John Wick: Chapter 4 - จอห์น วิค แรงกว่านรก 4
" 'คนในยุทธจักรล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง''... คำพูดนี้เป็นความจริง ทั้งเป็นสัจธรรมที่ไม่มีใครอยากพบเจอ "
กำกับโดย Chad Stahelski
จากที่ได้ดูภาคแรกมาจนถึงภาคนี้ ไม่คิดเหมือนกันว่า เฟรนไชน์ John Wick จะมาได้ไกลขนาดนี้ แถมยังได้รับคะแนนวิจารณ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะใน Metacritic สามภาคหลังคะแนน 70%+ ตลอด ถือว่า สูงสำหรับหนังแอ็คชั่น !
เรื่องย่อ
John Wick: Chapter 4 - Official Trailer
หลังจากที่
"จอห์น วิค (คีอานู รีฟส์)" เปิดศึกกับสภาสูง ทำให้เขาถูกไล่เก็บ ส่งผลให้เขาต้องหาวิธีปลดตัวเองจากบ่วงพันธะที่มีกับสภาสูงให้ได้ ขณะเดียวกัน ก็มีการส่ง
"เคน (ดอนนี่ เยน)" อดีตมิตรฝีมือฉกาจมาไล่เก็บจอห์น
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่เป็นไม้เด็ดของหนัง ขอยกนิ้วให้ "คิวบู๊แอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม"
เอกลักษณ์ที่สำคัญของการต่อสู้ใน John Wick คือ
"ความเป็นหนัง Gun fu (Gun + Kung fu)" เรียกอีกอย่างว่า
"Bullet Ballet (ระบำกระสุน)" ซึ่งปกติจะโดดเด่นในหนังฮ่องกงยุคก่อน (พวกงานของ
John Woo - ex.
A Better Tomorrow - โหดเลวดี, The Killer - โหดตัดโหด) ขณะที่ในฟากตะวันตก อาจจะไม่ได้เห็นงานสวย ๆ เหมือนอย่างที่หนังฮ่องกงทำมากนัก
ทว่าสตาเฮลสกี ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ เขาสร้างเอกลักษณ์ที่เป็นวิธีการต่อสู้ฉบับ John Wick ได้อย่าง Unique (Gun fu ผสม Martial Arts ตะวันออก - ยิวยิตซู, ยุโด, คาราเต้, กังฟู) ชนิดที่ถ้าอยากจะศึกษาวิธีการทำคิวบู๊หนังแอ็คชั่น John Wick เป็นหนึ่งในเฟรนไชน์แอ็คชั่นที่ไม่ควรพลาด
ตรงนี้น่าจะเป็นผลให้นักวิจารณ์ชอบเป็นพิเศษ (ตั้งแต่ภาคแรก) ส่วนเหล่าคนดูก็เลิฟ เพราะหนังทำฉากเหล่านี้ได้สนุก พร้อมกับสวยงามในเวลาเดียวกัน
จอห์น วิค กับอาวุธใหม่ กระบองสองท่อน
- หนังมีฉากการต่อสู้ที่ครีเอทหลาย ๆ ช็อต โดยที่ชอบที่สุด รู้สึกชอบ 4 ฉาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้-- ฉากแรก: ฉากยิงกันในตึกโดยใช้มุมกล้อง Bird Eyes View อันนี้ยกนิ้วให้จริงแบบคิดได้ยังไง สวยและครีเอทมาก
-- ฉากที่สอง: ฉากดริฟรถยิงกันกลางปารีส นี่ก็ว้าว เพิ่งจะเคยเจอคนดริฟรถยิงกันแบบนี้ ดีไซน์โดดเด่นจริงจัง
-- ฉากที่สาม: ฉากสู้กันบนบันได 200 ขั้น จอห์นต้องตะลุยด่านสู้กับเหล่านักฆ่าที่ดักอยู่ตามแต่ละจุด และมีเงื่อนไขกลาย ๆ ว่า สู้ไปแล้ว ห้ามตกบันได ตกปุ๊ป เหมือนเกมส์โอเวอร์ ต้องเริ่มใหม่... การดีไซน์วิธีการต่อสู้และเงื่อนไขในฉากนี้สร้างสรรค์เวอร์
-- ฉากที่สี่: ฉากดวลปืนในขั้นสุดท้าย เงื่อนไขการดวลครีเอทและดุเดือด
ฉากเหล่านี้เป็นทีเด็ดหนังที่สำคัญ แล้วก็เพิ่มคะแนนความดีงามให้กับหนังมากมาย
- เซ็ตติ้งโลกนักฆ่า จริง ๆ คล้ายกับจักรวาลกำลังภายในจีนที่มีเรื่องการแก้แค้น คุณธรรมน้ำมิตร พิธีการ การเมือง กฏเกณฑ์ในยุทธจักร
ที่สำคัญ ปรัชญาในหนัง พาย้อนนึกถึงที่โกวเล้งเคยกล่าวไว้ว่า
"คนในยุทธจักรล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง" พันธะต่าง ๆ ทำให้ทุกคนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรารถนา มิอาจมีอิสระเสรีตามใจต้องการ...
นับเป็นเรื่องน่าเศร้าของชาวยุทธจักรในจักรวาล John Wick สอดรับกับคำพูดที่วินสตันกล่าวในเรื่องว่า "Such is life (นี่แหละชีวิต)"
คำพูดสั้น ๆ เรียบง่ายนี้เอง เป็นเหมือนบทสรุปที่ชัดเจนที่สุดของเรื่อง และสะท้อนชีวิตของ John Wick ได้อย่างครบถ้วน
- บทหนังคล้ายกับในภาคก่อน ๆ เรื่องวางไว้หลวม ๆ อย่างไรก็ตาม หนังยังคงน่าติดตามจากงานแอ็คชั่นที่แพรวพราว
- ความยาวหนังถ้าตัดเหลือ 2 ชม. จะกระชับขึ้น
- ชอบบทสรุปหนังที่พยายามหยุดเรื่องทั้งหมดไว้ที่ภาคนี้ คิดไม่ออกเหมือนกันว่า หนังจะไปต่อได้มากกว่านี้อย่างไร เรื่องราวของ John Wick ดูค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว ถ้าจะไปต่อจริง ไปสำรวจตัวละครอื่น ๆ ก็อาจจะน่าสนใจขึ้น
อีกอย่าง สเกลจักรวาลตอนนี้ รู้สึกเหมือนฟองสบู่พอง ไปต่อมากกว่านี้ อาจแฟนตาซีไปเลย (ขนาดในภาคนี้ ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่า มันเล่นใหญ่เกินสเกลมากไปไหม )
- พาร์ทนักแสดง
"คีอานู รีฟ" ยังคงเท่เหมือนเดิม มีที่รู้สึกว่าแย่งซีนได้เด่น ก็
"ดอนนี่ เยน" แย่งซีนดีมาก
ส่วนอีกคน
"ฮิโรยูกิ ซานะดะ (ลุงชิเหน๋)" มาเท่เหมือนกันโหมดซามูไร
เคน ศัตรูคนสำคัญของจอห์นในภาคนี้
สรุป
ถือว่าเป็นหนังปิดท้ายเฟรนไชน์ที่ดี มีลูกเล่นแอ็คชั่นที่สวยงามน่าชื่นชม คุณภาพคับแก้ว
ดังนั้นรอดูกันต่อไปว่าจะมีหนัง Spin–off ตระกูลนี้ต่อเปล่า ส่วนภาคนี้ จากที่เห็นแนวโน้ม น่าจะประสบความสำเร็จงดงาม โกยรายได้เพียบ !
_________________________________
ป.ล. หลังดูจบอย่าเพิ่งลุกไปไหน มีฉาก End-credit
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อนะครับ
IG: benjireview
John Wick: Chapter 4 (2023) - Such is life... นี่แหละชีวิต !
จากที่ได้ดูภาคแรกมาจนถึงภาคนี้ ไม่คิดเหมือนกันว่า เฟรนไชน์ John Wick จะมาได้ไกลขนาดนี้ แถมยังได้รับคะแนนวิจารณ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะใน Metacritic สามภาคหลังคะแนน 70%+ ตลอด ถือว่า สูงสำหรับหนังแอ็คชั่น !
