รีวิว จี้จมูกด้วยคลื่นวิทยุ รักษาอาการภูมิแพ้อากาศ โพรงจมูกบวม

รีวิว จี้ปลูกด้วยคลื่นวิทยุรักษาอาการภูมิแพ้อากาศเนื้อเยื่อในโพรงจมูกบวม

ใครเป็นภูมิแพ้อากาศ แน่นจมูกบ่อยๆ ต้องหายใจทางปาก กินยาก็ไม่ค่อยหายควรไปทำ จริง มันดีมาก จมูกโล่งตั้งแต่ตอนทำเสร็จ

บอกก่อนว่าเราเป็นภูมิแพ้อากาศมาตั้งแต่เด็กๆ คือพออยุ่ในที่ที่อากาศเปลี่ยน หรืออากาศไม่ดี เช่น เวลาอาบน้ำ อยู่บนรถ บนถนน ที่ที่มีฝุ่นมากๆ หรือช่วงก่อนนอน เราจะแน่นจมูกมากๆ แน่นแบบต้องหายใจทางปาก ปกติจมูกข้างที่เป็นเยอะ และเป็นบ่อยสุดคือข้างขวา เคยหาหมอส่องกล้องโพรงจมูกแล้วหมอบอกว่าโพรงจมูกข้างขวาคด หรือกระดูกในโพรจมูกคด ทำให้รูหายใจน้อยลง แล้วก็เนื้อเยื่อในโพรงจมูกบวมแบบบวมมากๆ บวมจนปิดรูหายใจไปหมดเลย ยังไม่พอหมอบอกว่าเป็นคนที่รูจมูกเล็กมาก หมอใส่เครื่องมือเข้าไปไม่ได้ สุดท้ายหมอแนะนำวิธีจี้โพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุเพื่อลดอาการบวมของเนื้อข้างในโพรงจมูก ง่ายๆมันคือการเอาเข็มอันยาวๆที่ปลายเข็มมีคลื่นวิทยุอยู่แทงเข้าไปตรงเนื้อส่วนที่บวม และยังไม่พอ คือจะต้องมีการหักกระดูกในโพรงจมูกร่วมด้วยเพื่อทำให้รูหายใจกว้างขึ้น วิธีนี้อยู่ได้ประมาน 5 ปี อาจจะต้องทำซ้ำ เราก็ตกลงจะใช้วิธีนี้แหล่ะแล้วก็นัดวันเวลากับคุณหมอเรียบร้อย

