ฟรีดอมเฮาส์ ตัดเกรดไทย ‘ไม่เสรี’ ได้เพิ่ม 1 คะแนน หลัง ‘ชัชชาติ’ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3875245
ฟรีดอมเฮาส์ ตัดเกรดไทย ‘ไม่เสรี’ ได้เพิ่ม 1 คะแนนจากปีก่อน หลัง ‘ชัชชาติ’ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
“ฟรีดอมเฮาส์” องค์กรทางวิชาการอิสระในสหรัฐอเมริกา เผยแพรดัชนีเสรีภาพ 2023 ของประเทศต่างๆ เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นฉบับที่ 50 ในการทำรายงานเปรียบเทียบประจำปี ถือเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ ฟรีดอม เฮาส์ ได้จัดอันดับดัชนีเสรีภาพนี้
ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ถูกจัดอันดับว่า “ไม่เป็นเสรี” มีคะแนนสิทธิทางการเมือง 6 จาก 40 และเสรีภาพพลเมือง 24 จาก 60 คะแนน รวมทั้งหมด 30 จาก 100 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1 คะแนน ซึ่งปี 2022 ไทยได้รับคะแนนอยู่ที่ 29 คะแนน จาก 100 คะแนน
โดยฟรีดอมเฮาส์ ระบุว่า เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ประเทศไทยได้เปลี่ยนไปสู่รัฐบาลทหารกึ่งเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งรัฐบาลได้มีการใช้อำนาจนิยมในการจับกุมผู้เห็นต่าง ข่มขู่ และ การคุกคามนักกิจกรรม ขณะที่เสรีภาพของสื่อถูกจำกัด
ทั้งยังระบุพัฒนาการของเสรีภาพ โดยยกเหตุการณ์สำคัญ อย่างการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤษภาคม ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งลงสมัครในนามอิสระ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย สะท้อนให้เห็นความไม่พอใจของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลัง เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง ที่เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งผู้สมัครจากฝั่งตรงข้าม ท้าทายผู้มีอำนาจได้
ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ทำให้คะแนนการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพิ่มขึ้นจาก 0 เป็น 1 คะแนน เนื่องจากผู้สมัครจากฝ่ายค้าน สามารถลงแข่งขันได้อย่างมีความหมายในการเลือกตั้งบางรายกาย รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่ได้คะแนนแบบถล่มทลาย
ขณะที่ ในเดือนกรกฎาคม iLaw ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการใช้สปายแวร์ Pegasus ต่อนักกิจกรรมทางการเมือง พรรคการเมือง นักข่าว ไปจนถึงนักวิชาการ ซึ่งรัฐบาลออกมายอมรับว่าเป็นการใช้อย่างจำกัด ซึ่ง นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงที่ดิน เสี่ยงต่อความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยองค์กร NGO อย่าง Global Witness ได้กล่าวว่าประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่อันตรายที่สุดในเอเชีย สำหรับนักเคลื่อนไหว
ต่อมาในเดือนสิงหาคม พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากข้อถกเถียงในเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ขณะที่เดือนถัดมา รัฐบาลประกาศไม่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศใช้เพื่อรับมือกับโควิด 19 ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคแล้ว ยังใช้เพื่อปราบปราบคนเห็นต่างทางการเมือง
ฟรีดอม เฮาส์ ยังระบุด้วยว่า ในแง่ของสิทธิทางการเมืองนั้น ได้ 0 คะแนนในเรื่องของ หัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน ได้รับการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมหรือไม่ เช่นเดียวกับ กฎหมายและกรอบการเลือกตั้ง ที่มีความยุติธรรม ซึ่งนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นกลางนั้น ได้ 0 คะแนน ขณะที่ ความยุติธรรมและเสรีในการเลือกตั้งผู้แทนด้านนิติบัญญัติได้รับ 1 คะแนน
ในแง่เสรีภาพของสื่อนั้น ในปี 2562 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งหลายฉบับ จำกัดเสรีภาพในการพูด รวมถึงห้ามสื่อรายงานสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และ ความน่าเชื่อถือของคสช. รวมถึงการดำเนินคดี 112 กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ นักข่าวหลายคนยังถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย ขณะทำข่าวการประท้วง ในการประชุมเอเปค ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ฟรีดอมเฮาส์ ระบุว่า จากคำสั่งของคสช. และ รัฐบาลกึ่งพลเรือน ที่ควบคุมไว้นั้น ได้บ่อนทำลายสิทธิในกระบวนการอันชอบธรรม รวมไปถึงบทบัญญัติที่อนุญาตให้มีรูปแบบการควบคุมตัวโดยไม่มีหมายค้น โดยมีประชาชนกว่า 1,880 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เยาว์ 283 คน ที่ ต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางอาญา ในการประท้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ผู้ต้องหาคดี 112 หลายคน ข้อหามาตรา 112 หลายคนถูกคุมขังก่อนการพิจารณาคดีเป็นระยะเวลานาน ถูกปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว หรือได้รับการประกันตัวภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด
‘ภูมิธรรม’ ปลุกกาเพื่อไทย 310 เสียง ย้ำถ้าจะหยุดระบอบประยุทธ์ ปั่นใจให้พรรคอื่นไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3875548
ภูมิธรรม ปลุกกาเพื่อไทย 310 เสียง ย้ำถ้าจะหยุดระบอบประยุทธ์ ปั่นใจให้พรรคอื่นไม่ได้
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง
การเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์เพื่อไม่ให้คะแนนสูญเปล่า : “หยุดระบอบประยุทธ์” โดยมีเนื้อหาดังนี้
“การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของพี่น้องประชาชนที่ต้องการหลีกให้พ้นจากความบอบช้ำในการบริหารประเทศของระบอบประยุทธ์
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจของประชาชนเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงหยุดระบอบประยุทธ์ซึ่งกัดเซาะ บั่นทำลาย ความหวังของประชาชน ด้วยการเลือกพรรคการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทยให้เกิน 310 เสียง
ทำไมต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อหยุดระบอบประยุทธ์
เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย เป็นเวลาเกือบ 20 ปี
เพราะพรรคเพื่อไทย และ ทีมของเพื่อไทย มีประสบการณ์เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แก้ไขปัญหา ให้พี่น้องประชาชน ได้ฝากผลงานเชิงประจักษ์มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย อย่างเช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเปลี่ยนโครงสร้างของระบบสาธารณสุขครั้งใหญ่ของประเทศ นโยบายกองทุนหมู่บ้านที่ใช้หลักการกระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการกระจายเงินและการตัดสินใจโดยตรงไปที่ประชาชนในทุกหมู่บ้าน เป็นต้น
เพราะพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมของบุคลากรทางการเมืองทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารจัดการปัญหาทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน และเชื่อมประสานได้กับทุกภาคส่วน /มีผู้สมัคร ส.ส แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีทั้งผู้มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ /โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีตัวแทนผู้สมัคร ส.ส เขต ที่ถือเป็นด่านหน้าที่สำคัญในการเป็นสะพานเชื่อมประสานระหว่างพรรคกับพี่น้องประชาชนใน
แต่ละเขตพื้นที่ ซึ่งพรรคให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการคัดเลือกคนที่ใช่ที่สุดในการเป็นผู้แทนเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
และที่สำคัญคือ เพราะพรรคเพื่อไทย ยืดหยัดดำรงจุดมุ่งหมายและเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร ปี 2549
วันนี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งด้านนโยบายที่เรามั่นใจว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” พร้อมด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกระดับ พร้อมด้วยฐานที่มั่นประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชนที่ร่วมเคียงข้างกันมา
ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่อาจตัดสินใจเป็นอื่นไปได้ นอกจากการเลือกเชิงยุทธศาสตร์
เลือกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เลือกเพื่อปิดสวิชต์ สว. 250 เสียง ด้วยการลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ
พลังของพี่น้องประชาชนที่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะมีพลานุภาพในการนำพาประเทศไทยให้หลุดจากระบอบประยุทธ์ที่มีแต่ความทุกข์
ก้าวออกไปสู่ประเทศที่มีความหวัง เห็นอนาคตที่สดใส
พรรคเพื่อไทยพร้อมครับ
https://www.facebook.com/pwechayachai/posts/pfbid0218S6X5AjBVVc2FoqgXUFVj1gEBg4tVGNy7un8EHuVXSdN2rfjz2hYg2YZaoyxzdVl
สมชัย เตรียมยื่นกกต. ฟันประยุทธ์ ยุบรวมไทยสร้างชาติ เข้าข่ายผิดมาตรา 132
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7560680
สมชัย เตรียมยื่นกกต. ฟันประยุทธ์ ยุบรวมไทยสร้างชาติ หลังเข้าข่ายผิดมาตรา 132 โดยจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อ กกต. 17 มี.ค. นี้
15 มี.ค. 2566 – นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ปธ.ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันที่ 17 มี.ค. ตนจะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาเอาผิดพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีใช้ทรัพยากรรัฐเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมือง
ขณะนี้ พล.อ.
