ปิยบุตร ชี้โทษทักษิณไม่เป็นธรรม ติดคุกด้วยผลพวงรปห. เสนอรื้อคดีใหม่ทั้งหมด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892408
ปิยบุตร ชี้โทษทักษิณไม่เป็นธรรม ติดคุกด้วยผลพวงรปห. ชงปัดฝุ่นข้อเสนอนิติราษฎร์ รื้อคดีใหม่ทั้งหมด
จากกรณีที่ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวเกียวโด สื่อดังจากญี่ปุ่น ว่าเขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว โดยกำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมกลับประเทศไทย ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาอย่างไรก็ตาม
ล่าสุด ( 25 มี.ค.) นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เผยแพร่ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง
[กรณีคุณทักษิณ : ไม่ติดคุก ไม่นิรโทษ ต้องลบล้างผลพวงรัฐประหาร ดำเนินคดีใหม่อย่างเป็นธรรม] แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า
สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ความว่า คุณทักษิณ ชินวัตร พร้อมกลับมาติดคุก และไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง
ประเด็นปัญหา “กลับบ้าน” ของคุณทักษิณอยู่ในสังคมไทยมาเกือบสองทศวรรษ เมื่อไรที่มีการเลือกตั้ง เมื่อไรได้รัฐบาลใหม่จากขั้วเพื่อไทย ก็จะมีผู้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเสมอ
หากใครได้ติดตามการแสดงความเห็นของผมตั้งแต่ปี 2548/49 คงจำได้ว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้อง “นายกพระราชทาน มาตรา 7” ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ รวม 5 คน ในเวลานั้นได้ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ในเวลาต่อมา พวกเรายังได้แถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยและวิจารณ์การดำเนินคดีคุณทักษิณในหลายกรณี รวมทั้งคำพิพากษากรณียึดทรัพย์ด้วย
หลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 53 พวกเราได้รวมตัวก่อตั้ง “คณะนิติราษฎร์”
18 กันยายน 2554 คณะนิติราษฏร์ เสนอข้อเสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549” ดังนี้
หนึ่ง ให้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และการกระทำของ คปค. ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ถึง 30 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ
สอง ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 36 (ซึ่งรับรองให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารถูกโต้แย้งได้ว่าขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
สาม ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 37 (ซึ่งนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้ การนิรโทษกรรมรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ สิ้นผลไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อไม่มีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร ทำให้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังคงมีความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมย่อมสามารถดำเนินคดีเอาคณะรัฐประหารมาลงโทษได้
สี่ ให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตกเป็นโมฆะ
ห้า ให้เรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณา ที่เกิดจากการริเริ่มของ คตส. ยุติลง
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ต้องทำโดยผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หากข้อเสนอเหล่านี้สำเร็จ ผลที่ตามมา คือ ดำเนินคณะรัฐประหารได้ทันที
ส่วนคดีความของคุณทักษิณและนักการเมืองอีกหลายคน ที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ก็ไม่ได้นิรโทษหรืออภัยโทษแต่อย่างใด เพียงแต่ลบล้างคำพิพากษาเหล่านั้นทิ้ง และสามารถดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนการปกติ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย
เมื่อเข้าปี 2556 มีการเสนอร่าง พรบ นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” จนเป็นชนวนให้การชุมนุมของ กปปส จุดติด และนำมาซึ่งรัฐประหาร 22 พ.ค.2557
ในเวลานั้น ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติราษฎร์ ยืนยันว่า นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” แบบนี้ไม่ได้ เราเสนอร่างกฎหมายให้นิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ในส่วนกรณีของคุณทักษิณและนักการเมืองรายอื่นๆที่ถูกดำเนินคดีสืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ต้องใช้ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร” มิใช่ “นิรโทษกรรม”
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ
ทั้งจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทั้งจากรัฐบาลประยุทธ์
เมื่อข้อเสนอของเราไม่ถูกฝ่ายการเมืองนำไปใช้ ก็เหลืออยู่ทางเดียว คือ ลงมาปฏิบัติเอง
นี่เป็นมูลเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. และมาก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
ด้วยความตั้งใจว่า จะเข้าไปมีอำนาจ เพื่อทำข้อเสนอเหล่านี้ให้เป็นจริง
…
วันนี้ ประเด็น “ทักษิณกลับบ้าน” กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง
ผมยังคงยืนยันตามเดิมว่า การดำเนินคดีคุณทักษิณ โดยใช้องค์กรและกระบวนการที่เริ่มต้นจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ
ผมเห็นว่า จนถึงวันนี้ คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
และเช่นเดียวกัน ก็ไม่ควรมีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณด้วย
แต่หนทางที่ถูกต้อง เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ และยืนอยู่บนหลักการ ก็คือ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ ที่เสนอไว้ เมื่อ 12 ปีก่อน
คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
ไม่ต้องนิรโทษกรรมคุณทักษิณ
ดำเนินคดีกันใหม่อย่างเป็นธรรม
เอาคณะรัฐประหาร 49/57 มาลงโทษ
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid0Zpsd3gMbfWzEo63Rjua4fDNuanc22iw5Jvz69yjvRcV61hJ2ExNPhqknnXw4xwALl
ธนาธร ชี้ ถ้าการแก้แค่ปัญหาปากท้อง ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ คนไทยคงรวยไปนานแล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7577872
ธนาธร ชี้ ถ้าการแก้แค่ปัญหาปากท้อง โดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมือง แล้วทำให้ชีวิตดีได้ คนไทยคงรวยไปนานแล้ว แต่ที่ไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้
24 มี.ค. 2566 – นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัย ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
ช่วงหนึ่งของการปราศรัย นาย
ธนาธร กล่าวว่า ประเทศนี้มีหลายอย่างที่ต้องปฏิรูป เราถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ โครงสร้างสังคมไทยทุกวันนี้ไม่เป็นธรรม ทำให้คนไทยจำนวนมากที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ไม่สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ นี่คือความจำเป็นที่ทำให้เราเสนอ “
สร้างรัฐสวัสดิการ” มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อทำให้คนกล้าเดินตามความฝัน ดึงศักยภาพของคนไทยทุกคนออกมา รองรับกับทุกความไม่แน่นอนในชีวิต
ถ้าย้อนหลังไป 45 ปีที่แล้ว ไต้หวันกับไทย มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแทบไม่ต่างกัน แต่ผ่านมาหนึ่งช่วงอายุคน วันนี้ไต้หวันมีรายได้ต่อหัวประชากรมากกว่าคนไทย 6 เท่า คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่การสร้างเทคโนโลยีขึ้นในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตนยังจำเป็นต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลพูดไปทั้งหมด ในเรื่องรัฐสวัสดิการและการสร้างงาน สร้างเทคโนโลยี ซ่อมประเทศ จะทำไม่ได้เลย ถ้าการเมืองยังเป็นเช่นนี้ การจะพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ จำเป็นที่ประเทศไทยต้องพร้อมเผชิญหน้ากับการปฏิรูปที่ยาก ๆ ที่สำคัญหลายเรื่อง
ตนกล้าพูดว่า ถ้ามีพรรคการเมืองเดิมที่กล้าทำเรื่องยาก ๆ แบบนี้ ก็คงไม่มีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น แต่ที่มีอนาคตใหม่เกิดขึ้นมา ก็เพราะเราไม่เห็นว่ามีพรรคไหนที่กล้าทำเรื่องยาก ๆ แต่เป็นเรื่องจำเป็นในประเทศไทยเลยต่างหาก
ถ้าการเมืองกับปากท้องมันแยกออกจากกันได้ ถ้าการแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมือง ทำให้ชีวิตคนไทยดีได้จริง คนไทยคงจะรวยไปนานแล้ว แต่ที่คนไทยไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้ และต้องบอกว่ารัฐสวัสดิการ การลงทุนด้านเทคโนโลยี การสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่เริ่มต้นที่ระบบการเมืองที่ดี
ประเทศนี้มีหลายอย่างที่ต้องได้รับการปฏิรูป แก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะการแก้แบบขอไปทีแก้ปัญหาของประเทศไทยไม่ได้ และหนึ่งในปัญหาที่ต้องพูดถึงวันนี้คือปัญหาของนักการเมือง ทุกวันนี้นักการเมืองจำนวนมากไม่เคยสำนึกผิดในการรับใช้เผด็จการ ในการเป็นนั่งร้านให้การสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดตกต่ำ
14 พ.ค. นี้ เราสร้างอนาคตที่สดใสให้ลูกหลานของเราได้ ด้วยบัตรเลือกตั้งของเรา อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับการกากบาทของทุกคน นี่คือจุดชี้เป็นชี้ตายของอนาคต หน้าที่ของคนจากรุ่นสู่รุ่นคือการสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป ให้มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าคนรุ่นเรา แล้ววันนี้เราทำอะไรอยู่ เราทำดีที่สุดในการส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไปแล้วหรือยัง
