“สนธิ” ย้อนรอย “คดีรื้อบาร์เบียร์” ถ.สุขุมวิท เมื่อปี 2546 ศาลฎีกาพิพากษาบบรเทาโทษจำคุก “ชูวิทย์” เหลือ 2 ปี จากที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินไว้ 5 ปี เพราะจำเลยสำนึกผิด รับปากจะนำที่ดินไปทำเป็นสวนสาธารณะเรียกว่า “สวนชูวิทย์”
แต่ทุกวันนี้ไม่มีสวนแล้ว เพราะที่ดินถูกนำไปสร้างตึกสูง 51 ชั้น ในโครงการมิกซ์ยูสมูลค่านับหมื่นล้านบาท ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 3 มี.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ
ได้พูดถึงคดีรื้อบาร์เบียร์ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง เคยตกเป็นจำเลยและถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกันระหว่างนายชูวิทย์ กับนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงาน พรรครวมไทยสร้างชาติ
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืด ของวันที่ 26 มกราคม 2546
ชายฉกรรจ์นับร้อยคน แต่งกายด้วยชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮ บุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ตั้งอยู่บนพื้นที่ สุขุมวิทสแควร์
พังราบคาบ โดยกลุ่มนายทุน ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านของผู้เช่าเดิม เพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ทางธุรกิจ
พนักงานสอบสวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดเมื่อ 13 มีนาคม 2546 ทั้งหมดให้การปฏิเสธ
หนึ่งในผู้ต้องหาคือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ต่อมาอัยการส่งฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกเวลากลางคืน กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องผู้ต้องหาเกือบทั้งหมด
ต่อมา 11 กันยายน ปี 2555 ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ระบุ นายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ กับพวก รวม 66 คน มีความผิดจริง ฐานทำให้เสียทรัพย์และใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน พิพากษาจำคุกคนละ 5 ปี ไม่รอลงอาญา
ในที่สุดศาลฎีกา พิพากษาในเดือนมกราคม 2559 ตัดสินลงโทษจำคุก นายชูวิทย์ และพวก 2 ปี ลดจาก 5 ปี ศาลฎีกา พิพากษาแก้ โดยเห็นว่า หลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์ กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหาย จนผู้เสียหายบางส่วนพอใจ และหลังจากที่นำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
“หลังศาลฎีกาตัดสิน นายชูวิทย์ กับพวก เข้าไปรับโทษในเรือนจำ ปี 2559 ซึ่งก็เป็นช่วงที่ผมเข้าเรือนจำพอดี ถึงไปรู้จักกัน เจอกัน เสธ.หิ ต้องจบชีวิตราชการ โดนถอดยศ เข้าคุกไปด้วย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันขนาดนั้น แล้วเขาบอกว่าคุณกับ เสธ.หิ ไม่สนิทกัน ผมไม่เชื่อหรอกครับ" นายสนธิกล่าว
“ที่สำคัญ มาถึงตรงนี้แล้วผมจะให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณชูวิทย์ คุณชูวิทย์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เห็นใจ เพราะตัดสินใจเอาที่ดินพิพาทนั้นมาทำเป็นสวนชูวิทย์ ขอความเมตตาจากศาล บอกว่า จะให้เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นสวนสาธารณะ ให้คนทั่วไปใช้งาน ไม่แสวงหาผลกำไร” นายสนธิกล่าว
วันที่ 24 ธันวาคม 2548 นายชูวิทย์แถลงเปิดสวนชูวิทย์ บอกว่า “ผมเคยบอกจะสร้างสวนสาธารณะให้เป็นปอดของ กทม. ต้องการให้เป็นตัวอย่างกับคนที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้านบาท ว่าตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ เหรียญบาท เงินปากผี สัปเหร่อยังเอาไปเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยวางแผนจะใช้พื้นที่นี้สร้างโรงแรมระดับสี่ดาว และจ่ายค่าออกแบบไปแล้ว 30 ล้านบาท แต่ก็ยกเลิกโครงการดังกล่าว
