เลยไตรภาคมาจนถึง ภาคที่ 4 กับหนังที่ต้นเหตุมาจากสุนัขสุดรัก และรถหนึ่งคัน ไปจนถึงการถล่มรากฐานสำคัญ และองค์กรเบื้องหลังขนาดใหญ่
John Wick 4 เล่าต่อถึงช่วงหลังจากที่จอห์น ถูกวินสตันหักหลัง และได้ถูกราชายกจกแห่งนิวยอร์กช่วยเอาไว้
เนื้อเรื่องตลอด 2.50 ชม อัดแน่นไปด้วยฉากบู๊ แบบโคตรครีเอท และเดินเนื้อเรื่องได้กระชับมาก รู้ตัวอีกทีหนังก็ใกล้จะจบแล้ว
ที่สำคัญ Gun-Fu / Car-Fu ในเรื่องยังคงตราตรึงใจมากกก เพราะนี้มันเป็นสิ่งที่หลุดจากหลักการความเป็นจริงไปมากๆแล้ว แต่มันยัง
ถูกนำเสนอได้อย่างดี จนรู้สึกว่ามันก็ยังมีความ Realistic ในนั้นอยู่
หนึ่งในฉากที่ตราตรึงที่สุดแล้วครับ กับการดริฟรถยิงปืน นึกว่าหลุดมาจากบ้าน Fast
รวมไปถึงการผสานวัฒนธรรมต่างๆ เช่นญี่ปุ่น เข้าไปในเรื่องได้อย่างลงตัว หรือฉากบู๊โคตรโหดแบบ Long take - Bird eye view มันสุดมากกกกก
หนึ่งในอาวุธปราบเซียน ที่คีอานู บ่นว่าใช้โคตรยาก (จริงๆแกบอกว่าท้าทายหนะ แต่แกมีแอบหัวร้อนตอนเข้าฉากนี้ด้วย 555)
นอกจากนี้ ศัตรูของวิคในภาคนี้ ยังมีมิติที่มากขึ้นและฝีมือทัดเทียมกัน มันเลยทำให้หนังดูลุ้นและสนุกขึ้น
อีกอย่างที่ครีเอท มันคือการเอาเรื่องที่เบสิคสุดๆ มาสร้างเงื่อนไขแบบโคตรลงตัว ในการสร้างอิมแพค ที่คนในโรงทุกคนต้องร้อง
"อูยยยยยย" ฉากนั้นทำได้ดีมากๆ มันไม่ต้องหวือหวา เหมือนฉากก่อนๆ แต่อิมแพคดีเหลือเกิน
ทั้งนี้นักแสดงทุกคน เล่นได้ดีมาก สมบทบาททุกคน แต่อาจจะคำนับให้ปรมาจารย์ ดอนนี่ เยน มากหน่อย เพราะแกตีบทคนตาบอดได้โคตรดี
และในบางจังหวะ ก็แย่งซีนคีอานูไปได้ง่ายๆเลย
บร๊ะเจ้าโจ๊ก เอ้ย บร๊ะเจ้าเยน ผู้แบกหนังไว้ทั้งงานคิวบู๊ แนวเซียนตาบอด ที่ต่อยอดมาตั้งแต่ Star Wars จนมาถึง John Wick 4 ยันไป
ถึงซีนตลกต่างๆ
บทหนัง แก่นของ จอห์น วิค ตั้งแต่ภาคแรก จนภาคนี้ ก็ยังให้เราได้คิดและสะท้อนไปถึงผลของการกระทำ (Consequence) ได้
แต่แน่นอนพอเป็นหนังที่เน้นแอคชั่น ตัวบทหลายๆจุดมันยังดูหลวมๆอยู่ บางอย่างดูใส่มาเพื่อจงใจให้เป็นตามที่หวังมากเกินไป
แต่มันก็ไม่ได้แย่จนถึงขั้นรับไม่ได้ เพราะยังไงมันก็ยังอยู่บนความเป็นหนังแอคชั่นที่ทำให้คุณไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะคิวบู๊หนัง
เรื่องนี้ มันโคตรดีมากๆ ชนิดที่ว่า ตัวละครหลักก จะกี่ตัวก็ตาม ถ้าหากเขาได้สู้ มันก็จะมีวิธีและสไตล์ที่โคตรแตกต่างกัน และเท่มากๆ
อ๋อแล้วที่สัมผัสได้อีกอย่าง ภาคนี้ดูมีความเป็นเหมือนการเล่นวิดิโอเกมส์ เข้ามาผสมด้วย แต่มันไม่ได้แหม่งเลยนะะ โคตรดีด้วยซ้ำ
และหนังมี End credit นะ ว่าด้วยผลของการกระทำอีกเช่นกัน
