คุ้มค่าลงทุน! “ไทย-ญี่ปุ่น” ลุยรถไฟไฮสปีด ประเดิมเฟสแรก “กทม.-พิษณุโลก
ไทย-ญี่ปุ่น” ลุยร่วมสร้างรถไฟไฮสปีด “กรุงเทพ-เชียงใหม่” ประเดิมเฟสแรกถึง “พิษณุโลก” 380 กม. ผลศึกษาสรุปคุ้มค่าการลงทุน EIRR 17.3% สูงกว่าเกณฑ์ NPV เป็นบวกตลอด
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ผู้แทนฝ่ายไทย ประกอบด้วย ขร. สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ประชุมหารือด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กับผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (MLIT) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาผลการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงความร่วมมือในอนาคต ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมด้านเทคนิคฯ วันที่ 14 ธ.ค. 65 ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นได้นำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์ทางตรง และทางอ้อม โดยพบว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 17.3% สูงกว่าเกณฑ์ 12% มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV) เป็นบวกตลอดระยะเวลาดำเนินการ จึงก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐศาสตร์
นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation : MOC) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 58 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยฝ่ายไทย และญี่ปุ่น ได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร (กม.) รวมถึงเส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่ ในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศไทย การประชุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ และมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ และนำไปสู่ความสำเร็จของการดำเนินโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/2074820/
ไม่มีเรื่องไหนที่รอดสายตาลุงตู่ไปได้เลยค่ะ
ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป....
🧡มาลาริน🧡เกิดในยุคลุงตู่อีกเรื่องค่ะ...“ไทย-ญี่ปุ่น” ลุยรถไฟไฮสปีด ประเดิมเฟสแรก “กทม.-พิษณุโลก
ไทย-ญี่ปุ่น” ลุยร่วมสร้างรถไฟไฮสปีด “กรุงเทพ-เชียงใหม่” ประเดิมเฟสแรกถึง “พิษณุโลก” 380 กม. ผลศึกษาสรุปคุ้มค่าการลงทุน EIRR 17.3% สูงกว่าเกณฑ์ NPV เป็นบวกตลอด
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ผู้แทนฝ่ายไทย ประกอบด้วย ขร. สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ประชุมหารือด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กับผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (MLIT) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาผลการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงความร่วมมือในอนาคต ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมด้านเทคนิคฯ วันที่ 14 ธ.ค. 65 ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นได้นำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์ทางตรง และทางอ้อม โดยพบว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 17.3% สูงกว่าเกณฑ์ 12% มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV) เป็นบวกตลอดระยะเวลาดำเนินการ จึงก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐศาสตร์
นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation : MOC) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 58 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยฝ่ายไทย และญี่ปุ่น ได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร (กม.) รวมถึงเส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่ ในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศไทย การประชุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ และมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ และนำไปสู่ความสำเร็จของการดำเนินโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2074820/
ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป....