ผมอายุ21กำลังจะอายุ22ปีนี้ครับ แต่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ผมเรียนจบแค่ ม.3เพราะเกเรไม่ตั้งใจเรียน ความสามารถหลายๆอย่างเกี่ยวกับช่างแต่ไม่สุดสักอย่าง สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้พอถูๆไถๆ อ่านญี่ปุ่นออกยกเว้นคันจิแต่ไม่ค่อยรู้ความหมายเพราะมีช่วงหนึ่งติดเกมญี่ปุ่นเลยฝึกภาษานิดหน่อย ผมอยู่กับพ่อกับแม่ที่บ้านนอกและช่วยพ่อกับพี่ชายทำงานอยู่ที่บ้าน เป็นโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนก็15,000ซึ่งเอาตรงๆรายได้ไม่ค่อยสอดคล้องกับการลงทุนเท่าไหร่ เพราะต้องลงทุนซื้ออุปกรอะไรต่างๆ ทำงานได้กำไรก็จริงแต่กำลังการผลิตมันไม่พอแล้วก็ไม่มีเงินพอสำหรับจ้างคนงานด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมเลยไปคุยกับพ่อดู เพราะทำต่อไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเลย ทำไปก็เหนื่อยเปล่าๆ ทำงานสามคนรายได้ยังไม่เท่าแม่ที่ทำงานคนเดียว แถมยังลงทุนมากกว่าอีก ผมเลยไปบอกพ่อว่าในเมื่อกำลังผลิตไม่พอก็ไม่ต้องฝืนทำเฟอร์นิเจอร์เยอะไว้ตั้งโชว์ไว้ขาย อีกอย่างพ่อกดราคาตลาดมากไปเพราะกลัวขายไม่ออกจนราคาที่ขายอยู่มันต่ำมากๆ ไปดูที่อื่นขายราคาเฉลี่ยเขาสูงกว่าหลายพันเลย แต่พ่อก็ด่าผมแล้วบอกว่าขายแพงใครจะไปซื้อ ผมก็บอกไปว่ากำลังผลิตไม่พอก็ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบเน้นฝีมือเน้นงานทำให้ดูหรูแล้วดีดราคาขึ้น มันต้องลงทุนเพิ่มแต่รายได้เราก็จะได้มากกว่าเดิมเยอะแน่นอน แต่พ่อไม่เห็นด้วย ผมเสนอไปหลายอย่าง แต่พ่อไม่ฟังเลย ที่ผมเสนอไปมี
1.งานฝีมือ เป็นงานที่เนี๊ยบดูดีคุณภาพสูงสมราคาไปเลย ขายให้สำหรับคนที่พร้อมจะจ่ายเท่านั้น ไม่ได้เจาะตลาดคนที่ไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ ที่เลือกแบบนี้เพราะ ทำโต๊ะหนึ่งตัวใช้เวลาทำเท่ากัน แต่ถ้าคุณภาพวัตถุดิบต่างกันรายได้ก็ต่างกันเช่นกัน
2.งานไม้สไตล์ ลอฟท์ เป็นงานไม้ผสมเหล็ก ถ้าทำแบบนี้มันจะเป็นการเพิ่มกำลังผลิตได้มาก แถมงานดูดีอีกด้วย อีกอย่างหลังจากที่สังเกตุแถวๆบ้านดูมันก็มีคนทำบ้านใหม่เยอะพอสมควร ไม่ต่ำกว่าสิบหลัง บ้านก็เป็นสไตล์โมเดิร์น งานไม้แบบนี้ก็ค่อนข้างดูเข้ากันได้
3.งานเกะสลักอันนี้คือกำไรแบบเน้นๆเพราะเน้นใช้ฝีมือ อีกอย่างพ่อผมก็ถนัดด้านนี้อยู่แล้ว และผมก็ทำได้ ถึงจะไม่เก่งเท่าพ่อแต่ก็พอทำได้
4.เปลี่ยนไปเปิดโรงเลื่อย ถ้าเปิดโรงเลื่อยผมบอกพ่อว่าจะไปทำเรื่องขอใบอนุญาติให้
มันมีอีกเยอะเลยที่เสนอแต่พ่อก็ไม่สนใจ อยากทำเองเลยแต่ก็ทำไม่ได้ ถึงจะหาตลาดได้แล้วก็ตาม เงินทุนมันไม่พอ อยากไปกู้ก็ไม่มีเคดิตไม่มีใครไปค้ำให้ อีกอย่าพ่อห้ามไม่ให้ไปด้วย กลับผมเป็นหนี้ แต่ก็เข้าใจพ่อนะ แต่ถ้าไม่กล้าลงทุนเราก็ต้องอยู่แบบนี้ไปจนตายเลย ทำงานไม่คุ้มกับค่าแรง หมื่นห้าแบ่งสามคนแล้วต้องลงทุนอีกเดือนละ2-5พัน เอาตรงๆไม่ไหว อีกอย่างตอนนี้พ่อก็จ้างคนงานมาคนหนึ่งเพราะพ่ออยากเพิ่มกำลังผลิต ผมคัดค้านแล้วนะแต่พ่อไม่สนใจเพราะพ่อคิดว่ามันดีแล้ว สุดท้ายเงินติดลบตามที่ผมคาดไว้ ต้องเอาเงินที่แม่ทำงานมาช่วยจ่ายให้คนงาน จะเอาคนงานออกไม่ได้เพราะกลัวเสียหน้าว่าไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างคนงาน