สรุปเลยว่า ถ้าคุณมีเวลา หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การเสียเงินไปดู และด้วยที่ทีมงานหลัก รวมถึงผู้กำกับ ทำเกี่ยวกับสตํนแมน และคิวบู๊
นี้จึงเป็นอีกเรื่องที่โคตรจัดจ้าน 9/10 ครับ หักคะแนนนึง กับเนื้อเรื่องแอบมีหลวมๆบ้าง รวมถึงไม่ได้ต่อยอดจากภาคก่อนเท่าที่ควร
And R.I.P. to Lance Reddick ครับ เป็นหนึ่งในคนที่คาแรคเตอร์เท่ และผมชอบรองมาจากจอห์นเลย
คำเตือน : แล้วต่อไปด้านล่างจะเป็น คอนเท้นท์สปอย แล้วนะครับ ใครที่ยังไม่ดูข้ามไปก่อนนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ส่วนตัวคิดว่านี้น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์นักฆ่านี้แล้ว เพราะจริงๆทุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้วหละ เพราะจอห์นเองก็ปลดเปลื้องทุกอย่างจากสภาสูงไปหมดแล้ว ทีนี้ไม่สำคัญหรอกว่าจะตายจริงหรือไม่จริง เพราะถ้ามีภาคที่ 5 ความหมายของภาคนี้ มันจะแอบหมดความขลังไปประมาณนึงเลย ส่วนตัวหลักอย่าง เคนเอง แม้ตอนดวลสุดท้ายจะรอด แต่ใน End credit ก็ไม่รู้จะตายหรือไม่ตาย แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ารอดจาก อกีระ แน่ๆ
ถ้าจะมีต่อภาคหน้า ก็อาจจะเป็นเชิงว่า สภาสูงยังคงไม่ยอมวิคเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ส่วนวิคเองก็ไม่ได้ตายจริงๆ อาจจะแค่แกล้งตายเพื่อกลับไปใช้ชีวิตเงียบๆ เหมือนที่ผู้เฒ่าตอนแรกบอกว่า "ทางเดียวที่จะหลุดพ้น คือความตายเท่านั้น"
เพราะงั้นโดยรวมแล้วมันก็โอเคแหละ เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง ฉากบู๊สุด ติดแค่ว่าตอนช่วงจะจบ มันแอบห้วนไปหน่อย มาร์กีส ตายง่ายไปหน่อย และจริงๆแอบอยากเห็นชะตากรรม ของตุลาการ และแก๊งที่รอดจากภาค 3 ซะหน่อย แต่โดนตัดออกซะหมดเลย
CR / พูดคุยหลังดู - John Wick 4 หนังที่ซีนบู๊ดีที่สุด ณ เวลานี้ 9/10 (มีสปอยสำคัญซ่อนในแท็ป)
เลยไตรภาคมาจนถึง ภาคที่ 4 กับหนังที่ต้นเหตุมาจากสุนัขสุดรัก และรถหนึ่งคัน ไปจนถึงการถล่มรากฐานสำคัญ และองค์กรเบื้องหลังขนาดใหญ่
John Wick 4 เล่าต่อถึงช่วงหลังจากที่จอห์น ถูกวินสตันหักหลัง และได้ถูกราชายกจกแห่งนิวยอร์กช่วยเอาไว้
เนื้อเรื่องตลอด 2.50 ชม อัดแน่นไปด้วยฉากบู๊ แบบโคตรครีเอท และเดินเนื้อเรื่องได้กระชับมาก รู้ตัวอีกทีหนังก็ใกล้จะจบแล้ว
ที่สำคัญ Gun-Fu / Car-Fu ในเรื่องยังคงตราตรึงใจมากกก เพราะนี้มันเป็นสิ่งที่หลุดจากหลักการความเป็นจริงไปมากๆแล้ว แต่มันยัง
ถูกนำเสนอได้อย่างดี จนรู้สึกว่ามันก็ยังมีความ Realistic ในนั้นอยู่
