รำลึก 6 ปี ทหารวิสามัญ 'ชัยภูมิ ป่าแส' จี้เปิดภาพวงจรปิด น้องชาย เผยเศร้าต้องออกจากโรงเรียน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7565396
รำลึก 6 ปี ทหารวิสามัญ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ จี้เปิดภาพวงจรปิด น้องชาย เผยเศร้าต้องออกจากโรงเรียน ครอบครัวยากลำบากมากขึ้น หวังความยุติธรรม
วันที่ 17 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 มี.ค.) ที่ลานโบสถ์ หมู่บ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีการจัดงาน “
ยกเตาเล่าเรื่องชัยภูมิ รำลึกครบรอบ 6 ปีวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ ป่าแส” เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมเยาวชนชาวลาหู่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันเดินทางไปที่หลุมศพของชัยภูมิเพื่อวางดอกอ่อเวะ ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งความคิดถึงของชาวลาหู่ เพื่อรำลึกถึงการเสียชีวิตของชัยภูมิ
ขณะที่ลูกศิษย์ของ
ชัยภูมิได้แสดงเต้นจะโก่ ซึ่งเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของชาวลาหู่ มีการแสดงดนตรีจากครอบครัวของ
ชัยภูมิ นอกจากนี้ ยังมีการฉายหนังสั้นเรื่อง See You Again โดยมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนอีกด้วย และกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์เด่นภายในงาน คือกิจกรรมยกเตาเล่าเรื่อง
ชัยภูมิ ที่ผู้เข้าร่วมงานนำเตาหมูกระทะมาจากบ้าน และมาล้อมวงกินหมูกระทะเพื่อมาพูดคุยรำลึกถึง
ชัยภูมิ
น.ส.
ยุพิน ซาจ๊ะ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มด้วยใจรักและผู้ดูแลของชัยภูมิ กล่าวเปิดงานรำลึกถึงว่า การต่อสู้ของเราตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้หทารหรือเจ้าหน้าที่ราชการคนไหนมาทำอะไรกับกลุ่มชาติพันธุ์ของเราโดยไม่มีเหตุผล หรือกระทำเหมือนเช่นเดียวกับชัยภูมิที่วิสามัญฆาตรกรรม ก่อนแล้วค่อยไล่ให้พวกเราไปหาความยุติธรรม
การที่พวกเราลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่ใช่ให้กับ
ชัยภูมิเท่านั้น แต่เราเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเราชาติพันธุ์ทุกคน วันนี้อยากให้ทุกคนมาร่วมรำลึกถึง
ชัยภูมิร่วมกัน และมาร่วมกันลุ้นคำตัดสินของศาลฎีกาว่าจะพิจารณาให้กองทัพบกชดใช้ และเยียวยา ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของ
ชัยภูมิหรือไม่ ซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาในเร็วๆนี้
ขณะที่ นาย
ชานนท์ ป่าแส น้องชายของชัยภูมิ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเสียพี่ชายไปนั้นชีวิตครอบครัวของเราก็อยู่อย่างยากลำบากมาก ตนต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาดูแลพ่อแม่ จนพ่อเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังพ่อเสียตนก็ต้องออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อมาดูแลแม่ให้ได้ ซึ่งตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ แต่สิ่งที่ตนอยากเห็นมากที่สุดคือภาพของพี่
ชัยภูมิได้รับความยุติธรรม และตนอยากเห็นว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าศาลฎีกาจะพิพากษาคดีอย่างไร
ด้าน น.ส.
สุธีรา เปงอิน ตัวแทนจาก Protection International (PI) กล่าวถึงชัยภูมิและแนวทางในการต่อสู้คดีของชัยภูมิว่า ภาพทรงจำที่เห็น
ชัยภูมิ เห็นถึงความรัก และมุ่งมั่นของแม่นาปอยและครอบครัว แม้เธอจะผ่านความสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักจากคมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เธอกลับเปลี่ยนความสูญเสียเป็นพลังในการที่จะเดินหน้าตามหา เรียกร้อง และยังส่งพลังให้ครอบครัวของ นาย
อะเบ แซ่หมู่ ลุกขึ้นสู้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม ก่อนเกิดเหตุการณ์ของ
ชัยภูมิ ประมาณ 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของ
อะเบได้รับการชดเชย และเยียวยา ซึ่งอย่างน้อยๆเป็นสิ่งที่รัฐต้องทำ
น.ส.
