สวัสดีค่ะ เริ่องที่เราจะเล่ามีปัญหาครอบครัวอยู่ด้วย มันอาจจจะเป็นเรื่องภายในครอบครัวจริงๆค่ะแต่เราเองอยากได้คนรับฟังปัญหาตรงนี้ของเรามากๆ เพราะทั้งชีวิตนี้ไม่กล้าเอาไปคุยกับใครเลยเพราะกลัวจะเป็นการเอาครอบครัวตัวเองไปเผาให้คนอื่นมองครอบครัวเราไม่ดี แต่ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว เลยอยากให้คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้คอยรับฟังและคอยให้คำแนะนำเราทีนะคะ
เริ่มจาก บ้านเราเป็นบ้านที่เคร่งเรื่องวานบ้านมาก ตรงนี้เข้าใจว่าหลายๆครอบครัวก็เป็นเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะจริงจังเท่ากับบ้านเราไหม เราก็ทีหน้าที่ทำงานบ้านที่ได้รับมอบหมายมาจากแม่ของเราเอง จนวันหนึ่งเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง จากที่จะทำงานบ้านเวลานี้ก็เปลี่ยนมาทำอีกเวลานึง แต่แม่ไม่พอใจที่เราทำแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็มองว่าจะทำเวลาไหนมันก็เหมือนกัน แค่ไม่ทำตอนมันมืดค่ำก็พอ เราก็ทำแบบนี้มาตลอด แต่ก็เข้าใจว่าพ่อแม่อาจจะเคร่งเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ แต่กับบางครั้ง พลาดลืมทำอะไรบางอย่างเล็กน้อย อย่างเช่น เอาขยะไปทิ้งและลืมใส่ถุงขยะเข้าถัง ก็โดนคนในครอบครัวบัพว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทั้งๆที่หน้าที่การใส่ถุงขยะนี้มันไม่จำเป็นต้องเป็นเราแค่คนเดียว ด้วยซ้ำ พอเราโตขึ้น เรื่องงานบ้านมันก็ยิ่งเป็นเรื่องเซนซิทีฟสำหรับครอบครัวเรามากขึ้น แล้วเริ่มมีปัญหาที่ครอบครัวใส่ใจเราน้อยลงไปอีก บางครั้งถึงขั้นด่า โวยวายโครมครามทำลายข้าวของ เพียงเพราะเราทำงานบ้านไม่ถูกใจ เรามองครอบครัวอื่นเพื่อนเรา ญาติพี่น้องคนรอบตัว บ้านเขาไม่เห็นเนี้ยบเรื่องพวกนี้เหมือนบ้านเราเลย เจอกน้ากันทุกเช้าก็บ่น ไม่มีการถามสารทุกข์สุขดิบกันเลยสักคำแม้กระทั่งอาการป่วยเขาก็ไม่สนใจมีแต่เราต้องดูแลตัวเอง เราเริ่มทนไม่ไหวกับกฎเกณฑ์ทางบ้าน เลยเลือกที่จะเอาเวลาว่างระหว่างเรียนไปทำงานพาร์ทไทม์แทนการอยู่บ้าน เรามีความสุขกับการทำงานมาก อาจจะเหนื่อย แต่ก็เหนื่อยแบบโอเค ดีกว่ารู้สึกเหนื่อยกับครอบครัวที่ต้องคอยคิดมากอยู่ทุกวัน จนเราต้องทำโปรเจ็คจบ ปวส. เราเลยออกจากงานและเริ่มมาทำโปรเจคแบบจริงๆจังๆ เราทำโปรเจ็คนี้คนเดียวทั้งเล่ม พยายามมาก แต่ระหว่าวที่เราเริ่มทำอยู่ คนในบ้านไม่ได้มองว่าเราทำงานอยู่ แต่มองว่าเรากำลังเล่นคอมมากกว่า ช่วงนั้นเราเสียใจมากร้องไห้ทุกวันคนที่บ้านไม่เคยให้กำลังใจ เคยคิดอยากจะจบชีวิตตัวเอง แต่ก็พยายามมองในแง่ดีว่าถ้าผ่านตรงนี้ไปได้มันจะโอเคขึ้น เราทำงานจนเสร็จ ระหว่างนั้นเราก็ป่วยไข้ เพราะหักโหมมากเกินไป ทางครอบครัวก็ไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหายาให้กิน มีแต่เราต้องไปหายากินเอง ตั้งแต่เด็กๆ แทบจะนับรอบได้เลยว่า เวลาเราป่วยอะไร เราบอกครอบครัวไปกี่รอบว่าเราป่วย เพราะทุกครั้งที่บอกไป ครอบครัวก็ไม่สนใจอยู่ดี
