราะประโยคที่จขกทเอามาพูด มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจกับคำว่า..ตอบแทนผู้มีพระคุณ
ประโยคเดิมมันเป็นเช่นนี้ แต่เป็นเพราะลูกหลานบางคนไม่ใส่ใจกับคำสอนดีๆพวกนี้
ก็เลยเอาไปบิดเบือนเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
ทำไมลูกตอนโตต้องกลับมาดูแลชีวิตพ่อแม่? เป็นภาระ?
มันเป็นสัจจะของชีวิต คุณเกิดมาดูแลตัวเองไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ที่พ่อแม่จะดูแล
เช่นกันยามพ่อแม่แก่เฒ่าก็ควรย้อนกลับมาดูแล ในกรณีนี้ถ้าคุณเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า
ถ้ามารู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร คุณก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปดูแลพ่อแม่ประเภทนี้
สิ่งสำคัญควรกลับไปบ้านเด็กกำพร้าช่วยเหลืองานบ้าง ด้วยคำสอนที่ว่า..ตอบแทนผู้มีพระคุณ
ทำให้ลูกเกิดมาเพราะคาดหวังผลตอบแทนจากลูกตอนแก่?
มันไม่ใช่ความคาดหวังอะไร แต่มันเป็นธรรมชาติ เวลาคุณเลี้ยงหมาก็อยากให้หมาคอยเป็นหูเป็นตา
เวลาคุณเลี้ยงเพื่อนก็อยากให้เพื่อนเลี้ยงตอบแทน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์
กับลูกก็เช่นกัน พ่อแม่ยามแก่เฒ่าจะไปพึ่งใคร ถ้าไม่พึ่งคนที่เขาเลี้ยงให้การศึกษาและให้ความรัก
อนึ่งพ่อแม่ขอเพียงมีปัจจัยสี่เพื่อปะทั้งชีวิต ผิดกับลูกๆที่ไม่เพียงปัจจัยสี่ ยังต้องการสมาร์ทโฟน
เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถทั้งมอเตอร์ไซด์และรถเก่ง ดูแล้วผลตอบแทนระหว่างกันมันต่างกันฟ้ากับเหว
ทำไมสังคมไทยยังล้าหลังเรื่องนี้เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก?
คนไทยหรือคนเอเซียมีจิตใจพัฒนาที่สูงกว่าสัตว์ สังคมครอบครับของไทยเป็นสังคมญาติพี่น้อง
ฉะนั้นอย่าเอาสังคมที่เป็นสังคมตัวใครตัวมันมาเปรียบเทียบ
มาแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ
อยากให้ใครแสดงความเห็นไม่ควรสร้างเนื้อหาชี้นำ เพราะสมาชิกบางคนไม่เข้าใจ
อาจแสดงความเห็นตามที่จขกทชี้นำ ซึ่งเนื้อหามันผิดเพี้ยนบิดเบื้อน ไม่พูดที่ที่มาอย่างถูกต้อง
ความคิดเห็นที่ 10
ตอบแบบคน Gen x เกิดมาโคตรจน และต้องแบกภาระเลี้ยงดูพ่อแม่มาเกือบ 30 ปี และ ลูก อีก 2 คน บอกได้เลยว่า โคตรเหนื่อย จ่ายเงินให้พ่อแม่เดือนละ 2หมื่น รวมกับซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่หมดไปร่วม 10 ล้านบาท จะลาออกไปทำธุรกิจ หรือ ทำงานตามฝันก็ทำไม่ได้ กลัวพ่อแม่อดตาย เสียดายโอกาสในชีวิตมาก ๆ ที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเพราะติดภาระแบบนี้ ใครที่คิดมีลูกแล้วคิดให้ลูกเลี้ยงดูบอกได้เลยว่า คุณกำลังสร้างกรรมไว้กับ คน ๆ หนึ่งโดยการเอาโซ่ไปผูกขาเขาไว้ แล้วตั้งชื่อโซ่ว่ากตัญญู
เนื่องจากผมเจอ สภาวะแบบนี้มาทั้งชีวิต เลยไม่คิดจะพึ่งพาลูก เพราะไม่อยากสร้าง วัฐจักรของกรรมวนเวียนมาให้ลูก ทุกวันนี้ วางแผนเก็บออมเงินทองให้มีใช้จนกว่าตัวจะตาย แค่ให้ลูกมาเผาศพผมตอนตายก็พอใจแล้ว ส่วนเงินทองบอกลูกไว้หมดแล้วว่าเก็บไว้ที่ไหนบ้าง มีทิ้งไว้ให้พอสมควร เพราะถือว่าผมให้กำเนิดเขามา ไม่ควรต้องให้เขาลำบากเหมือนคนทั่วไปในสังคม ซื้อบ้านให้เขาแล้ว จะได้ไม่ต้องทำงานหาเงินผ่อนบ้านจนตัวตายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป เรียนจบให้เงินสดไป 1 ล้านบาท ไปตั้งตัว พอผมตายไปก็เอาเงินส่วนที่เหลือให้เขาไปใช้ต่อ เป็นฐานให้ชีวิต จะได้ไม่ลำบากเหมือนผม
เนื่องจากผมเจอ สภาวะแบบนี้มาทั้งชีวิต เลยไม่คิดจะพึ่งพาลูก เพราะไม่อยากสร้าง วัฐจักรของกรรมวนเวียนมาให้ลูก ทุกวันนี้ วางแผนเก็บออมเงินทองให้มีใช้จนกว่าตัวจะตาย แค่ให้ลูกมาเผาศพผมตอนตายก็พอใจแล้ว ส่วนเงินทองบอกลูกไว้หมดแล้วว่าเก็บไว้ที่ไหนบ้าง มีทิ้งไว้ให้พอสมควร เพราะถือว่าผมให้กำเนิดเขามา ไม่ควรต้องให้เขาลำบากเหมือนคนทั่วไปในสังคม ซื้อบ้านให้เขาแล้ว จะได้ไม่ต้องทำงานหาเงินผ่อนบ้านจนตัวตายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป เรียนจบให้เงินสดไป 1 ล้านบาท ไปตั้งตัว พอผมตายไปก็เอาเงินส่วนที่เหลือให้เขาไปใช้ต่อ เป็นฐานให้ชีวิต จะได้ไม่ลำบากเหมือนผม
แสดงความคิดเห็น
คิดยังไงกับ "การชดใช้บุญคุณพ่อแม่ที่ทำให้เราเกิดมา" ในสังคมไทย
ทำไมลูกตอนโตต้องกลับมาดูแลชีวิตพ่อแม่? เป็นภาระ?
ทำให้ลูกเกิดมาเพราะคาดหวังผลตอบแทนจากลูกตอนแก่?
ทำไมสังคมไทยยังล้าหลังเรื่องนี้เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก?
ปล.เรื่องนี้เป็นเนื้อหาที่ไปอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตแล้วสนใจ ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แค่ต้องมาแชร์ความคิดเห็น
มาแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