สุธีรา กล่าวต่อว่า ส่วนคดีของ
ชัยภูมิ ตั้งแต่ปี 2562 ครอบครัว และทีมทนายความของ
ชัยภูมิ ยื่นฟ้องคดีต่อกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารที่วิสามัญฯชัยภูมิในคดีละเมิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ตั้งแต่ศาลชั้นต้นถึงปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการรอให้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวและทีมทนายเคารพในคำตัดสินของศาล แม้จะมีความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาในบางประเด็น
ซึ่งครอบครัว เพื่อน และทีมทนาย ยังตามหา และเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ น่าเชื่อถือ และที่มีคุณค่า เพื่อพิสูจน์ความจริง และความยุติธรรมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด
ทั้งนี้ มีรายงานระบุว่ามีการทำสำเนากล้องวงจรปิดไว้แล้วก่อนที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน แต่จนถึงปัจจุบันภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดก็ยังไม่ปรากฎในคดีหรือในสาธารณะแต่อย่างใด
“
วันนี้ (17 มี.ค.) ครบ 6 ปี ที่ชัยภูมิ ป่าแสถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตรกรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครอบครัว เพื่อนๆ และทีมทนาย ได้ต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับชัยภูมิมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์วันเกิดเหตุไว้ได้ รวมถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ
ถึงแม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกฟ้องให้กองทัพบกไม่ต้องชดใช้ให้กับครอบครัวชัยภูมิ แต่ล่าสุดศาลฎีกาได้รับคดีนี้เข้าสู่การพิจารณา และจะมีคำพิพากษาประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ และคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส อีกครั้ง” น.ส.
สุธีรา กล่าว
เท่าพิภพ เดินหาเสียงพื้นที่ใหม่ทันที คนงงเป็นส.ส.อีกเขต ซัดแบ่งเขตแบบนี้ ปชช.สับสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3879512
เท่าพิภพ หาเสียงพื้นที่ใหม่ทันที คนงงส.ส.อีกเขต ซัดแบ่งเขตแบบนี้ คนได้รับผลเสียคือประชาชน
จากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต พร้อมเปิดเผยรายละเอียด 33 เขตใน กทม. แต่ปรากฏว่าในหลายพื้นที่นั้น ได้ถูกมองว่ามีการซอยย่อยแบ่งเขตใหม่จนประชาชน และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดูสับสนมากกว่าเดิม
โดย นายเ
ท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นอีก 1 ส.ส. ที่พื้นที่ถูกแบ่งเขตใหม่ จากเดิมที่เป็น ส.ส. เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน และ เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และ แขวงสำเหร่)
แต่ล่าสุด ประกาศกกต.ฉบับใหม่ ถูกแบ่งเขตพื้นที่ใหม่เป็น เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลป์ยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และ แขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสาน เขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก)
โดย นาย
เท่าพิภพ ได้โพสต์ภาพตนเองและทีมงานขณะลงพื้นที่ ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า
“ได้ข่าวว่าวันนี้อากาศร้อน แล้วไง ลุยสิครับ เปิดแมพแขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ เเถวตลาดบางปะกอก ทุกคนงงเอ๊ะ ส.ส.เท่า เขตคลองสานไม่ใช่หรอ บอกเลยด่า กกต. จนเหนื่อยครับวันนี้ การเเบ่งเขตเช่นนี้ คนที่ได้ผลเสียที่สุดคือประชาชนที่ต้องสับสนงงงวยกับเขตพิศวง”
https://twitter.com/taopiphop/status/1636657536744198144
“สมชัย” ร้องกกต.เอาผิดนายกฯตรวจราชการเอื้อรทสช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518149/
“สมชัย” ร้อง กกต.เอาผิด นายกฯ ตรวจราชการ ใช้ตำแหน่ง เอื้อพรรคการเมือง ชี้ “ผัดหมี่ -ไถนา” แต่สองข้างประกบด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รวมไทยสร้างชาติ
นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการตรวจราชการ เป็นการใช้ตำแหน่ง เอื้อพรรคการเมือง หรือไม่ โดยเริ่มจากการแต่งตั้ง นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน และมีการร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการแล้ว จำนวน 16 ครั้ง รวม 18 จังหวัด
ทั้งนี้ ได้นำหลักฐานการโปรโมทตัวเองของพล.อ.ประยุทธ์ มามอบให้กับกกต. ที่เป็นเหมือนการหาเสียงแฝง หวังคะแนนเสียง โดยใช้ทรัพยากร ในการตรวจราชการ ทั้งเครื่องบินกองทัพอากาศ มีค่าน้ำมัน พร้อมจัดเกณฑ์ชาวบ้าน ต้องใช้ตำรวจ รักษาความปลอด นับร้อยนาย
โดยนาย
สมชัย ดล่าวว่า การไปตรวจราชการในหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ใช่วิสัยของนายกฯ อาทิ ที่ จ.นครราชสีมา ก็ไปตรวจอาคารจอดรถ และที่ จ.อยุธยาไปตรวจ โครงสร้างเจดีย์ และโบราณสถาน ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เหมาะสมของการเป็นนายกฯ ประกอบกับหลายกิจกรรม เช่นไปผัดหมี่ ไถนา แต่สองข้าง ก็ประกอบด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรครวมไทยสร้างชาติ จึง เห็นว่าทุกอย่าง ทำเพื่อการหาเสียง และ กกต.ต้องกำกับดูแล ไม่ให้ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง หรือ ข้าราชการการเมือง เอื้อประโยชน์ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ถ้าในอนาคต พล.อ.
ประยุทธ์ ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และนาย
พีรพันธุ์ เป็นผู้สมัครส.ส.ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ จะถือว่ามีความผิดทันที ตามระเบียบกกต. ที่ประกาศ 180 วัน พร้อมย้ำว่า หากท่านสมัคร ท่านก็ทำผิดแล้ว ซึ่งกกต.สามารถให้ใบส้มได้ ดังนั้นถ้ากกต.ฟังอยู่ โปรดรับรู้ ไม่มีกรอบเวลา ครอบคลุม 180 วัน หากสืบได้ ว่า กรรมการบริหารพรรค รู้เห็น ก็สามารถ ยื่นศาลรธน. เอาผิดยุบพรรคได้ และตัดสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้งได้
อีกทั้ง “
สมชัย” มอง กกต.ทำถูกต้องแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น่าร้องต่อศาลปกครอง แนะหากคิดว่าเอื้อพราคการเมือง ต้องยื่นเอาผิด ม.157 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง การแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ที่หลายพรรควิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมว่า ยอมรับว่าเขต จะต้องมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เพราะดูจากจำนวน ส.ส. 350 เป็น 400 เขต ซึ่งการแบ่งของ กกต.จะต้องยึดตามกฎหมาย และจำนวนราษฎรของแต่ละเขต และ ระเบียบที่กกต. ประกาศว่า แต่ละเขต จะต้องมีจำนวนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต่างกันไม่เกินร้อยละ 10 และไม่มี บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
โดยนาย
สมชัย เห็นว่า จากการแบ่งเขต ที่ได้ดูมาใน กทม. ถือว่า ผ่านเพราะจำนวนราษฎร ในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน จำนวนต่างกัน ประมาณ ร้อยละ 9 และยังมีพื้นที่ติดกัน การคมนาคมสะดวก ส่วนความคุ้นเคย ของผู้ไปใช้สิทธิ์ อย่างไรก็ไม่คุ้นเคย แต่ภาพรวม เห็นว่า กกต. ทำตามกฎหมาย มองว่าการแบ่งเขต นั้นไม่น่าร้องต่อศาลปกครอง เพราะ เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของศาลปกครอง แต่หากคิดว่าการแบ่งเขตไม่เป็นธรรม และเอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรค ให้ร้องกกต. ตามมาตรา 157 หรือ ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม
นาย
สมชัย ยังระบุว่า พรรคการเมืองต้องคิดใหม่ ว่าจะส่ง ผู้สมัครคนไหน ให้รีบดำเนินการ โดยเฉพาะการไพรมารีโหวต เพราะมีหลายขั้นตอน ทั้งการประชุมกรรมการสรรหา เพื่อเลือกผู้สมัคร ก่อนส่งไปยังจังหวัด ให้ทำกระบวนการขั้นต้น และจังหวัดก็ต้องส่งกลับมาที่กรรมการสรรหาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลา และหากราชกิจจานุเบกษา ประกาศ แบ่งเขตเลือกตั้งภายในวันนี้ ทุก พรรคก็สามารถ ไพรมารี ได้ทันที