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังชม
ทว่าสตาเฮลสกี ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ เขาสร้างเอกลักษณ์ที่เป็นวิธีการต่อสู้ฉบับ John Wick ได้อย่าง Unique (Gun fu ผสม Martial Arts ตะวันออก - ยิวยิตซู, ยุโด, คาราเต้, กังฟู) ชนิดที่ถ้าอยากจะศึกษาวิธีการทำคิวบู๊หนังแอ็คชั่น John Wick เป็นหนึ่งในเฟรนไชน์แอ็คชั่นที่ไม่ควรพลาด
ตรงนี้น่าจะเป็นผลให้นักวิจารณ์ชอบเป็นพิเศษ (ตั้งแต่ภาคแรก) ส่วนเหล่าคนดูก็เลิฟ เพราะหนังทำฉากเหล่านี้ได้สนุก พร้อมกับสวยงามในเวลาเดียวกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉากเหล่านี้เป็นทีเด็ดหนังที่สำคัญ แล้วก็เพิ่มคะแนนความดีงามให้กับหนังมากมาย
- เซ็ตติ้งโลกนักฆ่า จริง ๆ คล้ายกับจักรวาลกำลังภายในจีนที่มีเรื่องการแก้แค้น คุณธรรมน้ำมิตร พิธีการ การเมือง กฏเกณฑ์ในยุทธจักร
ที่สำคัญ ปรัชญาในหนัง พาย้อนนึกถึงที่โกวเล้งเคยกล่าวไว้ว่า "คนในยุทธจักรล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง" พันธะต่าง ๆ ทำให้ทุกคนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรารถนา มิอาจมีอิสระเสรีตามใจต้องการ...
นับเป็นเรื่องน่าเศร้าของชาวยุทธจักรในจักรวาล John Wick สอดรับกับคำพูดที่วินสตันกล่าวในเรื่องว่า "Such is life (นี่แหละชีวิต)"
คำพูดสั้น ๆ เรียบง่ายนี้เอง เป็นเหมือนบทสรุปที่ชัดเจนที่สุดของเรื่อง และสะท้อนชีวิตของ John Wick ได้อย่างครบถ้วน
- ความยาวหนังถ้าตัดเหลือ 2 ชม. จะกระชับขึ้น
- ชอบบทสรุปหนังที่พยายามหยุดเรื่องทั้งหมดไว้ที่ภาคนี้ คิดไม่ออกเหมือนกันว่า หนังจะไปต่อได้มากกว่านี้อย่างไร เรื่องราวของ John Wick ดูค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว ถ้าจะไปต่อจริง ไปสำรวจตัวละครอื่น ๆ ก็อาจจะน่าสนใจขึ้น
อีกอย่าง สเกลจักรวาลตอนนี้ รู้สึกเหมือนฟองสบู่พอง ไปต่อมากกว่านี้ อาจแฟนตาซีไปเลย (ขนาดในภาคนี้ ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่า มันเล่นใหญ่เกินสเกลมากไปไหม )
- พาร์ทนักแสดง "คีอานู รีฟ" ยังคงเท่เหมือนเดิม มีที่รู้สึกว่าแย่งซีนได้เด่น ก็ "ดอนนี่ เยน" แย่งซีนดีมาก
ส่วนอีกคน "ฮิโรยูกิ ซานะดะ (ลุงชิเหน๋)" มาเท่เหมือนกันโหมดซามูไร
ถือว่าเป็นหนังปิดท้ายเฟรนไชน์ที่ดี มีลูกเล่นแอ็คชั่นที่สวยงามน่าชื่นชม คุณภาพคับแก้ว
ดังนั้นรอดูกันต่อไปว่าจะมีหนัง Spin–off ตระกูลนี้ต่อเปล่า ส่วนภาคนี้ จากที่เห็นแนวโน้ม น่าจะประสบความสำเร็จงดงาม โกยรายได้เพียบ !
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อนะครับ