จน ศาลฎีกา บรรเทาโทษให้คุณเพราะนายชูวิทย์ให้คำมั่นสัญญากับศาลว่า
จะเอาที่ดินทำสวนสาธารณะ สะท้อนว่ารู้สึกสำนึกผิด
จึงกำหนดโทษจำคุกแค่ 2 ปี นายชูวิทย์ถูกจำคุกได้ไม่ถึงปี หลุดออกมา ปัจจุบันสวนชูวิทย์ไม่มีแล้ว เพราะถูกก่อสร้างเป็น Tenth Avenue โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีความสูง 51 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน ประกอบด้วย
อาคารสถานพยาบาล
อาคารสำนักงาน
โรงแรม
สถานศึกษา
พื้นที่พาณิชยกรรม
พื้นที่ค้าปลีก ชอปปิ้ง
ประเมินว่าจะสร้างมูลค่าให้ที่ดินผืนนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน พัฒนาบริหารการขายในนาม เดวิส คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทของคุณชูวิทย์ และบริษัท เทนธ์ อเวนิว ของตระกูลกมลวิศิษฎ์ เจ้าของที่ดิน
“บาร์เบียร์ที่ให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อลดโทษคำพิพากษา มีผลเป็นที่ดินสาธารณะเพียงไม่กี่ปี พอพ้นโทษออกมาก็ยุบเอามาทำประโยชน์ของตัวเอง คุณชูวิทย์ครับ นี่เป็นสันดานที่แท้จริงของคุณหรือเปล่า”
“ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คุณชูวิทย์ การที่คุณให้สัญญากับศาลว่าคุณจะเอาที่ดินมาทำสวนสาธารณะโดยไม่มีข้อกำหนดเวลานั้น สวนสาธารณะนั้นต้องตกเป็นสมบัติของกรุงเทพมหานคร ผมถามอะไรคุณอย่างนะว่า ระหว่างสวนสาธารณะของคุณ กับเขากระโดง คุณเนวิน ชิดชอบ มันต่างกันตรงไหน ต่างกันตรงที่ว่าพื้นที่ของเขากระโดงมันใหญ่กว่า แต่มูลค่าของที่ดินของคุณที่คุณให้สัญญากับศาลว่าเป็นสวนสาธารณะ เป็นหมื่นๆ ล้าน คุณชูวิทย์ อย่าปากว่าตาขยิบสิ ถ้าคุณด่าเนวินเรื่องเขากระโดง คุณก็ไม่ได้ดีกว่าคุณเนวินเขาสักเท่าไรนักหรอก เชื่อผมสิ” นายสนธิ กล่าว
เรื่องเกี่ยวเนื่อง “สนธิ” จัดเต็มให้ “ชูวิทย์” อย่ามาทะลึ่ง! ใช้สันดานมโน-รับงาน ลั่นตัดขาดพี่น้อง
ที่มา : NEWS1
https://www.facebook.com/photo?fbid=679998144128626&set=a.520190890109353 
คดีรื้อบาร์เบียร์ ย้อนรอยเสี่ยอ่างหลอกศาล รับปากจะนำที่ดินไปทำ “สวนชูวิทย์”
ได้พูดถึงคดีรื้อบาร์เบียร์ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง เคยตกเป็นจำเลยและถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกันระหว่างนายชูวิทย์ กับนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงาน พรรครวมไทยสร้างชาติ
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืด ของวันที่ 26 มกราคม 2546
ชายฉกรรจ์นับร้อยคน แต่งกายด้วยชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮ บุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ตั้งอยู่บนพื้นที่ สุขุมวิทสแควร์
พังราบคาบ โดยกลุ่มนายทุน ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านของผู้เช่าเดิม เพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ทางธุรกิจ
พนักงานสอบสวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดเมื่อ 13 มีนาคม 2546 ทั้งหมดให้การปฏิเสธ
หนึ่งในผู้ต้องหาคือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ต่อมาอัยการส่งฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกเวลากลางคืน กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องผู้ต้องหาเกือบทั้งหมด
ต่อมา 11 กันยายน ปี 2555 ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ระบุ นายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ กับพวก รวม 66 คน มีความผิดจริง ฐานทำให้เสียทรัพย์และใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน พิพากษาจำคุกคนละ 5 ปี ไม่รอลงอาญา