ประยุทธ์ ใช้ทรัพยากรรัฐ ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รถยนต์หลวง ลงพื้นที่ตรวจราชการแทบทุกวัน แต่แฝงการหาเสียงไปในตัว มี นาย
พีระพันธุ์ เป็นผู้จัดตารางภารกิจการลงพื้นที่ให้ หากให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการดำเนินการเช่นนี้ต่อไปตามอำเภอใจ คงไม่ถูกต้อง จึงยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ
ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เพราะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 132 ที่ระบุว่า กรณีการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยสุจริต ก่อนการประกาศผลเลือกตั้ง ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม กกต.สามารถให้ใบส้มได้
กรณีนี้จะมีผลย้อนหลังไปถึงข้อห้ามต่าง ๆ ช่วง 180 วันก่อนครบอายุรัฐบาล ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้งด้วย แม้จะมีการยุบสภาก็ไม่เป็นเหตุให้พ้นผิด สามารถเอาผิดได้ และถ้าผู้กระทำผิดเป็นกรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจ ไม่ยับยั้ง ให้ กกต. เสนอความเห็นยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
JJNY : ฟรีดอมเฮาส์ ตัดเกรด‘ไม่เสรี’│‘ภูมิธรรม’ปลุกกาเพื่อไทย│สมชัยเตรียมยื่นฟันประยุทธ์ ยุบรทสช.│ล้มไม่ได้!“เครดิต สวิส”
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3875245
ฟรีดอมเฮาส์ ตัดเกรดไทย ‘ไม่เสรี’ ได้เพิ่ม 1 คะแนนจากปีก่อน หลัง ‘ชัชชาติ’ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
“ฟรีดอมเฮาส์” องค์กรทางวิชาการอิสระในสหรัฐอเมริกา เผยแพรดัชนีเสรีภาพ 2023 ของประเทศต่างๆ เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นฉบับที่ 50 ในการทำรายงานเปรียบเทียบประจำปี ถือเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ ฟรีดอม เฮาส์ ได้จัดอันดับดัชนีเสรีภาพนี้
ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ถูกจัดอันดับว่า “ไม่เป็นเสรี” มีคะแนนสิทธิทางการเมือง 6 จาก 40 และเสรีภาพพลเมือง 24 จาก 60 คะแนน รวมทั้งหมด 30 จาก 100 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1 คะแนน ซึ่งปี 2022 ไทยได้รับคะแนนอยู่ที่ 29 คะแนน จาก 100 คะแนน
โดยฟรีดอมเฮาส์ ระบุว่า เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ประเทศไทยได้เปลี่ยนไปสู่รัฐบาลทหารกึ่งเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งรัฐบาลได้มีการใช้อำนาจนิยมในการจับกุมผู้เห็นต่าง ข่มขู่ และ การคุกคามนักกิจกรรม ขณะที่เสรีภาพของสื่อถูกจำกัด
ทั้งยังระบุพัฒนาการของเสรีภาพ โดยยกเหตุการณ์สำคัญ อย่างการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤษภาคม ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งลงสมัครในนามอิสระ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย สะท้อนให้เห็นความไม่พอใจของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลัง เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง ที่เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งผู้สมัครจากฝั่งตรงข้าม ท้าทายผู้มีอำนาจได้
ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ทำให้คะแนนการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพิ่มขึ้นจาก 0 เป็น 1 คะแนน เนื่องจากผู้สมัครจากฝ่ายค้าน สามารถลงแข่งขันได้อย่างมีความหมายในการเลือกตั้งบางรายกาย รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่ได้คะแนนแบบถล่มทลาย
ขณะที่ ในเดือนกรกฎาคม iLaw ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการใช้สปายแวร์ Pegasus ต่อนักกิจกรรมทางการเมือง พรรคการเมือง นักข่าว ไปจนถึงนักวิชาการ ซึ่งรัฐบาลออกมายอมรับว่าเป็นการใช้อย่างจำกัด ซึ่ง นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงที่ดิน เสี่ยงต่อความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยองค์กร NGO อย่าง Global Witness ได้กล่าวว่าประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่อันตรายที่สุดในเอเชีย สำหรับนักเคลื่อนไหว