JJNY : ปิยบุตร ชี้โทษทักษิณไม่เป็นธรรม│ธนาธรชี้ ถ้าการแก้แค่ปัญหาปากท้อง│ทุเรียนฤดูใหม่ไทยชนเวียดนาม│อียูให้คำมั่น!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892408
ปิยบุตร ชี้โทษทักษิณไม่เป็นธรรม ติดคุกด้วยผลพวงรปห. ชงปัดฝุ่นข้อเสนอนิติราษฎร์ รื้อคดีใหม่ทั้งหมด
จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวเกียวโด สื่อดังจากญี่ปุ่น ว่าเขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว โดยกำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมกลับประเทศไทย ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาอย่างไรก็ตาม
ล่าสุด ( 25 มี.ค.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เผยแพร่ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง
[กรณีคุณทักษิณ : ไม่ติดคุก ไม่นิรโทษ ต้องลบล้างผลพวงรัฐประหาร ดำเนินคดีใหม่อย่างเป็นธรรม] แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า
สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ความว่า คุณทักษิณ ชินวัตร พร้อมกลับมาติดคุก และไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง
ประเด็นปัญหา “กลับบ้าน” ของคุณทักษิณอยู่ในสังคมไทยมาเกือบสองทศวรรษ เมื่อไรที่มีการเลือกตั้ง เมื่อไรได้รัฐบาลใหม่จากขั้วเพื่อไทย ก็จะมีผู้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเสมอ
หากใครได้ติดตามการแสดงความเห็นของผมตั้งแต่ปี 2548/49 คงจำได้ว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้อง “นายกพระราชทาน มาตรา 7” ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ รวม 5 คน ในเวลานั้นได้ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ในเวลาต่อมา พวกเรายังได้แถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยและวิจารณ์การดำเนินคดีคุณทักษิณในหลายกรณี รวมทั้งคำพิพากษากรณียึดทรัพย์ด้วย
หลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 53 พวกเราได้รวมตัวก่อตั้ง “คณะนิติราษฎร์”
18 กันยายน 2554 คณะนิติราษฏร์ เสนอข้อเสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549” ดังนี้
หนึ่ง ให้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และการกระทำของ คปค. ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ถึง 30 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ
สอง ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 36 (ซึ่งรับรองให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารถูกโต้แย้งได้ว่าขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
สาม ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 37 (ซึ่งนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้ การนิรโทษกรรมรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ สิ้นผลไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อไม่มีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร ทำให้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังคงมีความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมย่อมสามารถดำเนินคดีเอาคณะรัฐประหารมาลงโทษได้
สี่ ให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตกเป็นโมฆะ
ห้า ให้เรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณา ที่เกิดจากการริเริ่มของ คตส. ยุติลง
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ต้องทำโดยผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หากข้อเสนอเหล่านี้สำเร็จ ผลที่ตามมา คือ ดำเนินคณะรัฐประหารได้ทันที
ส่วนคดีความของคุณทักษิณและนักการเมืองอีกหลายคน ที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ก็ไม่ได้นิรโทษหรืออภัยโทษแต่อย่างใด เพียงแต่ลบล้างคำพิพากษาเหล่านั้นทิ้ง และสามารถดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนการปกติ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย
เมื่อเข้าปี 2556 มีการเสนอร่าง พรบ นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” จนเป็นชนวนให้การชุมนุมของ กปปส จุดติด และนำมาซึ่งรัฐประหาร 22 พ.ค.2557
ในเวลานั้น ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติราษฎร์ ยืนยันว่า นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” แบบนี้ไม่ได้ เราเสนอร่างกฎหมายให้นิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ในส่วนกรณีของคุณทักษิณและนักการเมืองรายอื่นๆที่ถูกดำเนินคดีสืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ต้องใช้ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร” มิใช่ “นิรโทษกรรม”
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ
ทั้งจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทั้งจากรัฐบาลประยุทธ์
เมื่อข้อเสนอของเราไม่ถูกฝ่ายการเมืองนำไปใช้ ก็เหลืออยู่ทางเดียว คือ ลงมาปฏิบัติเอง
นี่เป็นมูลเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. และมาก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
ด้วยความตั้งใจว่า จะเข้าไปมีอำนาจ เพื่อทำข้อเสนอเหล่านี้ให้เป็นจริง
…
วันนี้ ประเด็น “ทักษิณกลับบ้าน” กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง
ผมยังคงยืนยันตามเดิมว่า การดำเนินคดีคุณทักษิณ โดยใช้องค์กรและกระบวนการที่เริ่มต้นจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ
ผมเห็นว่า จนถึงวันนี้ คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
และเช่นเดียวกัน ก็ไม่ควรมีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณด้วย
แต่หนทางที่ถูกต้อง เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ และยืนอยู่บนหลักการ ก็คือ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ ที่เสนอไว้ เมื่อ 12 ปีก่อน
คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
ไม่ต้องนิรโทษกรรมคุณทักษิณ
ดำเนินคดีกันใหม่อย่างเป็นธรรม
เอาคณะรัฐประหาร 49/57 มาลงโทษ
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid0Zpsd3gMbfWzEo63Rjua4fDNuanc22iw5Jvz69yjvRcV61hJ2ExNPhqknnXw4xwALl
ธนาธร ชี้ ถ้าการแก้แค่ปัญหาปากท้อง ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ คนไทยคงรวยไปนานแล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7577872
ธนาธร ชี้ ถ้าการแก้แค่ปัญหาปากท้อง โดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมือง แล้วทำให้ชีวิตดีได้ คนไทยคงรวยไปนานแล้ว แต่ที่ไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้
24 มี.ค. 2566 – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัย ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
ช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายธนาธร กล่าวว่า ประเทศนี้มีหลายอย่างที่ต้องปฏิรูป เราถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ โครงสร้างสังคมไทยทุกวันนี้ไม่เป็นธรรม ทำให้คนไทยจำนวนมากที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ไม่สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ นี่คือความจำเป็นที่ทำให้เราเสนอ “สร้างรัฐสวัสดิการ” มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อทำให้คนกล้าเดินตามความฝัน ดึงศักยภาพของคนไทยทุกคนออกมา รองรับกับทุกความไม่แน่นอนในชีวิต
ถ้าย้อนหลังไป 45 ปีที่แล้ว ไต้หวันกับไทย มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแทบไม่ต่างกัน แต่ผ่านมาหนึ่งช่วงอายุคน วันนี้ไต้หวันมีรายได้ต่อหัวประชากรมากกว่าคนไทย 6 เท่า คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่การสร้างเทคโนโลยีขึ้นในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตนยังจำเป็นต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลพูดไปทั้งหมด ในเรื่องรัฐสวัสดิการและการสร้างงาน สร้างเทคโนโลยี ซ่อมประเทศ จะทำไม่ได้เลย ถ้าการเมืองยังเป็นเช่นนี้ การจะพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ จำเป็นที่ประเทศไทยต้องพร้อมเผชิญหน้ากับการปฏิรูปที่ยาก ๆ ที่สำคัญหลายเรื่อง
ตนกล้าพูดว่า ถ้ามีพรรคการเมืองเดิมที่กล้าทำเรื่องยาก ๆ แบบนี้ ก็คงไม่มีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น แต่ที่มีอนาคตใหม่เกิดขึ้นมา ก็เพราะเราไม่เห็นว่ามีพรรคไหนที่กล้าทำเรื่องยาก ๆ แต่เป็นเรื่องจำเป็นในประเทศไทยเลยต่างหาก
ถ้าการเมืองกับปากท้องมันแยกออกจากกันได้ ถ้าการแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมือง ทำให้ชีวิตคนไทยดีได้จริง คนไทยคงจะรวยไปนานแล้ว แต่ที่คนไทยไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้ และต้องบอกว่ารัฐสวัสดิการ การลงทุนด้านเทคโนโลยี การสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่เริ่มต้นที่ระบบการเมืองที่ดี
ประเทศนี้มีหลายอย่างที่ต้องได้รับการปฏิรูป แก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะการแก้แบบขอไปทีแก้ปัญหาของประเทศไทยไม่ได้ และหนึ่งในปัญหาที่ต้องพูดถึงวันนี้คือปัญหาของนักการเมือง ทุกวันนี้นักการเมืองจำนวนมากไม่เคยสำนึกผิดในการรับใช้เผด็จการ ในการเป็นนั่งร้านให้การสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดตกต่ำ
14 พ.ค. นี้ เราสร้างอนาคตที่สดใสให้ลูกหลานของเราได้ ด้วยบัตรเลือกตั้งของเรา อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับการกากบาทของทุกคน นี่คือจุดชี้เป็นชี้ตายของอนาคต หน้าที่ของคนจากรุ่นสู่รุ่นคือการสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป ให้มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าคนรุ่นเรา แล้ววันนี้เราทำอะไรอยู่ เราทำดีที่สุดในการส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไปแล้วหรือยัง