นักกฎหมาย (ไม่ใช่นักกฎหมายที่เป็นกีกี้) นักวิชาการ (นี่ก็ไม่รวมพวกกีกี้) ประชาชนโดยทั่วไป (พวกแบกไม่เกี่ยว)
ไร้เสียง ไร้ปฏิกิริยา ไร้การแสดงความเห็น มีแต่ความเงียบ นิ่งดูดาย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทักษิณ
นั่นคือ หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ได้มีคำสั่งไต่สวนกรณีทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
ที่ตามปกติที่เคยเป็นมา นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนที่มีใจเป็นธรรม พิจารณาเรื่องราวด้วยเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง
ต้องออกมาแสดงความเห็นเชิงไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลฎีกาฯ ว่าไม่น่าถูกต้อง ไม่มีอำนาจ ไม่น่าเป็นไปตามหลักกฎหมาย
ศาลพิพากษาลงโทษทักษิณไปแล้ว จบอำนาจหน้าที่ของศาลแล้ว การควบคุมตัวทักษิณอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์แล้ว
ทักษิณจะโดนจำคุกหรือไม่ จะอะไรก็ตาม หากไม่เป็นไปตามคำพิพากษา ผู้รับผิดชอบคือกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่ศาล
หากราชทัณฑ์ทำผิดกฎหมาย เอื้อประโยชน์ทักษิณ ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ราชทัณฑ์ก็รับผิดไป
ทักษิณหากจะโดนด้วย ก็โดนเรื่องสนับสนุนให้ราชทัณฑ์ทำผิด ร่วมทำผิด อันเป็นความผิดใหม่
ศาลไม่สามารถเอาโทษเดิม หรือลงโทษใหม่ในคดีเดิมได้อีก
ศาลไม่มีอำนาจที่จะไต่สวน หรือพิพากษาอะไรได้อีกแล้ว หมดอำนาจหน้าที่ในคดีเดิมนั้นไปแล้ว
แต่เมื่อศาลใช้เหตุผลว่า ศาลมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เพราะศาลฎีกาฯใช้ระบบไต่สวน
ศาลจึงมีอำนาจไต่สวนได้เพราะ "ความปรากฎต่อศาล" จึงดูพิลึก
การไต่สวน ไต่สวนเมื่อมีคดีเกิดขึ้น และคดีต้องมีคู่ความ
แต่เรื่องนี้ คดีจบไปนานแล้ว และไม่ปรากฎคู่ความ แล้วศาลอาศัยอำนาจอะไรในการตั้งเรื่องไต่สวนเอง
.
ตั้งแต่ปี 2549 นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนโดยทั่วไป นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
จะแสดงความเห็นตลอดมาว่า ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม กฎหมายโดนบังคับใช้อย่างบิดเบือนเพื่อเอาผิดทักษิณ
หลายคนด้วยซ้ำ ที่ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ทักษิณ
แต่คราวนี้ มีแต่ความเงียบ เฉยเมย
ไม่มีปฏิกิริยาต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น เหมือนไม่มีใครเห็นใจทักษิณแล้ว
เพราะอะไร ?
คำตอบไม่ได้อยู่ในสายลม แต่เพราะตัวทักษิณเองนั่นแหละ
ทักษิณทำลายทุกอย่าง ทำลายกระบวนการประชาธิปไตย ทำลายกระบวนการคนเสื้อแดง ทำลายความหวังของประชาชน
ทอดทิ้งประชาชนที่ทักษิณเคยเรียกร้องให้ออกมาสู้เพื่อทักษิณ ทิ้งหลักการที่ทักษิณเองประกาศต่อสู้มาตลอดเกือบยี่สิบปี
ทักษิณไม่คำนึงถึงนักกฎหมาย นักวิชาการ นักการเมืองหลายต่อหลายคนต่อสู้เพื่อทักษิณ ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้บ้านเมือง
เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของทักษิณ
ความเมินเฉยต่อสถานการณ์ที่ทักษิณกำลังประสบอยู่ตอนนี้ จึงเกิดขึ้น
.
วันนี้ ดู ๆ สถานการณ์แล้ว หากหาทางเกี๊ยะเซียะไม่สำเร็จ มีแนวโน้มว่าจะโดนอีกรอบ
กลิ่นอายการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการล้มกระดานมีสูงมาก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการหาทางออกของใครบางคน
บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ไม่สน ขอเอาตัวรอดไว้ก่อน
วายป่วงชัด ๆ
ทักษิณไม่ตระหนัก เหลิง คิดว่าได้เป็นรัฐบาล มีอำนาจรัฐในมือ ก็จะสามารถกุมสภาพได้
อะไรไม่ได้ ก็จะค่อย ๆ เจรจา หาช่องทางรุกคืบ
ไม่มีทาง รัฐพันลึกเขารู้จักทักษิณชนิดเห็นไส้ทุกขด
อยากเป็นรัฐบาล เขาให้เป็น แต่เขาคุมศาล คุมองค์กรอิสระ สั่งกองทัพได้ กฎหมายอยู่ในกำมือเขา
การจะจัดการอะไรในประเทศนี้ ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ แต่ทักษิณไม่ยอมตระหนัก ยังคิดว่าจะสามารถมีอำนาจได้อย่างเคย
บ้านเมืองจึงป่วยไข้หนัก
และคนที่เคยเห็นใจ ช่วยเหลือทักษิณ จึงแค่รอดูชะตากรรมทักษิณเท่านั้นเอง
And in the end, The love you take is equal to the love You make
.
