สำหรับตลาดรถยนต์แบบ Eco Car ในประเทศไทยนั้น เรียกได้ว่ามีให้เลือกอยู่หลายรุ่น แต่ว่าหนึ่งในนั้น ที่โดดเด่นในเรื่องของราคาที่จับต้องได้ง่ายเป็นพิเศษก็คือ Suzuki Celerio ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 328,000 บาทเท่านั้น และในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปิดตัว All New Celerio เวอร์ชั่นใหม่ ที่ประเทศอินเดียไปแล้ว เลยมีการคาดการณ์ว่า มันก็มีลุ้นในการเปิดตัวในไทยในงาน Motor Show 2023 นี้ด้วย
ตัวรถ All New Suzuki Celerio โฉมใหม่นั้น มีไฮไลท์ที่สำคัญก็คือ จะได้รับการปรับปรุงในเรื่องของมิติตัวรถ ทั้งภายนอกและภายใน ให้มันมีความกว้างใหญ่ขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ด้วยความยาว 3,695 มม. กว้าง 1,655 มม. และสูง 1,555 มม. รวมไปถึงระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,435 มม. ด้วย
ด้านงานออกแบบดีไซน์ภายนอกของตัวรถ ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกันใหม่เช่นกัน ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบภายในห้องโดยสารใหม่ด้วย และยังมีการติดตั้งจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วมาให้ มีฟีเจอร์อย่างระบบกุญแจรีโมท พร้อมปุ่ม Push Start การล็อกรถและปลดล็อกแบบสัมผัส ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน และระบบเบรกจะเป็นแบบ ABS ที่ทำงานร่วมกับระบบ EBD
ทางด้านขุมกำลังเครื่องยนต์ของตัวรถรุ่นนี้ จะมาในพิกัด 1.0 ลิตร แบบเบนซิน 3 สูบ โดยทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันแบบ VVT ให้แรงม้าสูงสุดที่ 65 HP ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 88 Nm ที่ 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งขุมกำลังตรงนี้ก็จะเน้นการขับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ถึงจะไม่หวือหวามาก แต่ก็เพียงพอต่อการขับขี่ในลักษณะนี้ โดยมีการเคลมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันไว้ว่า มันทำได้สูงสุดถึงประมาณ 26 กม. / ลิตร ด้วยกัน
เราคงจะต้องมารอติดตามกันต่อไปว่า ตัวรถจะมีการเปิดตัวในไทยที่งาน Motor Show เดือนมีนาคมนี้กันจริงๆ หรือไม่ แต่คาดว่ามันจะมีราคาที่จับต้องได้ง่ายเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ หากมีความคืบหน้า ทางเราจะมาอัพเดทให้ทราบกันโดยเร็ว
ThaiDriving
ลุ้นเปิดตัว All New Suzuki Celerio ในไทย คาดราคาเริ่มสามแสนกว่าบาท ประหยัดน้ำมัน 26 กม./ลิตร!
ตัวรถ All New Suzuki Celerio โฉมใหม่นั้น มีไฮไลท์ที่สำคัญก็คือ จะได้รับการปรับปรุงในเรื่องของมิติตัวรถ ทั้งภายนอกและภายใน ให้มันมีความกว้างใหญ่ขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ด้วยความยาว 3,695 มม. กว้าง 1,655 มม. และสูง 1,555 มม. รวมไปถึงระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,435 มม. ด้วย
ด้านงานออกแบบดีไซน์ภายนอกของตัวรถ ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกันใหม่เช่นกัน ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบภายในห้องโดยสารใหม่ด้วย และยังมีการติดตั้งจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วมาให้ มีฟีเจอร์อย่างระบบกุญแจรีโมท พร้อมปุ่ม Push Start การล็อกรถและปลดล็อกแบบสัมผัส ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน และระบบเบรกจะเป็นแบบ ABS ที่ทำงานร่วมกับระบบ EBD
ทางด้านขุมกำลังเครื่องยนต์ของตัวรถรุ่นนี้ จะมาในพิกัด 1.0 ลิตร แบบเบนซิน 3 สูบ โดยทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันแบบ VVT ให้แรงม้าสูงสุดที่ 65 HP ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 88 Nm ที่ 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งขุมกำลังตรงนี้ก็จะเน้นการขับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ถึงจะไม่หวือหวามาก แต่ก็เพียงพอต่อการขับขี่ในลักษณะนี้ โดยมีการเคลมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันไว้ว่า มันทำได้สูงสุดถึงประมาณ 26 กม. / ลิตร ด้วยกัน
เราคงจะต้องมารอติดตามกันต่อไปว่า ตัวรถจะมีการเปิดตัวในไทยที่งาน Motor Show เดือนมีนาคมนี้กันจริงๆ หรือไม่ แต่คาดว่ามันจะมีราคาที่จับต้องได้ง่ายเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ หากมีความคืบหน้า ทางเราจะมาอัพเดทให้ทราบกันโดยเร็ว
ThaiDriving