JJNY : รำลึก 6 ปี ทหารวิสามัญ 'ชัยภูมิ ป่าแส'│เท่าพิภพหาเสียงพื้นที่ใหม่ทันที│“สมชัย”ร้องเอาผิดนายกฯ│ออกหมายจับปูติน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7565396
รำลึก 6 ปี ทหารวิสามัญ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ จี้เปิดภาพวงจรปิด น้องชาย เผยเศร้าต้องออกจากโรงเรียน ครอบครัวยากลำบากมากขึ้น หวังความยุติธรรม
วันที่ 17 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 มี.ค.) ที่ลานโบสถ์ หมู่บ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีการจัดงาน “ยกเตาเล่าเรื่องชัยภูมิ รำลึกครบรอบ 6 ปีวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ ป่าแส” เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมเยาวชนชาวลาหู่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันเดินทางไปที่หลุมศพของชัยภูมิเพื่อวางดอกอ่อเวะ ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งความคิดถึงของชาวลาหู่ เพื่อรำลึกถึงการเสียชีวิตของชัยภูมิ
ขณะที่ลูกศิษย์ของชัยภูมิได้แสดงเต้นจะโก่ ซึ่งเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของชาวลาหู่ มีการแสดงดนตรีจากครอบครัวของชัยภูมิ นอกจากนี้ ยังมีการฉายหนังสั้นเรื่อง See You Again โดยมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนอีกด้วย และกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์เด่นภายในงาน คือกิจกรรมยกเตาเล่าเรื่องชัยภูมิ ที่ผู้เข้าร่วมงานนำเตาหมูกระทะมาจากบ้าน และมาล้อมวงกินหมูกระทะเพื่อมาพูดคุยรำลึกถึงชัยภูมิ
น.ส.ยุพิน ซาจ๊ะ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มด้วยใจรักและผู้ดูแลของชัยภูมิ กล่าวเปิดงานรำลึกถึงว่า การต่อสู้ของเราตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้หทารหรือเจ้าหน้าที่ราชการคนไหนมาทำอะไรกับกลุ่มชาติพันธุ์ของเราโดยไม่มีเหตุผล หรือกระทำเหมือนเช่นเดียวกับชัยภูมิที่วิสามัญฆาตรกรรม ก่อนแล้วค่อยไล่ให้พวกเราไปหาความยุติธรรม
การที่พวกเราลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่ใช่ให้กับชัยภูมิเท่านั้น แต่เราเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเราชาติพันธุ์ทุกคน วันนี้อยากให้ทุกคนมาร่วมรำลึกถึงชัยภูมิร่วมกัน และมาร่วมกันลุ้นคำตัดสินของศาลฎีกาว่าจะพิจารณาให้กองทัพบกชดใช้ และเยียวยา ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของชัยภูมิหรือไม่ ซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาในเร็วๆนี้
ขณะที่ นายชานนท์ ป่าแส น้องชายของชัยภูมิ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเสียพี่ชายไปนั้นชีวิตครอบครัวของเราก็อยู่อย่างยากลำบากมาก ตนต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาดูแลพ่อแม่ จนพ่อเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังพ่อเสียตนก็ต้องออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อมาดูแลแม่ให้ได้ ซึ่งตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ แต่สิ่งที่ตนอยากเห็นมากที่สุดคือภาพของพี่ชัยภูมิได้รับความยุติธรรม และตนอยากเห็นว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าศาลฎีกาจะพิพากษาคดีอย่างไร
ด้าน น.ส.สุธีรา เปงอิน ตัวแทนจาก Protection International (PI) กล่าวถึงชัยภูมิและแนวทางในการต่อสู้คดีของชัยภูมิว่า ภาพทรงจำที่เห็นชัยภูมิ เห็นถึงความรัก และมุ่งมั่นของแม่นาปอยและครอบครัว แม้เธอจะผ่านความสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักจากคมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เธอกลับเปลี่ยนความสูญเสียเป็นพลังในการที่จะเดินหน้าตามหา เรียกร้อง และยังส่งพลังให้ครอบครัวของ นายอะเบ แซ่หมู่ ลุกขึ้นสู้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม ก่อนเกิดเหตุการณ์ของชัยภูมิ ประมาณ 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของอะเบได้รับการชดเชย และเยียวยา ซึ่งอย่างน้อยๆเป็นสิ่งที่รัฐต้องทำ