ตถตา
ความเงียบสนิทจากนักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนโดยทั่วไป
นักกฎหมาย (ไม่ใช่นักกฎหมายที่เป็นกีกี้) นักวิชาการ (นี่ก็ไม่รวมพวกกีกี้) ประชาชนโดยทั่วไป (พวกแบกไม่เกี่ยว)
ไร้เสียง ไร้ปฏิกิริยา ไร้การแสดงความเห็น มีแต่ความเงียบ นิ่งดูดาย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทักษิณ
นั่นคือ หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ได้มีคำสั่งไต่สวนกรณีทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
ที่ตามปกติที่เคยเป็นมา นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนที่มีใจเป็นธรรม พิจารณาเรื่องราวด้วยเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง
ต้องออกมาแสดงความเห็นเชิงไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลฎีกาฯ ว่าไม่น่าถูกต้อง ไม่มีอำนาจ ไม่น่าเป็นไปตามหลักกฎหมาย
ศาลพิพากษาลงโทษทักษิณไปแล้ว จบอำนาจหน้าที่ของศาลแล้ว การควบคุมตัวทักษิณอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์แล้ว
ทักษิณจะโดนจำคุกหรือไม่ จะอะไรก็ตาม หากไม่เป็นไปตามคำพิพากษา ผู้รับผิดชอบคือกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่ศาล
หากราชทัณฑ์ทำผิดกฎหมาย เอื้อประโยชน์ทักษิณ ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ราชทัณฑ์ก็รับผิดไป
ทักษิณหากจะโดนด้วย ก็โดนเรื่องสนับสนุนให้ราชทัณฑ์ทำผิด ร่วมทำผิด อันเป็นความผิดใหม่
ศาลไม่สามารถเอาโทษเดิม หรือลงโทษใหม่ในคดีเดิมได้อีก
ศาลไม่มีอำนาจที่จะไต่สวน หรือพิพากษาอะไรได้อีกแล้ว หมดอำนาจหน้าที่ในคดีเดิมนั้นไปแล้ว
แต่เมื่อศาลใช้เหตุผลว่า ศาลมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เพราะศาลฎีกาฯใช้ระบบไต่สวน
ศาลจึงมีอำนาจไต่สวนได้เพราะ "ความปรากฎต่อศาล" จึงดูพิลึก
การไต่สวน ไต่สวนเมื่อมีคดีเกิดขึ้น และคดีต้องมีคู่ความ
แต่เรื่องนี้ คดีจบไปนานแล้ว และไม่ปรากฎคู่ความ แล้วศาลอาศัยอำนาจอะไรในการตั้งเรื่องไต่สวนเอง
ตั้งแต่ปี 2549 นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนโดยทั่วไป นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
จะแสดงความเห็นตลอดมาว่า ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม กฎหมายโดนบังคับใช้อย่างบิดเบือนเพื่อเอาผิดทักษิณ
หลายคนด้วยซ้ำ ที่ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ทักษิณ
แต่คราวนี้ มีแต่ความเงียบ เฉยเมย
ไม่มีปฏิกิริยาต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น เหมือนไม่มีใครเห็นใจทักษิณแล้ว
เพราะอะไร ?
คำตอบไม่ได้อยู่ในสายลม แต่เพราะตัวทักษิณเองนั่นแหละ
ทักษิณทำลายทุกอย่าง ทำลายกระบวนการประชาธิปไตย ทำลายกระบวนการคนเสื้อแดง ทำลายความหวังของประชาชน
ทอดทิ้งประชาชนที่ทักษิณเคยเรียกร้องให้ออกมาสู้เพื่อทักษิณ ทิ้งหลักการที่ทักษิณเองประกาศต่อสู้มาตลอดเกือบยี่สิบปี
ทักษิณไม่คำนึงถึงนักกฎหมาย นักวิชาการ นักการเมืองหลายต่อหลายคนต่อสู้เพื่อทักษิณ ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้บ้านเมือง
เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของทักษิณ
ความเมินเฉยต่อสถานการณ์ที่ทักษิณกำลังประสบอยู่ตอนนี้ จึงเกิดขึ้น
วันนี้ ดู ๆ สถานการณ์แล้ว หากหาทางเกี๊ยะเซียะไม่สำเร็จ มีแนวโน้มว่าจะโดนอีกรอบ
กลิ่นอายการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการล้มกระดานมีสูงมาก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการหาทางออกของใครบางคน
บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ไม่สน ขอเอาตัวรอดไว้ก่อน
วายป่วงชัด ๆ
ทักษิณไม่ตระหนัก เหลิง คิดว่าได้เป็นรัฐบาล มีอำนาจรัฐในมือ ก็จะสามารถกุมสภาพได้
อะไรไม่ได้ ก็จะค่อย ๆ เจรจา หาช่องทางรุกคืบ
ไม่มีทาง รัฐพันลึกเขารู้จักทักษิณชนิดเห็นไส้ทุกขด
อยากเป็นรัฐบาล เขาให้เป็น แต่เขาคุมศาล คุมองค์กรอิสระ สั่งกองทัพได้ กฎหมายอยู่ในกำมือเขา
การจะจัดการอะไรในประเทศนี้ ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ แต่ทักษิณไม่ยอมตระหนัก ยังคิดว่าจะสามารถมีอำนาจได้อย่างเคย
บ้านเมืองจึงป่วยไข้หนัก
และคนที่เคยเห็นใจ ช่วยเหลือทักษิณ จึงแค่รอดูชะตากรรมทักษิณเท่านั้นเอง
And in the end, The love you take is equal to the love You make
ตถตา