14 มีนาคม 2566 
คุณหมอนัดให้มาถึงที่ รพ บ่ายสามโมง ตอนเช้าไปทำงานก่อน แล้วค่อยลาช่วงบ่ายมารพ พอมาถึงตรวจโควิดก่อนเลยจ้า นั่งรอผลตรวจ  1 ชั่วโมง สี่โมงเย็นหมอก็เรียกเข้าห้องไปแปะยาชา คือการเอาแผ่นสำลีชุบยาชาแล้วยัดลงไปในจมูกทั้งสองข้าง จังหวะนี้หายใจทางจมูกยากมาก หายใจทางปากช่วยเอา เสร็จแล้วพยาบาลก็เอาชุดสำหรับใส่ผ่าตัดมาสวมทับให้ เอาหมวกคลุมผมมาใส่ให้ แล้วก็ให้เปลี่ยนแมสมาเป็นของ รพจากนั้นก็ให้เรานั่งรถเข็นพาไปห้องผ่าตัดอยู่อีกชั้นนึง มีที่ให้ญาตินั่งรอ ฝากกระเป๋าของมีค่าเอาไว้ที่ญาติให้เรียบร้อย พอไปถึงห้องผ่าตัดเปลี่ยนรองเท้าก่อน จากนั้นก็ห้เราขึ้นเตียงแล้วก็เข็นๆไปที่ห้องรอคุณหมอมมา มีพยาบาลมาเช็คประวัติเช็คความเรียบร้อยจากนั้นก็เข็นเราต่อไปที่ห้องผ่าตัดของจริงซึ่งหนาวมากๆๆๆๆ ให้เราเปลี่ยนเตียงมาเป็นเตียงผ่าตัดจริงแล้วก็ห่มผ้าให้แบบหนามากๆ แล้วก็ทีสายมารัดขาไว้กันตกเตียงสักพักคุณหมอเข้ามา ถามว่าเราพร้อมมั๊ย พอเราพร้อมคุณหมอก็เอายาชาที่ยัดจมูกไว้ออก แล้วก็อธิบายขั้นตอนให้ฟังอีกรอบ เริ่มขั้นแรกคือฉีดยาชาก่อน ขั้นตอนนี้คือไม่เจ็บเลยเพราะมีการแปะยาชามาก่อนแล้วรู้สึกแค่เสียวๆแปรบๆแบบตอนตรวจ atk แต่ให้นึกภาพว่าเป็นก้านตรวจที่ใหญ่กว่าแล้วก็แข็งกว่าที่ตรวจ atk จังหวะนี้ที่จมูกไม่รู้สึกอะไรแล้วตอนนี้ ที่รู้สึกคือที่คอ คือยาชาที่ฉีดไปในโพรงจมูกมันไหลลงคอแบบเยอะมากเราก็กลืนลงไป สักพักเริ่มค่อยๆแสบคอ หมอบอกว่ายาชาทำให้ใจสั่นแล้วก็น้ำลายจะเหนียวมาก จะกลืนน้ำลายไม่ลง ซึ่งตอนนี้เราแค่แสบคอเฉยๆเลย จากนั้นคุณหมอเริ่มหักกระดูกในโพรงจมูกก่อนเลยรู้สึกเหมือนมีของแข็งๆใส่เข้ามาในจมูกแล้วก็ได้ยินเสียง กร้อบ! คือ ไม่เจ็บเลยแต่รู้สึกนะว่ามันมีอะไรสักอย่างในจมูกแตก จากนั้นก็เริ่มใช้เข็มเข้ามาแทงในจมูก ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงแกรกๆๆๆ แล้วคุณหมอคือจะบอกตลอดว่าทำอะไรอยู่ จะหักกระดูกนะ จะจี้แล้วนะ ถามตลอดว่าเจ็บมั๊ย แปปเดียวเสร็จแล้วข้างซ้าย ต่อมาย้ายมาทำข้างขวาต่อ แบบเดียวกัน แปปเดียวเสร็จ แอบได้ยินว่าตอนทำมีควันขึ้นด้วยนะ ออกมาจากจมูก เสร็จสองข้างปุ๊บ หมอก็เอาสำลีผสมยาชามายัดจมูกไว้สองข้างเหมือนเดิม หมอบอกอีกว่า ก่อนทำหมอแทบจะยัดสำลีหรือเครื่องมือเข้าไปไม่ได้เพราะโพรงจมูกแคบมาก ตอนนี้ยัดสำลีเข้าไปได้แล้วสองแผ่นก็ยังได้คืออาการตอนนี้ที่จมูกอ่ะสบายมาก โล่งมากตั้งแต่ตอนทำเสร็จแล้วก็ไม่เจ็บเลย แต่อาการที่คอนี่แย่สุด คือแสบคอมากแล้วก็เริ่มกลืนน้ำลายไม่ลงจากยาชาที่ไหลลงคอไปเราเริ่มไอแล้วก็เริ่มสำลักแบบหนักมาก แล้วเราก็เปลี่ยนจากเตียงที่ผ่าตัดจริงมานอนอีกเตียงแล้วพยาบาลก็เข็นมาไว้ที่ห้องรอดูอาการ ตอนนี้ก็คือไอไม่หยุด แสบคอมาก แล้วก็กลืนน้ำลายไม่ได้ สำลักแบบจะอ้วก พยาบาลเอาน้ำเย็นมาให้กินเพื่อล้างยาชาที่อยู่ในคอ กินน้ำไปครึ่งขวดก็เริ่มหาย เริ่มกลืนน้ำลายได้ สุดท้ายก็กลืนน้ำสลับกับเอาน้ำกลั้วคอจนหมดขวด อาการก็ดีขึ้น ระหว่างรอเวลา น้ำมูกคือไหลไม่หยุด แล้วไม่ใช่น้ำมูกธรรมดา มันผสมเลือดสีอ่อนๆกับยาชาออกมาด้วย แล้วก็ไหลเข้าปากจนริมฝีปากบนล่างกับฟันหน้าคือชาไปด้วยให้อารมณ์แบบเอายาหม่องมาทาปากอ่ะ พอครบเวลาพยาบาลก็มาดูอาการเรา พอเห็นว่าไม่เป็นไรแล้วก็ดึงสำลีที่อุดจมูกออกให้ ให้เราลงจากเตียง ถอดชุด ถอดหมวกแล้วก็พาไปเข้าห้องน้ำ พอไปถึงห้องน้ำได้ส่องกระจกก่อนเลย จมูกนี่เลือดไหลนองเป็นทางออกมา เป็นเลือดสีอ่อนแหล่ะๆ เราก็จัดการเช็ดให้เรียบร้อย แต่เช็ดแปปๆก็ไหลอีก ปล่อยมันละทีนี้ จากนั้นพยาบาลก็ส่งเราออกจากห้องผ่าตัด มารอจ่ายเงิน รับยา ระหว่างรอเลือดก็ยังไหลเป็นระยะอยู่นะ คอยซับไปเรื่อยๆจบจ่ายเงินรับยากลับบ้าน

ยาที่ได้มาเป็นน้ำเกลือพ่นจมูก ยาพ่นจมูก ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้แพ้ แล้วก็หมอนัดอีกทีวันที่ 22 

