ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หน้าแหกแตกเป็นริ้วอีกแล้ว "ชูวิทย์" มโนคุก VVIP นอนห้องแอร์-สูบบุหรี่ มีที่ไหนกัน
จากเรื่องเงินทอน 3 หมื่นล้าน ของงานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วมาถึงปฏิบัติการด้อยค่า กรรมการป.ป.ช. ที่ทั้งสองปมพิสูจน์ได้ด้วยความจริง ด้วยหลักฐาน ว่างานนี้ใครพูดจากลับกลอก มะกอกสามตะกร้ายังปาไม่ถูก
เรื่องจะจับโกหก "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" คนเมาแสง นี่ย่อมหาเจอได้ทุกวัน เพราะอย่างที่บอก ความจริงมีหนึ่งเดียว!!
อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน...มาว่ากันด้วยเรื่องที่ “ชูวิทย์” กล่าวหาว่าร้าย ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง "สนธิ ลิ้มทองกุล" อ้างว่า ตอนติดคุกอยู่ด้วยกัน ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลทำนั่นทำนี่ให้ เอาดีใส่ตัว ว่าตัวเองอยู่อย่างลำบาก แต่โยนชั่วให้คนอื่นว่า มีใครบางคนเป็น VVIP นอนห้องแอร์ สูบบุหรี่ ดูทีวีสบายใจ
อดีตเจ้าของอาบอบนวด พูดจากำๆ กวมๆ ตามสไตล์ อาศัยเคยติดคุกเข้าๆ ออกๆ สถานกักขัง คิดเองเออเองเสร็จสรรพว่า มโนยังไงก็ไม่มีใครจับได้ เชื่อว่าคนต้องเชื่อแน่ เพราะมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง
แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือ?
ล่าสุด "สิทธิ สุธีวงศ์" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ แจกแจงข้อเท็จจริงไว้ ดังนี้
ข้อแรก การสูบบุหรี่ในเรือนจำ ก่อนปีพ.ศ.2561 มีการอนุญาตให้ผู้ต้องขังสูบบุหรี่ หรือยาเส้นได้ แต่จำกัดพื้นที่และเวลา เมื่อขึ้นเรือนนอนแล้วห้ามสูบโดยเด็ดขาด จนกระทั่งในปี พ.ศ.2562 ได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยกำหนดให้เรือนจำ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่ และห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบในเรือนจำ และยกเลิกการสูบบุหรี่ในเรือนจำโดยเด็ดขาด ไม่มีการจำหน่าย และเป็นเรือนจำปลอดบุหรี่ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ หากมีการลักลอบเกิดขึ้นเป็นความผิดทางกฎหมาย และผู้ที่ลักลอบนำเข้าจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุด
ข้อที่สอง ประเด็นเรื่องการมีแอร์สำหรับห้องนอน VIP ในเรือนจำ ข้อเท็จจริงมีว่า ห้องนอนของผู้ต้องขังในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ เป็นห้องนอนพัดลมทั้งหมด ไม่มีแอร์ สำหรับห้องใดเป็นการเฉพาะโดยเด็ดขาด
ข้อที่สาม การรับชมรายการโทรทัศน์ ได้มีการจัดให้ผู้ต้องขังสามารถรับชมรายการต่างๆ ได้ ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะหลังขึ้นเรือนนอน หรือวันหยุด ตามที่ได้กลั่นกรองคัดเลือกรายการที่มีสาระประโยชน์ เพื่อพัฒนาความรู้และคลายความเครียด ตลอดจนมีการสวดมนต์พร้อมกัน เป็นประจำทุกวัน ไม่ได้มีผู้ต้องขังรายหนึ่งรายใดที่สามารถเปิดทีวีรับชมรายการได้เป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น กรมราชทัณฑ์ยืนยันในข้อเท็จจริงว่า ได้ดูแลชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังทุกคนพึงได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของเรือนจำ (SOPs) โดยคำนึงถึงกรอบของกฎหมายและหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด
นี่ละความจริงมีหนึ่งเดียว...หน้าแหกแตกเป็นริ้วอีกแล้วนะ..Chuweed.
เรื่องจับโกหกพกลม จับแพะชนแกะ กุเรื่อง ข่มขู่ผู้อื่นของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ยังมีมาก เพราะนิสัยที่ฝังอยู่ในกมลสันดานประจานตัวเองออกมาเรื่อยๆ.. งานนี้ก็ขอได้ติดตามกันต่อไป
** “ลุงป้อม”ตัดใจ“สมศักดิ์-สุริยะ”ย้ายพรรค บอกไปก็ไป ไม่รู้จะทำยังไง
เรื่องของ “สมศักดิ์ -สุริยะ” แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” จะย้ายจาก “พรรคลุงป้อม” ไปสังกัดพรรคเพื่อไทย กลับมาอยู่ในกระแสข่าวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม เคยออกมาพูดถึงการย้ายพรรคของสมาชิกในกลุ่มว่า เหมือนการ “ออกเรือน” ไปเติบโต ไปสร้างอนาคตของตนเอง โดย “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม ได้ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนแล้ว
ช่วงนั้น “สมศักดิ์” ยืนยันว่าจะยังอยู่กับ“ลุงป้อม” ที่พรรคพลังประชารัฐ... ต่อมาเมื่อถูกถามอีก คราวนี้ออกแนวแทงกั๊ก ว่ายังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ...จากนั้นก็บอกว่า ขึ้นอยู่กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม หนึ่งในแกนนำกลุ่ม จะเป็นคนตัดสินใจ แบบว่าไปไหนไปกัน ... เมื่อไปถาม “สุริยะ” ก็บอกว่าขึ้นอยู่กับ “สมศักดิ์” เป็นคนตัดสินใจ ไปไหนก็ไปกัน !!
เหตุที่ข่าวการย้ายพรรคของทั้งคู่ กลับมาอยู่ในกระแสข่าวอีกครั้ง ก็เนื่องจากหลังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ก็ปรากฏว่า ส.ส. และนักการเมืองใน “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งรับรู้กันว่าเป็น “เด็กของสมศักดิ์” ไปเปิดตัวเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อย่างเช่น “ชูศักดิ์ คีรีมาศทอง” ส.ส.สุโขทัย ยังมี “ภูดิท อินสุวรรณ์” ส.ส.พิจิตร “จักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล” อดีต ส.ส.สุโขทัย ไม่เว้นแม้แต่ “พรรณศิริ กุลนาถศิริ” ส.ส.สุโขทัย น้องสาวของสมศักดิ์เองด้วย
ขณะเดียวกันแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเดินสายเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ก็บอกใบ้ให้จับตา ว่าจะมีส.ส.คนดังมาเปิดตัวร่วมขบวนการแลนด์สไลด์ กับพรรคเพื่อไทยในเร็วๆนี้ ... สปอตไลต์ จึงฉายไปที่แกนนำกลุ่มสามมิตร แต่เมื่อไปถามขอความชัดเจนจาก “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้คำตอบว่า ยังไม่มีการคุยกัน
ล่าสุด “สมศักดิ์” พูดถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคว่า ได้มอบหมายให้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม เป็นผู้ดำเนินการ เพราะเสียงดังกว่าตนเอง ยกให้ท่านเลย ไปไหนก็ไปด้วยกัน...แต่ตอนนี้เราต้องรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อน ...พูดง่ายๆว่าตอนนี้ต้องทำหน้าที่รัฐมนตรี รอยุบสภาก่อน ถ้าจะย้าย ถึงเวลานั้นก็ยังทันถมเถ เพราะเมื่อยุบสภาต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมืองแค่ 30 วัน ก็มีคุณสมบัติในการสมัครแล้ว
ตอนท้าย “สมศักดิ์” บอกแบบไม่มีเหนียมว่า ถนัดที่จะเป็นรัฐบาลมากกว่าเป็นฝ่ายค้าน ส่วนครั้งนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ บอกได้แค่ว่าตั้งแต่เป็นส.ส.มา สะกดคำว่า“ฝ่ายค้าน”ไม่เป็น