ตอนนี้ผมเหนื่อยมากเลยอยากจะแยกตัวมาทำธุรกิจเอง หลังจากสำรวจแถวๆบ้านดู คิดว่ามินิมาร์ทดูจะเข้าท่าที่สุดเคยได้ยินพ่อบอกว่าอยากเปิด เพราะบ้านผมอยู่หน้าโรงเรียน แถมเป็นทางผ่านไปโรงเรียนใหญ่หลายโรงเรียนเลย มีเด็กๆผ่านหน้าบ้านทุกวัน เลยคิดว่าเจาะตลาดลูกค้าพวกนักเรียนดีกว่า จะเน้นขายพวกขนมขบเคี้ยวและอุปกรการเรียนเป็นหลัก ผมจะทำเป็นมินิมาร์ทกว้าง5×7เมตรไว้นอกบ้าน จะทำเป็นกระจกและติดแอร์ไว้ข้างในด้วย ทำสไตล์นี้เพราะเด็กสมัยนี้ชอบเข้าเซเว่น หลักๆเลยคือของกินเยอะแล้วก็เย็นด้วย มันดึงลูกค้าได้ดีเลย
คำนวนงบไว้ไม่เกิน1แสนเพราะผมจะค่อยๆทำเองไม่จ้างช่าง แต่พ่อไม่เห็นด้วย เพราะผมบอกไปว่าอยากกู้เงินสักก้อนมาทำ พ่อด่าผมหนักมาก ผมบอกว่าถ้าไม่กล้าลงทุนจะรวยได้ไง พ่อก็ไม่สนบอกว่าใช้เงินโรงงานเฟอร์นิเจอร์ทำเอา แต่ดูจากสภาพแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ผมบอกว่าเงินติดลบไปแล้วจะเอาเงินไหนมาลงทุน พอพ่อได้ยินก็ไม่พอใจแล้วด่าว่าผมบริหารเงินโรงงานไม่เป็นเอง ผมรู้สึกท้อแท้มาก คำพูดแต่ละคำคือไม่เคยสนับสนุนหรือให้คำแนะนำเลย แต่ละคำพูดคือจะพูดให้ผมดูเป็นคนโง่ตลอด พูดกดให้ผมดูต่ำกว่าตัวเองเสมอเพราะพ่อคิดว่าพ่ออายุเยอะกว่าต้องเก่งกว่าทุกอย่าง พ่อเคยเสนอมให้ผมทำหลายๆอย่าง หลังจากที่ฟังแล้วมาคิดดู เอาตรงๆพ่อจัดการเรื่องธุรกิจได้แย่กว่าผมอีก พ่อจะทำรีสอท แต่สถานที่เราม่พอ อีกอย่าแถวบ้านไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเลย ไม่ใช่ทางผ่านด้วย แถมพ่อจะทำแบบเป็นคล้ายๆกระท่อมหลังเล็กๆ เอาตรงๆนะ ผมคิดว่าไม่คุ้ม เอาสถานที่ไปเปิดห้องแถวเช้ายังกำไรกว่าอีก แถมจะให้ผมไปขายของตลาดแต่ผมบอกว่าถ้าผมไปพี่จะไม่มีคู่ทำงานเพราะงานต้องทำสองคน อีกอย่าผมเรียกลูกค้าไม่เก่งด้วยเป็นคนพูดไม่เก่ง พ่อก็บอกให้ทำนู่นทำนี่ แต่ไม่เคยพูดถึงสิ่งที่ผมเสนอไปเลย มองข้ามทุกอย่างเพราะผมอายุน้อยก็เลยคิดว่าผมโง่กว่า พอผมถามว่าสามารถทำเงินได้จริงไหม ได้ดูตลาดลูกค้าหรือการลงทุนหรือยัง พ่อก็เอาแต่บอกว่ามันได้อยู่แล้วเชื่อพ่อ แต่พ่อไม่เคยอธิบายหรือบอกเหตุผลและความเป็นไปได้แบบเจาะลึกเลย คือพ่อผมไม่เคยคิดอะไรให้มันกว้าง
ไปๆมาๆกลายเป็นว่าระบายเฉยเลย คิดว่าไงบ้างครับ มันไม่ได้แย่อย่างที่คิดใช่ไหม ผมมั่นใจนะว่าทำได้ ถึงแม้ไม่เก่งอะไรมากก็เถอะ แต่ที่คิดออกการเปิดมินิมาร์ทเป็นทางรอดสุดท้ายแล้ว ความคิดผมมันผิดตรงไหนติเตือนกันได้นะครับ หรือมีคำแนะนำดีๆก็เสนอกันได้เลยครับ
ผมอยากทำธุรกิจแต่ความคิดผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ขอคำแนะนำด้วยครับ