จนถึงตอนนี้เราเรียนจบด้วยตัวเอง ใช้เงินกยศ.เรียนจนจบ รอต่อเข้ามหาลัย พร้อมที่จะทำงานไปเรียนไป ครอบครัวอยากให้เราอยู่บ้านเราก็อยู่ตามคำขอของเขา รอวันย้ายเข้ามหาลัย แต่ก็มีปัญหาเดิมๆเข้ามาจนตอนนี้เราเครียดมาก ก็แค่งานบ้านจะเซนซิทีฟอะไรนักหนา เครียดจนกินข้าวแค่วันละมื้อ บางอย่างทั้งๆที่เราทำเพื่อตัวคนอื่นในครอบครัวแล้ว เขาก็มองว่าเราเอาแค่ตัวเรารอดอยู่คนเดียว เราพยายามปรับความเข้าใจอะไรหลายๆอย่างทะเลาะกันหลายครั้ง ยอมรับว่าเคยทำร้ายตัวเองยอมที่จะตายมาหลายรอบเพราะหนีปัญหาครอบครัว ครั้งนี้ก็เริ่มที่จะกลับไปคิดแบบนี้แล้วเหมือนกัน เขาใช้ความรุนแรงทำลายข้าวของ ไม่ฟังไม่ทำความเข้าใจกับเหตุผลเลยสักนิดเอาแต่อารมณ์ตัวเอง ทั้งๆที่ชีวิตวัยรุ่นของเรา เราเลือกครอบครัวมาก่อนที่1เสมอ แต่เขากลับมองข้ามเราไปทุกรอบ เราอยากหนีออกมามากๆเหนื่อยที่จะอยู่ตรงนี้ อยากออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ส่วนตัวไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงเพราะเป็นคนเก็บตัว แต่จะมีเพื่อนในโลกออนไลน์เยอะมากๆ เลยหนีออกไปอยู่กับเพื่อนไม่ได้ เราควรออกมาเริ่มต้นชีวิตตัวเองยังไงดีคะ ไม่อยากเสียสิทธิ์เรื่องเข้าเรียนมหาลัยด้วย
ระบายความรู้สึกที่มีต่อครอบครัวและปรึกษาเรื่องการออกมาใช้ชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ
เริ่มจาก บ้านเราเป็นบ้านที่เคร่งเรื่องวานบ้านมาก ตรงนี้เข้าใจว่าหลายๆครอบครัวก็เป็นเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะจริงจังเท่ากับบ้านเราไหม เราก็ทีหน้าที่ทำงานบ้านที่ได้รับมอบหมายมาจากแม่ของเราเอง จนวันหนึ่งเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง จากที่จะทำงานบ้านเวลานี้ก็เปลี่ยนมาทำอีกเวลานึง แต่แม่ไม่พอใจที่เราทำแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็มองว่าจะทำเวลาไหนมันก็เหมือนกัน แค่ไม่ทำตอนมันมืดค่ำก็พอ เราก็ทำแบบนี้มาตลอด แต่ก็เข้าใจว่าพ่อแม่อาจจะเคร่งเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ แต่กับบางครั้ง พลาดลืมทำอะไรบางอย่างเล็กน้อย อย่างเช่น เอาขยะไปทิ้งและลืมใส่ถุงขยะเข้าถัง ก็โดนคนในครอบครัวบัพว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทั้งๆที่หน้าที่การใส่ถุงขยะนี้มันไม่จำเป็นต้องเป็นเราแค่คนเดียว ด้วยซ้ำ พอเราโตขึ้น เรื่องงานบ้านมันก็ยิ่งเป็นเรื่องเซนซิทีฟสำหรับครอบครัวเรามากขึ้น แล้วเริ่มมีปัญหาที่ครอบครัวใส่ใจเราน้อยลงไปอีก บางครั้งถึงขั้นด่า โวยวายโครมครามทำลายข้าวของ เพียงเพราะเราทำงานบ้านไม่ถูกใจ เรามองครอบครัวอื่นเพื่อนเรา ญาติพี่น้องคนรอบตัว บ้านเขาไม่เห็นเนี้ยบเรื่องพวกนี้เหมือนบ้านเราเลย เจอกน้ากันทุกเช้าก็บ่น ไม่มีการถามสารทุกข์สุขดิบกันเลยสักคำแม้กระทั่งอาการป่วยเขาก็ไม่สนใจมีแต่เราต้องดูแลตัวเอง เราเริ่มทนไม่ไหวกับกฎเกณฑ์ทางบ้าน เลยเลือกที่จะเอาเวลาว่างระหว่างเรียนไปทำงานพาร์ทไทม์แทนการอยู่บ้าน เรามีความสุขกับการทำงานมาก อาจจะเหนื่อย แต่ก็เหนื่อยแบบโอเค ดีกว่ารู้สึกเหนื่อยกับครอบครัวที่ต้องคอยคิดมากอยู่ทุกวัน จนเราต้องทำโปรเจ็คจบ ปวส. เราเลยออกจากงานและเริ่มมาทำโปรเจคแบบจริงๆจังๆ เราทำโปรเจ็คนี้คนเดียวทั้งเล่ม พยายามมาก แต่ระหว่าวที่เราเริ่มทำอยู่ คนในบ้านไม่ได้มองว่าเราทำงานอยู่ แต่มองว่าเรากำลังเล่นคอมมากกว่า ช่วงนั้นเราเสียใจมากร้องไห้ทุกวันคนที่บ้านไม่เคยให้กำลังใจ เคยคิดอยากจะจบชีวิตตัวเอง แต่ก็พยายามมองในแง่ดีว่าถ้าผ่านตรงนี้ไปได้มันจะโอเคขึ้น เราทำงานจนเสร็จ ระหว่างนั้นเราก็ป่วยไข้ เพราะหักโหมมากเกินไป ทางครอบครัวก็ไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหายาให้กิน มีแต่เราต้องไปหายากินเอง ตั้งแต่เด็กๆ แทบจะนับรอบได้เลยว่า เวลาเราป่วยอะไร เราบอกครอบครัวไปกี่รอบว่าเราป่วย เพราะทุกครั้งที่บอกไป ครอบครัวก็ไม่สนใจอยู่ดี
จนถึงตอนนี้เราเรียนจบด้วยตัวเอง ใช้เงินกยศ.เรียนจนจบ รอต่อเข้ามหาลัย พร้อมที่จะทำงานไปเรียนไป ครอบครัวอยากให้เราอยู่บ้านเราก็อยู่ตามคำขอของเขา รอวันย้ายเข้ามหาลัย แต่ก็มีปัญหาเดิมๆเข้ามาจนตอนนี้เราเครียดมาก ก็แค่งานบ้านจะเซนซิทีฟอะไรนักหนา เครียดจนกินข้าวแค่วันละมื้อ บางอย่างทั้งๆที่เราทำเพื่อตัวคนอื่นในครอบครัวแล้ว เขาก็มองว่าเราเอาแค่ตัวเรารอดอยู่คนเดียว เราพยายามปรับความเข้าใจอะไรหลายๆอย่างทะเลาะกันหลายครั้ง ยอมรับว่าเคยทำร้ายตัวเองยอมที่จะตายมาหลายรอบเพราะหนีปัญหาครอบครัว ครั้งนี้ก็เริ่มที่จะกลับไปคิดแบบนี้แล้วเหมือนกัน เขาใช้ความรุนแรงทำลายข้าวของ ไม่ฟังไม่ทำความเข้าใจกับเหตุผลเลยสักนิดเอาแต่อารมณ์ตัวเอง ทั้งๆที่ชีวิตวัยรุ่นของเรา เราเลือกครอบครัวมาก่อนที่1เสมอ แต่เขากลับมองข้ามเราไปทุกรอบ เราอยากหนีออกมามากๆเหนื่อยที่จะอยู่ตรงนี้ อยากออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ส่วนตัวไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงเพราะเป็นคนเก็บตัว แต่จะมีเพื่อนในโลกออนไลน์เยอะมากๆ เลยหนีออกไปอยู่กับเพื่อนไม่ได้ เราควรออกมาเริ่มต้นชีวิตตัวเองยังไงดีคะ ไม่อยากเสียสิทธิ์เรื่องเข้าเรียนมหาลัยด้วย