ต่อมาในเดือนสิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากข้อถกเถียงในเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ขณะที่เดือนถัดมา รัฐบาลประกาศไม่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศใช้เพื่อรับมือกับโควิด 19 ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคแล้ว ยังใช้เพื่อปราบปราบคนเห็นต่างทางการเมือง
ฟรีดอม เฮาส์ ยังระบุด้วยว่า ในแง่ของสิทธิทางการเมืองนั้น ได้ 0 คะแนนในเรื่องของ หัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน ได้รับการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมหรือไม่ เช่นเดียวกับ กฎหมายและกรอบการเลือกตั้ง ที่มีความยุติธรรม ซึ่งนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นกลางนั้น ได้ 0 คะแนน ขณะที่ ความยุติธรรมและเสรีในการเลือกตั้งผู้แทนด้านนิติบัญญัติได้รับ 1 คะแนน
ในแง่เสรีภาพของสื่อนั้น ในปี 2562 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งหลายฉบับ จำกัดเสรีภาพในการพูด รวมถึงห้ามสื่อรายงานสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และ ความน่าเชื่อถือของคสช. รวมถึงการดำเนินคดี 112 กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ นักข่าวหลายคนยังถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย ขณะทำข่าวการประท้วง ในการประชุมเอเปค ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ฟรีดอมเฮาส์ ระบุว่า จากคำสั่งของคสช. และ รัฐบาลกึ่งพลเรือน ที่ควบคุมไว้นั้น ได้บ่อนทำลายสิทธิในกระบวนการอันชอบธรรม รวมไปถึงบทบัญญัติที่อนุญาตให้มีรูปแบบการควบคุมตัวโดยไม่มีหมายค้น โดยมีประชาชนกว่า 1,880 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เยาว์ 283 คน ที่ ต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางอาญา ในการประท้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ผู้ต้องหาคดี 112 หลายคน ข้อหามาตรา 112 หลายคนถูกคุมขังก่อนการพิจารณาคดีเป็นระยะเวลานาน ถูกปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว หรือได้รับการประกันตัวภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด
‘ภูมิธรรม’ ปลุกกาเพื่อไทย 310 เสียง ย้ำถ้าจะหยุดระบอบประยุทธ์ ปั่นใจให้พรรคอื่นไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3875548
ภูมิธรรม ปลุกกาเพื่อไทย 310 เสียง ย้ำถ้าจะหยุดระบอบประยุทธ์ ปั่นใจให้พรรคอื่นไม่ได้
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง การเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์เพื่อไม่ให้คะแนนสูญเปล่า : “หยุดระบอบประยุทธ์” โดยมีเนื้อหาดังนี้
“การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของพี่น้องประชาชนที่ต้องการหลีกให้พ้นจากความบอบช้ำในการบริหารประเทศของระบอบประยุทธ์
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจของประชาชนเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงหยุดระบอบประยุทธ์ซึ่งกัดเซาะ บั่นทำลาย ความหวังของประชาชน ด้วยการเลือกพรรคการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทยให้เกิน 310 เสียง
ทำไมต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อหยุดระบอบประยุทธ์
เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย เป็นเวลาเกือบ 20 ปี
เพราะพรรคเพื่อไทย และ ทีมของเพื่อไทย มีประสบการณ์เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แก้ไขปัญหา ให้พี่น้องประชาชน ได้ฝากผลงานเชิงประจักษ์มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย อย่างเช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเปลี่ยนโครงสร้างของระบบสาธารณสุขครั้งใหญ่ของประเทศ นโยบายกองทุนหมู่บ้านที่ใช้หลักการกระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการกระจายเงินและการตัดสินใจโดยตรงไปที่ประชาชนในทุกหมู่บ้าน เป็นต้น
เพราะพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมของบุคลากรทางการเมืองทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารจัดการปัญหาทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน และเชื่อมประสานได้กับทุกภาคส่วน /มีผู้สมัคร ส.ส แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีทั้งผู้มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ /โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีตัวแทนผู้สมัคร ส.ส เขต ที่ถือเป็นด่านหน้าที่สำคัญในการเป็นสะพานเชื่อมประสานระหว่างพรรคกับพี่น้องประชาชนใน
แต่ละเขตพื้นที่ ซึ่งพรรคให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการคัดเลือกคนที่ใช่ที่สุดในการเป็นผู้แทนเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
และที่สำคัญคือ เพราะพรรคเพื่อไทย ยืดหยัดดำรงจุดมุ่งหมายและเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร ปี 2549
วันนี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งด้านนโยบายที่เรามั่นใจว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” พร้อมด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกระดับ พร้อมด้วยฐานที่มั่นประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชนที่ร่วมเคียงข้างกันมา
ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่อาจตัดสินใจเป็นอื่นไปได้ นอกจากการเลือกเชิงยุทธศาสตร์
เลือกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เลือกเพื่อปิดสวิชต์ สว. 250 เสียง ด้วยการลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ
พลังของพี่น้องประชาชนที่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะมีพลานุภาพในการนำพาประเทศไทยให้หลุดจากระบอบประยุทธ์ที่มีแต่ความทุกข์
ก้าวออกไปสู่ประเทศที่มีความหวัง เห็นอนาคตที่สดใส
พรรคเพื่อไทยพร้อมครับ
https://www.facebook.com/pwechayachai/posts/pfbid0218S6X5AjBVVc2FoqgXUFVj1gEBg4tVGNy7un8EHuVXSdN2rfjz2hYg2YZaoyxzdVl
สมชัย เตรียมยื่นกกต. ฟันประยุทธ์ ยุบรวมไทยสร้างชาติ หลังเข้าข่ายผิดมาตรา 132 โดยจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อ กกต. 17 มี.ค. นี้
15 มี.ค. 2566 – นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ปธ.ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันที่ 17 มี.ค. ตนจะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีใช้ทรัพยากรรัฐเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมือง
ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ทรัพยากรรัฐ ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รถยนต์หลวง ลงพื้นที่ตรวจราชการแทบทุกวัน แต่แฝงการหาเสียงไปในตัว มี นายพีระพันธุ์ เป็นผู้จัดตารางภารกิจการลงพื้นที่ให้ หากให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการดำเนินการเช่นนี้ต่อไปตามอำเภอใจ คงไม่ถูกต้อง จึงยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ
ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เพราะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 132 ที่ระบุว่า กรณีการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยสุจริต ก่อนการประกาศผลเลือกตั้ง ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม กกต.สามารถให้ใบส้มได้
กรณีนี้จะมีผลย้อนหลังไปถึงข้อห้ามต่าง ๆ ช่วง 180 วันก่อนครบอายุรัฐบาล ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้งด้วย แม้จะมีการยุบสภาก็ไม่เป็นเหตุให้พ้นผิด สามารถเอาผิดได้ และถ้าผู้กระทำผิดเป็นกรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจ ไม่ยับยั้ง ให้ กกต. เสนอความเห็นยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป