เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเคยประสบพบเจอกับชีวิตครอบครัวแบบเรา ครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่แยกทางกัน บลาๆๆ เเละเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีปัญหาด้านครอบครัว เลยอยากเอามุมครอบครัวของเรามาแชร์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้อ่านเพราะเเค่อยากใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ระบายความในใจไปในตัว มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เรารู้สึกสบายใจที่ได้เล่ามันออกมา
เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่โตมาโดยพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ภาพที่เราเห็นก่อนที่พ่อแม่จะเเยกทางกันคือภาพที่แม่ทำร้ายร่างกายพ่อ เพราะจับได้ว่าพ่อมีผู้หญิงอื่น ซ้ำยังผู้หญิงคนนั้นมีลูกกับพ่อเรา มันเลยทำให้ตอนนั้นทุกอย่างมันพังทลายลง จากที่เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เคยมีความสุขกันเวลาได้ไปเที่ยว ตอนนี้มันกลับไม่มีสิ่งเหล่านั้นเเล้ว เราได้แต่ร้องไห้อยู่บนรถที่มองเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันอยู่ข้างนอก เราร้องไห้จนรู้สึกหมดเเรงจนเผลอหลับในรถ พอตื่นมาอีกเรากลับพบว่าไม่มีแม่ ไม่มีบ้านที่เราเคยอยู่ มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าและเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในบ้านของเขา เรากับน้องที่ตื่นมาไม่รู้ประสีประสาก็ได้แต่นั่งกอดกันตัวกลม และก็มีเสียงของพ่อพูดขึ้นว่าให้เราเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่ ด้วยความเป็นเด็กและเราก็ค่อนข้างเชื่อฟังพ่อเรากับน้องก็เลยเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่มาตลอด แรก ๆ เขาก็ปฏิบัติตัวกับเราดีแต่ไม่ถึงกับว่ามองเราเป็นลูกขนาดนั้น
จนเราเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็เริ่มเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงภายในบ้านหลังนี้มากยิ่งขึ้น คือ
1. เรากับน้องไม่เคยได้กินข้าวดีๆ สักมื้อ เวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ในตอนที่พ่อไม่อยู่บ้าน ในขณะที่น้องเลี้ยงได้กินข้าวกับหมูทอดชิ้นใหญ่ๆ เรากับน้องได้กินข้าวกับน้ำปลาคุกน้ำมันหมูที่แม่เลี้ยงทอดทิ้งไว้ ซึ่งเหลือเพียงเศษหมูกับน้ำมัน
2. เรากับน้องถูกทำร้ายร่างกายจากพี่เลี้ยงที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงบ่อยมากตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เหตุการณ์ที่เราจำฝังใจตอนนั้นคือ เขาเอาผ้ามาผูกคอน้องเราและลากออกจากบ้าน ซึ่งเราตกใจมากและรีบวิ่งเข้าไปช่วยน้องทันที สาเหตุที่น้องเราโดนแบบนั้นเพราะน้องเราทะเลาะกับน้องเลี้ยงจนพี่เลี้ยงมาเห็น เราสองคนในวันนั้นเลยได้อยู่นอกบ้านทั้งคืนจนกว่าพ่อจะกลับบ้าน เพราะเรากับน้องกลัวที่จะเข้าไปนั้น (เหตุการณ์เรื่องโดนทำร้ายต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้น เราฟ้องพ่อทุกครั้งพอพ่อรู้ก็เกิดการทะเลาะกับเเม่เลี้ยงอยู่ประจำ เเละภาพที่เราเห็นก็คือพ่อมักจะทำร้ายตัวเองมากกว่าตบตีไปที่อีกฝ่าย และมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนเรากับน้องสงสารพ่อและตกลงกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกกับเราและน้องก็จะเงียบไม่บอกพ่อ)
3. พ่อเราเริ่มกลับบ้านดึกขึ้นทุกวัน และพ่อเริ่มไปยุ่งกับผู้หญิงอื่น จนทำให้แม่เลี้ยงเอาความโกรธมาลงที่เรากับน้องอยู่เสมอ
4. ในช่วงที่แม่ของเราติดต่อมาหาเราในรอบแรกของปีที่ขาดการติดต่อ แม่ก็ได้ส่งของมาให้บ้าง และก็มักจะถูกแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงเอาไปใช้อยู่เป็นประจำ หนักสุดคือเอาชุดที่แม่เราส่งมาให้เอาไปเผาทิ้ง
จนเรากำลังขึ้นป.5 เรารู้สึกว่าทนไม่ไหวกับบ้านหลังนี้จึงตัดสินใจกันกับน้องหอบของจูงมือกันเดินไปตามถนนเพื่อเดินไปบ้านป้าที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นพ่อเราไม่รู้ว่าเราหนีออกจากบ้านมารู้อีกทีก็ตอนที่ป้าเราโทรบอกตอนที่เราถึงบ้านป้าแล้ว
เราอาศัยอยู่บ้านป้าร่วมกับลูกพี่ลูกน้องก็เหมือนจะราบรื่นดี แต่แล้วมันก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดเอาไว้ ในตอนที่แม่เรากลับมาหลังจากไปๆมาๆ นานหลายปี เรารู้สึกว่าแม่เราเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ใช่แม่คนเดิมที่เรารู้จัก เเม่เริ่มติดยา ติดการพนัน และมีนิสัยชอบขโมยของ ซึ่งนิสัยขโมยของของแม่มันยังเป็นเหตุการณ์ที่เรายังจำมันฝังใจก็คือ ในวันเกิดของเราแม่โกหกว่าจะเราไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เรา เเละเเม่ได้หยิบนาฬิกาเรือนหนึ่ง และชุดผ้าปูที่นอนออกมาจากห้างแห่งหนึ่ง และนำมาให้เราโดยเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เเม่มอบในในวันเกิดเป็นสิ่งที่ขโมยมา จนเรามารู้ตอนที่ตำรวจเดินมาจับตัวเเม่ไปและเราก็ขึ้นรถตำรวจนั้นไปด้วย แม่เราถูกขังอยู่ในห้องขังซึ่งมีเรานอนอยู่นอกห้องขังที่มีมือแม่กำชายเสื้อเราไว้เเน่น ในตอนนั้นแม่พูดเพียงกับเราว่าห้ามลุกไปไหน และถ้าใครให้ไปก็อย่าไป จนกว่าพ่อจะมา แม่พูดกับเราอยู่แบบนี้จนเราไม่ไปไหนทั้งที่พี่ตำรวจพยามบอกแม่ให้ปล่อยชายเสื้อเราและให้เราไปนอนบ้านพี่ตำรวจผู้หญิงก่อนระหว่างรอพ่อมาประกันตัวเเม่ในวันพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้นพ่อเราเดินทางมาประกันตัวแม่ เเละรับตัวเรากลับบ้านป้า ซึ่งต่อมาเเม่ก็ได้สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อยจนเหลวแหลก ฐานนะครอบครัวที่เคยพอมีพอกินกับหร่อยเหรอจนไม่มีจะกิน ที่ดินไม่เหลือสักที่ที่เป็นของเราต้องอาศัยคนอื่นอยู่ พ่อเราจากที่เป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างตอนนี้กลายเป็นลูกน้องรายได้วันละ300 ส่วนแม่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ติดยามากกว่าเดิมสติเริ่มไม่เป็นตัวเอง หนักสุดขู่จะฆ่าเรา
จนตอนนี้เราอยู่มหาลัยแม่ก็ยังทำตัวเเบบเดิมเที่ยวเตร่ไปวันๆ ขโมยของคนนู้นคนนี้ ทุกวันนี้เรารู้สึกลำบากใจเเละน้อยใจว่าทำไมครอบครัวเราต้องเป็นแบบนี้ เห็นพ่อแม่คนอื่นก็ได้แต่อิจฉาที่เขาดูรักลูกกันจังตัดภาพมาที่เรา ที่ตอนนี้หนีออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง เพราะอยากหนีไปให้ไกลจากแม่ เพราะแม่มักจะขอเงินเราบ่อยๆ เพื่อไปเล่นพนัน วันไหนไม่ได้ก็จะขโมยของไปขาย ทำลายข้าวของบ้าง จนเราต้องหนีออกมาจากที่แม่รู้ว่าเราอยู่ ตอนนี้เราทั้งรู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวที่ไม่สามารถพึ่งใครได้แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อและเเม่ รู้สึกท้อแท้เวลาที่เหนื่อยมากๆ หันไปไม่เจอใคร ไม่มีใครเป็นที่พักพึงได้เลย
นี่สินะที่เขาเรียกว่า “ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร”
เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่โตมาโดยพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ภาพที่เราเห็นก่อนที่พ่อแม่จะเเยกทางกันคือภาพที่แม่ทำร้ายร่างกายพ่อ เพราะจับได้ว่าพ่อมีผู้หญิงอื่น ซ้ำยังผู้หญิงคนนั้นมีลูกกับพ่อเรา มันเลยทำให้ตอนนั้นทุกอย่างมันพังทลายลง จากที่เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เคยมีความสุขกันเวลาได้ไปเที่ยว ตอนนี้มันกลับไม่มีสิ่งเหล่านั้นเเล้ว เราได้แต่ร้องไห้อยู่บนรถที่มองเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันอยู่ข้างนอก เราร้องไห้จนรู้สึกหมดเเรงจนเผลอหลับในรถ พอตื่นมาอีกเรากลับพบว่าไม่มีแม่ ไม่มีบ้านที่เราเคยอยู่ มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าและเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในบ้านของเขา เรากับน้องที่ตื่นมาไม่รู้ประสีประสาก็ได้แต่นั่งกอดกันตัวกลม และก็มีเสียงของพ่อพูดขึ้นว่าให้เราเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่ ด้วยความเป็นเด็กและเราก็ค่อนข้างเชื่อฟังพ่อเรากับน้องก็เลยเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่มาตลอด แรก ๆ เขาก็ปฏิบัติตัวกับเราดีแต่ไม่ถึงกับว่ามองเราเป็นลูกขนาดนั้น
จนเราเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็เริ่มเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงภายในบ้านหลังนี้มากยิ่งขึ้น คือ
1. เรากับน้องไม่เคยได้กินข้าวดีๆ สักมื้อ เวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ในตอนที่พ่อไม่อยู่บ้าน ในขณะที่น้องเลี้ยงได้กินข้าวกับหมูทอดชิ้นใหญ่ๆ เรากับน้องได้กินข้าวกับน้ำปลาคุกน้ำมันหมูที่แม่เลี้ยงทอดทิ้งไว้ ซึ่งเหลือเพียงเศษหมูกับน้ำมัน
2. เรากับน้องถูกทำร้ายร่างกายจากพี่เลี้ยงที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงบ่อยมากตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เหตุการณ์ที่เราจำฝังใจตอนนั้นคือ เขาเอาผ้ามาผูกคอน้องเราและลากออกจากบ้าน ซึ่งเราตกใจมากและรีบวิ่งเข้าไปช่วยน้องทันที สาเหตุที่น้องเราโดนแบบนั้นเพราะน้องเราทะเลาะกับน้องเลี้ยงจนพี่เลี้ยงมาเห็น เราสองคนในวันนั้นเลยได้อยู่นอกบ้านทั้งคืนจนกว่าพ่อจะกลับบ้าน เพราะเรากับน้องกลัวที่จะเข้าไปนั้น (เหตุการณ์เรื่องโดนทำร้ายต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้น เราฟ้องพ่อทุกครั้งพอพ่อรู้ก็เกิดการทะเลาะกับเเม่เลี้ยงอยู่ประจำ เเละภาพที่เราเห็นก็คือพ่อมักจะทำร้ายตัวเองมากกว่าตบตีไปที่อีกฝ่าย และมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนเรากับน้องสงสารพ่อและตกลงกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกกับเราและน้องก็จะเงียบไม่บอกพ่อ)
3. พ่อเราเริ่มกลับบ้านดึกขึ้นทุกวัน และพ่อเริ่มไปยุ่งกับผู้หญิงอื่น จนทำให้แม่เลี้ยงเอาความโกรธมาลงที่เรากับน้องอยู่เสมอ
4. ในช่วงที่แม่ของเราติดต่อมาหาเราในรอบแรกของปีที่ขาดการติดต่อ แม่ก็ได้ส่งของมาให้บ้าง และก็มักจะถูกแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงเอาไปใช้อยู่เป็นประจำ หนักสุดคือเอาชุดที่แม่เราส่งมาให้เอาไปเผาทิ้ง
จนเรากำลังขึ้นป.5 เรารู้สึกว่าทนไม่ไหวกับบ้านหลังนี้จึงตัดสินใจกันกับน้องหอบของจูงมือกันเดินไปตามถนนเพื่อเดินไปบ้านป้าที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นพ่อเราไม่รู้ว่าเราหนีออกจากบ้านมารู้อีกทีก็ตอนที่ป้าเราโทรบอกตอนที่เราถึงบ้านป้าแล้ว
เราอาศัยอยู่บ้านป้าร่วมกับลูกพี่ลูกน้องก็เหมือนจะราบรื่นดี แต่แล้วมันก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดเอาไว้ ในตอนที่แม่เรากลับมาหลังจากไปๆมาๆ นานหลายปี เรารู้สึกว่าแม่เราเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ใช่แม่คนเดิมที่เรารู้จัก เเม่เริ่มติดยา ติดการพนัน และมีนิสัยชอบขโมยของ ซึ่งนิสัยขโมยของของแม่มันยังเป็นเหตุการณ์ที่เรายังจำมันฝังใจก็คือ ในวันเกิดของเราแม่โกหกว่าจะเราไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เรา เเละเเม่ได้หยิบนาฬิกาเรือนหนึ่ง และชุดผ้าปูที่นอนออกมาจากห้างแห่งหนึ่ง และนำมาให้เราโดยเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เเม่มอบในในวันเกิดเป็นสิ่งที่ขโมยมา จนเรามารู้ตอนที่ตำรวจเดินมาจับตัวเเม่ไปและเราก็ขึ้นรถตำรวจนั้นไปด้วย แม่เราถูกขังอยู่ในห้องขังซึ่งมีเรานอนอยู่นอกห้องขังที่มีมือแม่กำชายเสื้อเราไว้เเน่น ในตอนนั้นแม่พูดเพียงกับเราว่าห้ามลุกไปไหน และถ้าใครให้ไปก็อย่าไป จนกว่าพ่อจะมา แม่พูดกับเราอยู่แบบนี้จนเราไม่ไปไหนทั้งที่พี่ตำรวจพยามบอกแม่ให้ปล่อยชายเสื้อเราและให้เราไปนอนบ้านพี่ตำรวจผู้หญิงก่อนระหว่างรอพ่อมาประกันตัวเเม่ในวันพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้นพ่อเราเดินทางมาประกันตัวแม่ เเละรับตัวเรากลับบ้านป้า ซึ่งต่อมาเเม่ก็ได้สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อยจนเหลวแหลก ฐานนะครอบครัวที่เคยพอมีพอกินกับหร่อยเหรอจนไม่มีจะกิน ที่ดินไม่เหลือสักที่ที่เป็นของเราต้องอาศัยคนอื่นอยู่ พ่อเราจากที่เป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างตอนนี้กลายเป็นลูกน้องรายได้วันละ300 ส่วนแม่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ติดยามากกว่าเดิมสติเริ่มไม่เป็นตัวเอง หนักสุดขู่จะฆ่าเรา
จนตอนนี้เราอยู่มหาลัยแม่ก็ยังทำตัวเเบบเดิมเที่ยวเตร่ไปวันๆ ขโมยของคนนู้นคนนี้ ทุกวันนี้เรารู้สึกลำบากใจเเละน้อยใจว่าทำไมครอบครัวเราต้องเป็นแบบนี้ เห็นพ่อแม่คนอื่นก็ได้แต่อิจฉาที่เขาดูรักลูกกันจังตัดภาพมาที่เรา ที่ตอนนี้หนีออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง เพราะอยากหนีไปให้ไกลจากแม่ เพราะแม่มักจะขอเงินเราบ่อยๆ เพื่อไปเล่นพนัน วันไหนไม่ได้ก็จะขโมยของไปขาย ทำลายข้าวของบ้าง จนเราต้องหนีออกมาจากที่แม่รู้ว่าเราอยู่ ตอนนี้เราทั้งรู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวที่ไม่สามารถพึ่งใครได้แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อและเเม่ รู้สึกท้อแท้เวลาที่เหนื่อยมากๆ หันไปไม่เจอใคร ไม่มีใครเป็นที่พักพึงได้เลย