น.ส.สุธีรา กล่าวต่อว่า ส่วนคดีของชัยภูมิ ตั้งแต่ปี 2562 ครอบครัว และทีมทนายความของชัยภูมิ ยื่นฟ้องคดีต่อกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารที่วิสามัญฯชัยภูมิในคดีละเมิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ตั้งแต่ศาลชั้นต้นถึงปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการรอให้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวและทีมทนายเคารพในคำตัดสินของศาล แม้จะมีความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาในบางประเด็น
ซึ่งครอบครัว เพื่อน และทีมทนาย ยังตามหา และเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ น่าเชื่อถือ และที่มีคุณค่า เพื่อพิสูจน์ความจริง และความยุติธรรมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด
ทั้งนี้ มีรายงานระบุว่ามีการทำสำเนากล้องวงจรปิดไว้แล้วก่อนที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน แต่จนถึงปัจจุบันภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดก็ยังไม่ปรากฎในคดีหรือในสาธารณะแต่อย่างใด
“วันนี้ (17 มี.ค.) ครบ 6 ปี ที่ชัยภูมิ ป่าแสถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตรกรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครอบครัว เพื่อนๆ และทีมทนาย ได้ต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับชัยภูมิมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์วันเกิดเหตุไว้ได้ รวมถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ
ถึงแม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกฟ้องให้กองทัพบกไม่ต้องชดใช้ให้กับครอบครัวชัยภูมิ แต่ล่าสุดศาลฎีกาได้รับคดีนี้เข้าสู่การพิจารณา และจะมีคำพิพากษาประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ และคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส อีกครั้ง” น.ส.สุธีรา กล่าว
เท่าพิภพ เดินหาเสียงพื้นที่ใหม่ทันที คนงงเป็นส.ส.อีกเขต ซัดแบ่งเขตแบบนี้ ปชช.สับสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3879512
เท่าพิภพ หาเสียงพื้นที่ใหม่ทันที คนงงส.ส.อีกเขต ซัดแบ่งเขตแบบนี้ คนได้รับผลเสียคือประชาชน
จากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต พร้อมเปิดเผยรายละเอียด 33 เขตใน กทม. แต่ปรากฏว่าในหลายพื้นที่นั้น ได้ถูกมองว่ามีการซอยย่อยแบ่งเขตใหม่จนประชาชน และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดูสับสนมากกว่าเดิม
โดย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นอีก 1 ส.ส. ที่พื้นที่ถูกแบ่งเขตใหม่ จากเดิมที่เป็น ส.ส. เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน และ เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และ แขวงสำเหร่)
แต่ล่าสุด ประกาศกกต.ฉบับใหม่ ถูกแบ่งเขตพื้นที่ใหม่เป็น เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลป์ยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และ แขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสาน เขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก)
โดย นายเท่าพิภพ ได้โพสต์ภาพตนเองและทีมงานขณะลงพื้นที่ ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า
“ได้ข่าวว่าวันนี้อากาศร้อน แล้วไง ลุยสิครับ เปิดแมพแขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ เเถวตลาดบางปะกอก ทุกคนงงเอ๊ะ ส.ส.เท่า เขตคลองสานไม่ใช่หรอ บอกเลยด่า กกต. จนเหนื่อยครับวันนี้ การเเบ่งเขตเช่นนี้ คนที่ได้ผลเสียที่สุดคือประชาชนที่ต้องสับสนงงงวยกับเขตพิศวง”
https://twitter.com/taopiphop/status/1636657536744198144
“สมชัย” ร้องกกต.เอาผิดนายกฯตรวจราชการเอื้อรทสช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518149/
“สมชัย” ร้อง กกต.เอาผิด นายกฯ ตรวจราชการ ใช้ตำแหน่ง เอื้อพรรคการเมือง ชี้ “ผัดหมี่ -ไถนา” แต่สองข้างประกบด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รวมไทยสร้างชาติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการตรวจราชการ เป็นการใช้ตำแหน่ง เอื้อพรรคการเมือง หรือไม่ โดยเริ่มจากการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน และมีการร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการแล้ว จำนวน 16 ครั้ง รวม 18 จังหวัด
ทั้งนี้ ได้นำหลักฐานการโปรโมทตัวเองของพล.อ.ประยุทธ์ มามอบให้กับกกต. ที่เป็นเหมือนการหาเสียงแฝง หวังคะแนนเสียง โดยใช้ทรัพยากร ในการตรวจราชการ ทั้งเครื่องบินกองทัพอากาศ มีค่าน้ำมัน พร้อมจัดเกณฑ์ชาวบ้าน ต้องใช้ตำรวจ รักษาความปลอด นับร้อยนาย
โดยนายสมชัย ดล่าวว่า การไปตรวจราชการในหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ใช่วิสัยของนายกฯ อาทิ ที่ จ.นครราชสีมา ก็ไปตรวจอาคารจอดรถ และที่ จ.อยุธยาไปตรวจ โครงสร้างเจดีย์ และโบราณสถาน ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เหมาะสมของการเป็นนายกฯ ประกอบกับหลายกิจกรรม เช่นไปผัดหมี่ ไถนา แต่สองข้าง ก็ประกอบด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรครวมไทยสร้างชาติ จึง เห็นว่าทุกอย่าง ทำเพื่อการหาเสียง และ กกต.ต้องกำกับดูแล ไม่ให้ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง หรือ ข้าราชการการเมือง เอื้อประโยชน์ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ถ้าในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และนายพีรพันธุ์ เป็นผู้สมัครส.ส.ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ จะถือว่ามีความผิดทันที ตามระเบียบกกต. ที่ประกาศ 180 วัน พร้อมย้ำว่า หากท่านสมัคร ท่านก็ทำผิดแล้ว ซึ่งกกต.สามารถให้ใบส้มได้ ดังนั้นถ้ากกต.ฟังอยู่ โปรดรับรู้ ไม่มีกรอบเวลา ครอบคลุม 180 วัน หากสืบได้ ว่า กรรมการบริหารพรรค รู้เห็น ก็สามารถ ยื่นศาลรธน. เอาผิดยุบพรรคได้ และตัดสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้งได้
อีกทั้ง “สมชัย” มอง กกต.ทำถูกต้องแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น่าร้องต่อศาลปกครอง แนะหากคิดว่าเอื้อพราคการเมือง ต้องยื่นเอาผิด ม.157 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง การแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ที่หลายพรรควิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมว่า ยอมรับว่าเขต จะต้องมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เพราะดูจากจำนวน ส.ส. 350 เป็น 400 เขต ซึ่งการแบ่งของ กกต.จะต้องยึดตามกฎหมาย และจำนวนราษฎรของแต่ละเขต และ ระเบียบที่กกต. ประกาศว่า แต่ละเขต จะต้องมีจำนวนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต่างกันไม่เกินร้อยละ 10 และไม่มี บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
โดยนายสมชัย เห็นว่า จากการแบ่งเขต ที่ได้ดูมาใน กทม. ถือว่า ผ่านเพราะจำนวนราษฎร ในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน จำนวนต่างกัน ประมาณ ร้อยละ 9 และยังมีพื้นที่ติดกัน การคมนาคมสะดวก ส่วนความคุ้นเคย ของผู้ไปใช้สิทธิ์ อย่างไรก็ไม่คุ้นเคย แต่ภาพรวม เห็นว่า กกต. ทำตามกฎหมาย มองว่าการแบ่งเขต นั้นไม่น่าร้องต่อศาลปกครอง เพราะ เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของศาลปกครอง แต่หากคิดว่าการแบ่งเขตไม่เป็นธรรม และเอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรค ให้ร้องกกต. ตามมาตรา 157 หรือ ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม
นายสมชัย ยังระบุว่า พรรคการเมืองต้องคิดใหม่ ว่าจะส่ง ผู้สมัครคนไหน ให้รีบดำเนินการ โดยเฉพาะการไพรมารีโหวต เพราะมีหลายขั้นตอน ทั้งการประชุมกรรมการสรรหา เพื่อเลือกผู้สมัคร ก่อนส่งไปยังจังหวัด ให้ทำกระบวนการขั้นต้น และจังหวัดก็ต้องส่งกลับมาที่กรรมการสรรหาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลา และหากราชกิจจานุเบกษา ประกาศ แบ่งเขตเลือกตั้งภายในวันนี้ ทุก พรรคก็สามารถ ไพรมารี ได้ทันที