หนึ่งในฉากที่ตราตรึงที่สุดแล้วครับ กับการดริฟรถยิงปืน นึกว่าหลุดมาจากบ้าน Fast
รวมไปถึงการผสานวัฒนธรรมต่างๆ เช่นญี่ปุ่น เข้าไปในเรื่องได้อย่างลงตัว หรือฉากบู๊โคตรโหดแบบ Long take - Bird eye view มันสุดมากกกกก
หนึ่งในอาวุธปราบเซียน ที่คีอานู บ่นว่าใช้โคตรยาก (จริงๆแกบอกว่าท้าทายหนะ แต่แกมีแอบหัวร้อนตอนเข้าฉากนี้ด้วย 555)
นอกจากนี้ ศัตรูของวิคในภาคนี้ ยังมีมิติที่มากขึ้นและฝีมือทัดเทียมกัน มันเลยทำให้หนังดูลุ้นและสนุกขึ้น
อีกอย่างที่ครีเอท มันคือการเอาเรื่องที่เบสิคสุดๆ มาสร้างเงื่อนไขแบบโคตรลงตัว ในการสร้างอิมแพค ที่คนในโรงทุกคนต้องร้อง
"อูยยยยยย" ฉากนั้นทำได้ดีมากๆ มันไม่ต้องหวือหวา เหมือนฉากก่อนๆ แต่อิมแพคดีเหลือเกิน
ทั้งนี้นักแสดงทุกคน เล่นได้ดีมาก สมบทบาททุกคน แต่อาจจะคำนับให้ปรมาจารย์ ดอนนี่ เยน มากหน่อย เพราะแกตีบทคนตาบอดได้โคตรดี
และในบางจังหวะ ก็แย่งซีนคีอานูไปได้ง่ายๆเลย
บร๊ะเจ้าโจ๊ก เอ้ย บร๊ะเจ้าเยน ผู้แบกหนังไว้ทั้งงานคิวบู๊ แนวเซียนตาบอด ที่ต่อยอดมาตั้งแต่ Star Wars จนมาถึง John Wick 4 ยันไป
ถึงซีนตลกต่างๆ
บทหนัง แก่นของ จอห์น วิค ตั้งแต่ภาคแรก จนภาคนี้ ก็ยังให้เราได้คิดและสะท้อนไปถึงผลของการกระทำ (Consequence) ได้
แต่แน่นอนพอเป็นหนังที่เน้นแอคชั่น ตัวบทหลายๆจุดมันยังดูหลวมๆอยู่ บางอย่างดูใส่มาเพื่อจงใจให้เป็นตามที่หวังมากเกินไป
แต่มันก็ไม่ได้แย่จนถึงขั้นรับไม่ได้ เพราะยังไงมันก็ยังอยู่บนความเป็นหนังแอคชั่นที่ทำให้คุณไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะคิวบู๊หนัง
เรื่องนี้ มันโคตรดีมากๆ ชนิดที่ว่า ตัวละครหลักก จะกี่ตัวก็ตาม ถ้าหากเขาได้สู้ มันก็จะมีวิธีและสไตล์ที่โคตรแตกต่างกัน และเท่มากๆ
อ๋อแล้วที่สัมผัสได้อีกอย่าง ภาคนี้ดูมีความเป็นเหมือนการเล่นวิดิโอเกมส์ เข้ามาผสมด้วย แต่มันไม่ได้แหม่งเลยนะะ โคตรดีด้วยซ้ำ
และหนังมี End credit นะ ว่าด้วยผลของการกระทำอีกเช่นกัน
สรุปเลยว่า ถ้าคุณมีเวลา หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การเสียเงินไปดู และด้วยที่ทีมงานหลัก รวมถึงผู้กำกับ ทำเกี่ยวกับสตํนแมน และคิวบู๊
นี้จึงเป็นอีกเรื่องที่โคตรจัดจ้าน 9/10 ครับ หักคะแนนนึง กับเนื้อเรื่องแอบมีหลวมๆบ้าง รวมถึงไม่ได้ต่อยอดจากภาคก่อนเท่าที่ควร
And R.I.P. to Lance Reddick ครับ เป็นหนึ่งในคนที่คาแรคเตอร์เท่ และผมชอบรองมาจากจอห์นเลย
คำเตือน : แล้วต่อไปด้านล่างจะเป็น คอนเท้นท์สปอย แล้วนะครับ ใครที่ยังไม่ดูข้ามไปก่อนนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้