หากวิเคราะห์ตามข้อมูลแวดล้อมว่า “สมศักดิ์ -สุริยะ” มีแนวโน้มมากแค่ไหนที่จะย้ายพรรค ก็ต้องบอกว่า “มาก” เพราะลูกน้อง บริวาร ย้ายไปรอที่บ้านหลังใหม่แล้ว
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ จะเสียหายมากหรือไม่ หากขาดแกนนำกลุ่มสามมิตรทั้งสองไป จำเป็นต้องยื้อไว้อย่าสุดชีวิตหรือไม่ คำตอบก็น่าจะ “ไม่”
ดูได้จากบทบาทในพรรคที่ผ่านมาของทั้งสอง โดย “สมศักดิ์” นั้นเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ส่วน“สุริยะ” ก็เป็นถึงรองหัวหน้าพรรค แต่การบริหารจัดการเพื่อเตรียมรับศึกเลือกตั้ง อย่างเช่นการเปิดตัว ติวเข้มว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคว่าควรหาเสียงอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เห็นมีแต่ “วิรัช รัตนเศรษฐ- สันติ พร้อมพัฒน์ -ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ -ไพบูลย์ นิติตะวัน- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นคนดำเนินการ
ส่วน “สมศักดิ์-สุริยะ” ใส่เกียร์ว่าง!!
กับกระแสข่าวการย้ายพรรคครั้งล่าสุดนี้ เมื่อ“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคถูกถาม แม้จะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังสงวนท่าทีแบบผู้ใหญ่ใจดี แบบคนที่มีวุฒิภาวะว่า... “ไปก็ไป ไม่รู้จะทำยังไง”
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าทั้ง “สมศักดิ์-สุริยะ” จะย้ายพรรค หรืออยู่กับ”ลุงป้อม” และหลังเลือกตั้งจะรักษาสถิติการเป็นรัฐบาลไว้ได้หรือไม่
https://www.facebook.com/photo/?fbid=682865113841929&set=a.520190890109353
ชูวิทย์หน้าแตก ลุงป้อม ตัดใจบอก สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปก็ไป
**หน้าแหกแตกเป็นริ้วอีกแล้ว "ชูวิทย์" มโนคุก VVIP นอนห้องแอร์-สูบบุหรี่ มีที่ไหนกัน
จากเรื่องเงินทอน 3 หมื่นล้าน ของงานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วมาถึงปฏิบัติการด้อยค่า กรรมการป.ป.ช. ที่ทั้งสองปมพิสูจน์ได้ด้วยความจริง ด้วยหลักฐาน ว่างานนี้ใครพูดจากลับกลอก มะกอกสามตะกร้ายังปาไม่ถูก
เรื่องจะจับโกหก "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" คนเมาแสง นี่ย่อมหาเจอได้ทุกวัน เพราะอย่างที่บอก ความจริงมีหนึ่งเดียว!!
อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน...มาว่ากันด้วยเรื่องที่ “ชูวิทย์” กล่าวหาว่าร้าย ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง "สนธิ ลิ้มทองกุล" อ้างว่า ตอนติดคุกอยู่ด้วยกัน ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลทำนั่นทำนี่ให้ เอาดีใส่ตัว ว่าตัวเองอยู่อย่างลำบาก แต่โยนชั่วให้คนอื่นว่า มีใครบางคนเป็น VVIP นอนห้องแอร์ สูบบุหรี่ ดูทีวีสบายใจ
อดีตเจ้าของอาบอบนวด พูดจากำๆ กวมๆ ตามสไตล์ อาศัยเคยติดคุกเข้าๆ ออกๆ สถานกักขัง คิดเองเออเองเสร็จสรรพว่า มโนยังไงก็ไม่มีใครจับได้ เชื่อว่าคนต้องเชื่อแน่ เพราะมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง
แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือ?
