ชัช เตาปูน เล่าเรื่อง ทักษิณโหด พฤติกรรมเก่าๆ เหมือนปัจจุบัน DNA พฤติกรรมที่ทำกับครอบครัว รัตนพันธ์

กระทู้ข่าว
ชัช เตาปูน เล่าเรื่อง ทักษิณโหด

ตอบคำถามกับ "ชัช เตาปูน" 

เรียน.. ชาวบ้านซอยภาณุรังษี..
"รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน" สุภาษิตสอนใจของท่านเจ้าคุณนร ถ้าท่านอดีตนายกฯ ทักษิณยึดสุภาษิตของเจ้าคุณนร เป็นหลักในการดำรงชีวิต ป่านนี้ท่านก็คงไม่ต้องระเหเร่ร่อนเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น และคงไม่ต้องทำให้พี่น้องชาวอีสานถูกจับดำเนินคดีเผาบ้านเผาเมืองหรอกครับ  

ที่ผมยกสุภาษิตของเจ้าคุณนรขึ้นมาก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณตอนที่ยังจนๆ อยู่เคยพูดกับคุณบารอน เพื่อนรักของผมว่า “พี่ครับ ผมจน ขอผมเกิดเถิดครับ” คุณชาวบ้านซอยภาณุรังสีคงสงสัยว่า ทำไมท่านอดีตนายกฯ ทักษิณถึงพูดอย่างนี้ ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ  

เรื่องเดิมมีอยู่ว่า ท่านอดีตนายกฯทักษิณ ท่านเอาเงินไปวางมัดจำค่าที่บริเวณบางบัว ซึ่งเป็นบริเวณที่จอดรถของขสมก.อยู่ขณะนี้ และท่านก็นำที่แปลงนี้ไปให้ ขสมก.เช่าเป็นพื้นที่จอดรถ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีสิทธิขาดในการให้เช่า แต่ด้วยท่านมีศิลปะในการพูด ทาง ขสมก.จึงจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ท่านไปเลยครั้งเดียวทั้งสิบปี และท่านก็นำค่าเช่าที่ทางขสมก.จ่ายให้ท่านทั้งสิบปีนี้ไปจ่ายค่าที่ส่วนที่เหลือกับเจ้าของเดิม  

เห็นไหมครับ ขสมก.กับท่านอดีตนายกฯ ทักษิณทำถูกต้องหรือเปล่า ที่นำเงินภาษีของประชาชนมาจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าถึงสิบปี ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน แต่ด้วยความเป็นนักเจรจาที่มีจิตวิทยาชั้นสูงของท่าน เมื่อท่านมาขอพบคุณบารอนเพื่อนรักของผม และพูดว่า “ผมจน ขอผมเกิดเถอะครับ” เพื่อนรักของผมจึงใจอ่อน และดึงเอกสารทั้งหมดที่กำลังจะไปยื่นให้กับ ปปป.คืนท่านอดีตนายกฯทักษิณไป  

หรืออีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้ว สมัยนั้นท่านอดีตนายกฯ ทักษิณยังรับราชการตำรวจ และทำอาชีพวิ่งหนัง (ซื้อภาพยนตร์ไปขาย) สายภาคเหนือด้วย และมีความสนิทสนมกับ พี่ประเทือง ตรีเมฆ ผู้อำนวยการสร้างหนังสมัยนั้น  

วันหนึ่งท่านอดีตนายกฯ ทักษิณต้องการจะสร้างหนังเอง จึงติดต่อให้พี่ประเทืองเป็นผู้ดำเนินการหาเงินให้ ด้วยความรักพวกพ้อง และโอบอ้อมอารี ก็รับปากไป โดยอดีตนายกฯ ทักษิณได้นำเช็คที่มีลายเซ็นต์ของอดีตนายกฯทักษิณมายื่นให้พี่ประเทืองกรอกตัวเลขค่าใช้จ่ายในการทำหนังทั้งหมดลงในเช็คใบดังกล่าว ซึ่งพี่ประเทืองได้เขียนตัวเลขในเช็คไป 8 แสนบาท พร้อมกับเซ็นสลักหลังเช็คของอดีตนายกฯ ทักษิณใบนี้ เพื่อให้ธนาคารกรุงเทพออกโอดีเงินจำนวน 8 แสนบาทออกมาใช้ก่อน  

หลังจากได้เงินมาแล้ว อดีตนายกฯทักษิณได้เอาไป 5 แสนบาท แบ่งมาให้พี่ประเทือง 3 แสนบาทเป็นค่าใช้จ่ายทำหนัง ต่อมาสถานการณ์บ้านเมืองไม่ดี อดีตนายกฯ ทักษิณมาบอกว่า ไม่สร้างหนังแล้ว ให้พี่ประเทืองนำเงินจำนวน 3 แสนบาทมาคืน ซึ่งพี่ประเทืองตอบกลับไปว่า ไม่มี ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาให้ เพราะได้นำไปใช้จ่ายในการสร้างหนังหมดแล้ว  

ในเวลาเดียวกันขณะนั้นทางธนาคารกรุงเทพก็ได้โทรศัพท์ติดต่อพี่ประเทืองมาว่า เช็คของอดีตนายกฯ ทักษิณที่พี่ประเทืองเซ็นสลักหลังค้ำประกันไว้นั้นเด้ง พี่ประเทืองก็เลยติดต่อกลับไปหาอดีตนายกฯ ทักษิณว่าจะทำอย่างไร  

แต่ก็ได้รับคำตอบแกมขอร้องจากอดีตนายกฯ ทักษิณว่า “ผมขอให้พี่ประเทืองรับไปก่อน แล้วผมจะนำเงินมาจ่ายให้ทีหลัง เนื่องจากผมกำลังทำเรื่องขอกู้เงินเพื่อไปซื้อดาวเทียม หากมีคดีความเกิดขึ้น ผมจะไม่สามารถกู้เงินได้ ถ้าจบเรื่องซื้อดาวเทียมแล้ว ก็จะให้ทนายดำเนินการแก้ไขให้”  

พี่ประเทือง ก็เชื่อใจ ตอบรับไป จวบจนผ่านพ้นไป 10 ปี อดีตนายกฯ ทักษิณก็ไม่ยังยอมนำเงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายให้ ในที่สุดพี่ประเทืองก็ต้องเป็นหนี้ และถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกทั้งต้นและดอกเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งพี่ประเทืองไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาชดใช้ให้ ท้ายที่สุดก็ต้องถูกศาลสั่งล้มละลาย จนไม่สามารถสร้างหนัง หรือประกอบกิจการอะไรได้ ครอบครัวพี่ประเทืองต้องตกระกำลำบาก ลูกทั้ง 4 คนกำลังเรียนอยู่ ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งลูกเรียน  


https://www.facebook.com/photo/?fbid=753166928897688&set=pcb.753167252230989

จนกระทั่งต่อมาอดีตนายกฯ ทักษิณได้เป็นรมต.ต่างประเทศ พี่ประเทืองก็ไปติดต่อ ขอเข้าพบเพราะหวังจะได้เงินคืน แต่ก็ไม่ได้เข้าพบ กระทั่งพี่ประเทืองเสียชีวิตลง และก่อนพี่ประเทืองจะเสียชีวิตลงในที่สุด ครอบครัวลำบากมาก ก็ได้มาฝากลูกชายทำงานกับผมที่สยามรัฐ และทำงานอยู่กับผมมาจนบัดนี้ 

ต่อมาท่านอดีตนายกฯ ทักษิณได้เป็นนายกฯ ลูกเมียพี่ประเทืองก็ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ก็ไม่ได้พบเช่นเคย จนต้องเขียนจดหมายจ่าหน้าซองว่า เป็น “จดหมายของคนตาย” อดีตนายกฯ ทักษิณจึงได้คืนเงินให้จำนวน 8 แสนบาท แต่ไม่เคยถามถึงดอกเบี้ยที่ธนาคารบวกเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าล้านบาทแต่อย่างใด  

เมื่อได้เงินจำนวน 8 แสนบาทมาแล้ว เมียพี่ประเทืองจึงนำเงินจำนวนนี้ไปจ่ายหนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งขอร้องกับธนาคารให้ผ่อนปรนให้ ซึ่งในที่สุดธนาคารก็ยอมยกดอกเบี้ยให้ จึงสามารถปลดหนี้จำนวนนี้ลงไปได้  

แต่กว่าจะปลดหนี้ก้อนนี้ซึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณเป็นผู้สร้างไว้กับครอบครัวพี่ประเทืองได้ ท่านอดีตนายกฯทักษิณจะรู้ไหมว่า ได้สร้างความทุกข์ให้กับครอบครัวพี่ประเทืองไว้มากมายเท่าไหร่ จากที่พี่ประเทืองมีอนาคตหน้าที่การงานก้าวหน้าอีกไกล และมีเงินสามารถเลี้ยงครอบครัวอย่างสบาย กลับต้องมาเป็นหนี้สิน และล้มละลาย กระทั่งลูกเมียต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก  

ที่ผมเล่าเสียยืดยาว ก็เพื่อให้คุณชาวบ้านซอยภาณุรังษีได้เห็นภาพว่า ถ้าท่านอดีต นายกฯ ทักษิณรู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน ตามสุภาษิตของท่านเจ้าคุณนรที่ท่านให้สติเอาไว้ ป่านนี้ท่านอดีตนายกฯทักษิณก็คงไม่มีสภาพเช่นนี้หรอกครับ ใช่ไหม และประเทศเราก็คงไม่ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งออกมาเผาบ้านเผาเมือง ให้เห็นกันอยู่อย่างนี้  

บาปกรรมมีจริงนะครับ

(นับถือ ชัช เตาปูน 27 พ.ค. 2553)
ที่มา: นสพ.สยามรัฐ
 

 

ดร.ศรายุทธ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนสภาพครอบครัวตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ว่า “คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ซึ่งเป็นลูกเขยทักษิณ หรือ คุณอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ CCO และอีกท่าน CEO ของโรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่งคุณหญิงพจมาน ถือหุ้นใหญ่อยู่ ซึ่ง 2 ท่านนี้เป็นสุภาพบุรุษ แต่ผมไม่เชื่อว่า 2 คนนี้คือสุภาพบุรุษตัวจริง ผมเลยไม่คิดที่จะทำงาน ผมเอาแต่ร่ำร้องเรียกค่าเสียหาย 205 ล้านบาทเศษ มาตลอด หลักฐานปรากฏอยู่เยอะ ทั้งวัตถุพยาน ทั้งลายลักษณ์อักษร ข้อเท็จจริงไม่สามารถไปล้มล้างในอดีตได้ 2 ท่านนี้หลอกลวงลูกผม ให้คำมั่น บอกว่าจะชดใช้ให้ หลอกลวงคนที่รออยู่ด้านหลัง ด้านนอกก็คือแม่เฒ่าเรา หรือคุณย่า จนถึงวันนี้ผมอยากให้ 2 คนนี้ หรือชินวัตร ออกมาคุยกับเรา เราท้าดีเบตทุกที่ ทุกแห่งในแผ่นดินนี้ เอาความจริงกล้าเปิดกับเราไหม สาบานต่อวัดพระแก้ว สาบานต่อพระสยามเทวาธิราช ใครคนไหนมันโป้ปดมดเท็จ ให้มันมีอันเป็นไปทั้งตระกูล คุณกล้าออกมาสาบานอย่างสุภาพบุรุษกับพวกเราไหม ผมรออยู่นะ รออยู่ทุกวัน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่