พอกลับถึงบ้านอาบน้ำเสร็จตอนนี้ยังแสบๆอื้อๆในจมูกอยู่นิดหน่อย แล็วก็ต้องพยายามล้างเลือดที่ติดอยู่ตรงในจมูกส่วนปลายๆออกให้หมด เพราะเลือดเริ่มจะแข็งเป็นสะเก็ดแล้ว ไม่กล้าจับจมูกแรงเลยล้างได้แค่ที่อยุ่ด้านนอกๆหน่อย ระหว่างจะนอนน้ำมูกผสมเลือดอ่อนๆก็ยังไหลอยู่นะ ก็พยายามเช็ดๆ

15 มีนาคม 2566
ตื่นเช้ามายังแสบๆจมูกลึกๆนิดหน่อย แล้วก็พบว่าเลือดเต็มคอเสื้อแขนเสื้อเลย สงสัยมันไหลตอนนอนแล้วก็เผลอดึงเสื้อไปเช็ด วันนี้ไปทำงานปกติ ก่อนไปทำงานพ่นน้ำเกลือกับยาไป วันนี้จมูกโล่งมาก แต่ยังมีเลือดไหลปนน้ำมูกเป็นระยะๆอยู่ คอยเเอาทิชชู่ซับๆ คือบางจังหวะมันก็มีแน่นจมูกขึ้นมาเพราะน้ำมูกไหลเยอะ พยายามสั่งออกแบบเบาๆที่สุด ไม่ให้จมูกกระเทือน บ่ายๆพยาบาลก็โทรมาเช็คอาการ พอก่อนนอนเราได้เอาน้ำเกลือล้างจมูกไป หลังล้างน้ำเหลือรู้สึกสบายจมูกมาก โล่งมาก

16 มีนาคม 2566
ตื่นมาล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ  วันนี้ตอนล้างมีก้อนเลือดออกมากับน้ำนิดหน่อย แล้วระหว่างวันก็ยังมีน้ำมูกปนเลือดน้อยๆอยู่ รวมๆจมูกยังโล่งอยู่

17 มีนาคม 2566
เช้านี้ล้างจมูกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ มีก้อนใหญ่มากสีเหลืองเข้มปนเลือดหลุดออกมาจากจมูกสองข้างเลย คิดเองว่าน่าจะเป็นน้ำเหลืองปนเลือดที่แห้งอยู่ในโพรงจมูก พอออกมาได้รู้สึกจมูกโล่งไปเลย วันนี้ระหว่างวันไมมีเลือดออกแล้ว แต่น้ำมูกยังมีเป็นระยะพอสั่งออกหมดจมูกก็โล่งเหมือนเดิม วันนี้คือจมูกปกติมาก ไม่แสบไม่อื้อแล้ว

สรุปรวมๆ
การจี้จมูกด้วยคลื่นวิทยุนี่ เราทำที่ รพ พญาไท3 กับคุณหมอชื่อคุณหมอ อุทัย คุณหมอใจดีมาก ใครสนใจไปทำตามกันได้ พยาบาลที่แผนก หู คอ จมูก รวมถึงพยาบาลที่ห้องผ่าตัด แล้วก็เจ้าหน้าที่ น่ารักทุกคน บริการดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครเป็นภูมิแพ้อาการชอบหายใจไม่ออก แน่นจมูก ควรทำ มันโล่งตั้งแต่ตอนทำเสร็จ แล้วก็ไม่เจ็บเลยทุกคน
ค่าเสียหาย 35,500 บาท ใครที่มีประกันสามารถใช้ประกันได้นะ แต่อาจจะใช้ได้ไม่หมดไม่เต็มจำนวนนะ มีจ่ายส่วนเกินบ้าง เป็นเคสผ่าตัดเล็ก ประกันส่วนใหญ่น่าจะเคลมได้ ของเราประกันจ่ายให้ 24,000 ส่วนเกินจ่ายเอง

คำเตือน
ห้ามใส่เเครื่องประดับ และไม่ควรแต่งหน้าไป เพราะหมอกับเครื่องมือหมอจะวนเวียนอยุ่แถวๆหน้าเรา แล้วก็ต้องเช็ดยาฆ่าเชื้อก่อนทำด้วยตรงบริเวรจมูก ปาก แล้วก็หน้าที่อยุ่ใกล้ๆจมูก ส่วนวิธีเตรียมตัว ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย เตรียมเงินไว้พอ อยู่ในห้องผ่าตัดแค่ชั่วโมงเดียว แล้วก็ใครทำเล็บ ทาเล็บให้เอาออกก่อน เพราะต้องมีเครื่องมือวัดชีพจรมาเสียบที่ปลายนิ้วตอนทำ พวกเล็บเจลหรือการทาเล็บ ทำให้เครื่องวัดค่าไม่ได้แล้วก็เลือดที่ไหลออกมาตลอดพร้อมน้ำมูกในหลายวันนี้ ถ้าเป็นแบบสีอ่อนๆจางๆ คือปกติ แต่ถ้าไหลแบบเลือดกำเดาเป็นเลือดเข้มๆคือผิดปกติแล้วนะ ให้รีบกลับไปหาหมอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่