ล่าสุด "สิทธิ สุธีวงศ์" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ แจกแจงข้อเท็จจริงไว้ ดังนี้
ข้อแรก การสูบบุหรี่ในเรือนจำ ก่อนปีพ.ศ.2561 มีการอนุญาตให้ผู้ต้องขังสูบบุหรี่ หรือยาเส้นได้ แต่จำกัดพื้นที่และเวลา เมื่อขึ้นเรือนนอนแล้วห้ามสูบโดยเด็ดขาด จนกระทั่งในปี พ.ศ.2562 ได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยกำหนดให้เรือนจำ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่ และห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบในเรือนจำ และยกเลิกการสูบบุหรี่ในเรือนจำโดยเด็ดขาด ไม่มีการจำหน่าย และเป็นเรือนจำปลอดบุหรี่ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ หากมีการลักลอบเกิดขึ้นเป็นความผิดทางกฎหมาย และผู้ที่ลักลอบนำเข้าจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุด
ข้อที่สอง ประเด็นเรื่องการมีแอร์สำหรับห้องนอน VIP ในเรือนจำ ข้อเท็จจริงมีว่า ห้องนอนของผู้ต้องขังในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ เป็นห้องนอนพัดลมทั้งหมด ไม่มีแอร์ สำหรับห้องใดเป็นการเฉพาะโดยเด็ดขาด
ข้อที่สาม การรับชมรายการโทรทัศน์ ได้มีการจัดให้ผู้ต้องขังสามารถรับชมรายการต่างๆ ได้ ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะหลังขึ้นเรือนนอน หรือวันหยุด ตามที่ได้กลั่นกรองคัดเลือกรายการที่มีสาระประโยชน์ เพื่อพัฒนาความรู้และคลายความเครียด ตลอดจนมีการสวดมนต์พร้อมกัน เป็นประจำทุกวัน ไม่ได้มีผู้ต้องขังรายหนึ่งรายใดที่สามารถเปิดทีวีรับชมรายการได้เป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น กรมราชทัณฑ์ยืนยันในข้อเท็จจริงว่า ได้ดูแลชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังทุกคนพึงได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของเรือนจำ (SOPs) โดยคำนึงถึงกรอบของกฎหมายและหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด
นี่ละความจริงมีหนึ่งเดียว...หน้าแหกแตกเป็นริ้วอีกแล้วนะ..Chuweed.
เรื่องจับโกหกพกลม จับแพะชนแกะ กุเรื่อง ข่มขู่ผู้อื่นของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ยังมีมาก เพราะนิสัยที่ฝังอยู่ในกมลสันดานประจานตัวเองออกมาเรื่อยๆ.. งานนี้ก็ขอได้ติดตามกันต่อไป
** “ลุงป้อม”ตัดใจ“สมศักดิ์-สุริยะ”ย้ายพรรค บอกไปก็ไป ไม่รู้จะทำยังไง
เรื่องของ “สมศักดิ์ -สุริยะ” แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” จะย้ายจาก “พรรคลุงป้อม” ไปสังกัดพรรคเพื่อไทย กลับมาอยู่ในกระแสข่าวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม เคยออกมาพูดถึงการย้ายพรรคของสมาชิกในกลุ่มว่า เหมือนการ “ออกเรือน” ไปเติบโต ไปสร้างอนาคตของตนเอง โดย “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม ได้ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนแล้ว
ช่วงนั้น “สมศักดิ์” ยืนยันว่าจะยังอยู่กับ“ลุงป้อม” ที่พรรคพลังประชารัฐ... ต่อมาเมื่อถูกถามอีก คราวนี้ออกแนวแทงกั๊ก ว่ายังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ...จากนั้นก็บอกว่า ขึ้นอยู่กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม หนึ่งในแกนนำกลุ่ม จะเป็นคนตัดสินใจ แบบว่าไปไหนไปกัน ... เมื่อไปถาม “สุริยะ” ก็บอกว่าขึ้นอยู่กับ “สมศักดิ์” เป็นคนตัดสินใจ ไปไหนก็ไปกัน !!
เหตุที่ข่าวการย้ายพรรคของทั้งคู่ กลับมาอยู่ในกระแสข่าวอีกครั้ง ก็เนื่องจากหลังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ก็ปรากฏว่า ส.ส. และนักการเมืองใน “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งรับรู้กันว่าเป็น “เด็กของสมศักดิ์” ไปเปิดตัวเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อย่างเช่น “ชูศักดิ์ คีรีมาศทอง” ส.ส.สุโขทัย ยังมี “ภูดิท อินสุวรรณ์” ส.ส.พิจิตร “จักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล” อดีต ส.ส.สุโขทัย ไม่เว้นแม้แต่ “พรรณศิริ กุลนาถศิริ” ส.ส.สุโขทัย น้องสาวของสมศักดิ์เองด้วย
ขณะเดียวกันแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเดินสายเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ก็บอกใบ้ให้จับตา ว่าจะมีส.ส.คนดังมาเปิดตัวร่วมขบวนการแลนด์สไลด์ กับพรรคเพื่อไทยในเร็วๆนี้ ... สปอตไลต์ จึงฉายไปที่แกนนำกลุ่มสามมิตร แต่เมื่อไปถามขอความชัดเจนจาก “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้คำตอบว่า ยังไม่มีการคุยกัน
ล่าสุด “สมศักดิ์” พูดถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคว่า ได้มอบหมายให้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม เป็นผู้ดำเนินการ เพราะเสียงดังกว่าตนเอง ยกให้ท่านเลย ไปไหนก็ไปด้วยกัน...แต่ตอนนี้เราต้องรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อน ...พูดง่ายๆว่าตอนนี้ต้องทำหน้าที่รัฐมนตรี รอยุบสภาก่อน ถ้าจะย้าย ถึงเวลานั้นก็ยังทันถมเถ เพราะเมื่อยุบสภาต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมืองแค่ 30 วัน ก็มีคุณสมบัติในการสมัครแล้ว
ตอนท้าย “สมศักดิ์” บอกแบบไม่มีเหนียมว่า ถนัดที่จะเป็นรัฐบาลมากกว่าเป็นฝ่ายค้าน ส่วนครั้งนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ บอกได้แค่ว่าตั้งแต่เป็นส.ส.มา สะกดคำว่า“ฝ่ายค้าน”ไม่เป็น
หากวิเคราะห์ตามข้อมูลแวดล้อมว่า “สมศักดิ์ -สุริยะ” มีแนวโน้มมากแค่ไหนที่จะย้ายพรรค ก็ต้องบอกว่า “มาก” เพราะลูกน้อง บริวาร ย้ายไปรอที่บ้านหลังใหม่แล้ว
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ จะเสียหายมากหรือไม่ หากขาดแกนนำกลุ่มสามมิตรทั้งสองไป จำเป็นต้องยื้อไว้อย่าสุดชีวิตหรือไม่ คำตอบก็น่าจะ “ไม่”
ดูได้จากบทบาทในพรรคที่ผ่านมาของทั้งสอง โดย “สมศักดิ์” นั้นเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ส่วน“สุริยะ” ก็เป็นถึงรองหัวหน้าพรรค แต่การบริหารจัดการเพื่อเตรียมรับศึกเลือกตั้ง อย่างเช่นการเปิดตัว ติวเข้มว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคว่าควรหาเสียงอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เห็นมีแต่ “วิรัช รัตนเศรษฐ- สันติ พร้อมพัฒน์ -ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ -ไพบูลย์ นิติตะวัน- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นคนดำเนินการ
ส่วน “สมศักดิ์-สุริยะ” ใส่เกียร์ว่าง!!
กับกระแสข่าวการย้ายพรรคครั้งล่าสุดนี้ เมื่อ“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคถูกถาม แม้จะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังสงวนท่าทีแบบผู้ใหญ่ใจดี แบบคนที่มีวุฒิภาวะว่า... “ไปก็ไป ไม่รู้จะทำยังไง”
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าทั้ง “สมศักดิ์-สุริยะ” จะย้ายพรรค หรืออยู่กับ”ลุงป้อม” และหลังเลือกตั้งจะรักษาสถิติการเป็นรัฐบาลไว้ได้หรือไม่
https://www.facebook.com/photo/?fbid=682865113841929&set=a.520190890109353