ในที่สุดศาลฎีกา พิพากษาในเดือนมกราคม 2559 ตัดสินลงโทษจำคุก นายชูวิทย์ และพวก 2 ปี ลดจาก 5 ปี ศาลฎีกา พิพากษาแก้ โดยเห็นว่า หลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์ กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหาย จนผู้เสียหายบางส่วนพอใจ และหลังจากที่นำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
“หลังศาลฎีกาตัดสิน นายชูวิทย์ กับพวก เข้าไปรับโทษในเรือนจำ ปี 2559 ซึ่งก็เป็นช่วงที่ผมเข้าเรือนจำพอดี ถึงไปรู้จักกัน เจอกัน เสธ.หิ ต้องจบชีวิตราชการ โดนถอดยศ เข้าคุกไปด้วย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันขนาดนั้น แล้วเขาบอกว่าคุณกับ เสธ.หิ ไม่สนิทกัน ผมไม่เชื่อหรอกครับ" นายสนธิกล่าว
“ที่สำคัญ มาถึงตรงนี้แล้วผมจะให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณชูวิทย์ คุณชูวิทย์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เห็นใจ เพราะตัดสินใจเอาที่ดินพิพาทนั้นมาทำเป็นสวนชูวิทย์ ขอความเมตตาจากศาล บอกว่า จะให้เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นสวนสาธารณะ ให้คนทั่วไปใช้งาน ไม่แสวงหาผลกำไร” นายสนธิกล่าว
วันที่ 24 ธันวาคม 2548 นายชูวิทย์แถลงเปิดสวนชูวิทย์ บอกว่า “ผมเคยบอกจะสร้างสวนสาธารณะให้เป็นปอดของ กทม. ต้องการให้เป็นตัวอย่างกับคนที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้านบาท ว่าตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ เหรียญบาท เงินปากผี สัปเหร่อยังเอาไปเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยวางแผนจะใช้พื้นที่นี้สร้างโรงแรมระดับสี่ดาว และจ่ายค่าออกแบบไปแล้ว 30 ล้านบาท แต่ก็ยกเลิกโครงการดังกล่าว
จน ศาลฎีกา บรรเทาโทษให้คุณเพราะนายชูวิทย์ให้คำมั่นสัญญากับศาลว่า จะเอาที่ดินทำสวนสาธารณะ สะท้อนว่ารู้สึกสำนึกผิด จึงกำหนดโทษจำคุกแค่ 2 ปี นายชูวิทย์ถูกจำคุกได้ไม่ถึงปี หลุดออกมา ปัจจุบันสวนชูวิทย์ไม่มีแล้ว เพราะถูกก่อสร้างเป็น Tenth Avenue โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีความสูง 51 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน ประกอบด้วย
อาคารสถานพยาบาล
อาคารสำนักงาน
โรงแรม
สถานศึกษา
พื้นที่พาณิชยกรรม
พื้นที่ค้าปลีก ชอปปิ้ง
ประเมินว่าจะสร้างมูลค่าให้ที่ดินผืนนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน พัฒนาบริหารการขายในนาม เดวิส คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทของคุณชูวิทย์ และบริษัท เทนธ์ อเวนิว ของตระกูลกมลวิศิษฎ์ เจ้าของที่ดิน
“บาร์เบียร์ที่ให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อลดโทษคำพิพากษา มีผลเป็นที่ดินสาธารณะเพียงไม่กี่ปี พอพ้นโทษออกมาก็ยุบเอามาทำประโยชน์ของตัวเอง คุณชูวิทย์ครับ นี่เป็นสันดานที่แท้จริงของคุณหรือเปล่า”
“ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คุณชูวิทย์ การที่คุณให้สัญญากับศาลว่าคุณจะเอาที่ดินมาทำสวนสาธารณะโดยไม่มีข้อกำหนดเวลานั้น สวนสาธารณะนั้นต้องตกเป็นสมบัติของกรุงเทพมหานคร ผมถามอะไรคุณอย่างนะว่า ระหว่างสวนสาธารณะของคุณ กับเขากระโดง คุณเนวิน ชิดชอบ มันต่างกันตรงไหน ต่างกันตรงที่ว่าพื้นที่ของเขากระโดงมันใหญ่กว่า แต่มูลค่าของที่ดินของคุณที่คุณให้สัญญากับศาลว่าเป็นสวนสาธารณะ เป็นหมื่นๆ ล้าน คุณชูวิทย์ อย่าปากว่าตาขยิบสิ ถ้าคุณด่าเนวินเรื่องเขากระโดง คุณก็ไม่ได้ดีกว่าคุณเนวินเขาสักเท่าไรนักหรอก เชื่อผมสิ” นายสนธิ กล่าว
เรื่องเกี่ยวเนื่อง “สนธิ” จัดเต็มให้ “ชูวิทย์” อย่ามาทะลึ่ง! ใช้สันดานมโน-รับงาน ลั่นตัดขาดพี่น้อง
ที่มา : NEWS1
https://www.facebook.com/photo?fbid=679998144128626&set=a.520190890109353