เบาหวาน เป็นโรคที่ต้องระวังอย่างมาก เพราะหากคุมเบาหวานไม่ได้อาจป่วยเป็นโรคหัวใจ ป่วยเป็นโรคไตจนต้องฟอกเลือด
มีแผลที่เท้าแล้วไม่หายจนติดเชื้อต้องตัดขา
ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนโรคเบาหวานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจนะค่ะ
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ อาการเตือน ว่าคุณเป็นเบาหวานหรือยัง
สัญญาณเตือน...เสี่ยงโรค “เบาหวาน”
1.ปัสสาวะบ่อยมาก จากภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากไตไม่สามารถกรองน้ำตาลส่วนเกินกลับคืนสู่เลือดได้หมด
จึงปล่อยให้น้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ คนไข้เบาหวานจึงปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก เฉพาะเวลากลางคืน
2.คอแห้ง กระหายน้ำ เกิดจากร่างกายเสียน้ำไปกับการปัสสาวะบ่อยและในปริมาณมาก ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ
ส่งผลให้มีอาการคอแห้งกระหายน้ำบ่อย
3.หิวบ่อย กินจุ ร่างกายขาดพลังงาน จึงทำให้รู้สึกหิวบ่อยจนต้องกินมากขึ้นกว่าเดิม
4.น้ำหนักลด ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ และการขาดน้ำจากการปัสสาวะบ่อย
ร่างกายจึงจำเป็นต้องนำโปรตีนและไขมันที่เก็บสะสมไว้มาใช้แทน จนทำให้น้ำหนักตัวลดลงโดยที่คนไข้ม่รู้ตัวว่าเกิดจากการเป็นเบาหวาน
5.ชาปลายมือปลายเท้า เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย ส่งผลให้อวัยวะบางส่วนชา
หรืออาจมีอาการที่ใกล้เคียงกัน คือความรู้สึกจากการสัมผัสลดลงจนไม่เหลือความรู้สึกบริเวณปลายประสาท
6.แผลหายช้า เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนทำให้การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ เลือดจึงไม่สามารถหล่อเลี้ยงแผลได้เพียงพอ
กระบวนการในการซ่อมแซมร่างกายที่ผิดปกติ ส่งผลให้แผลหายช้า หากดูแลรักษาไม่ดีอาจกลายเป็นแผลเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
7.ตาพร่ามัว มองไม่ชัด สายตาที่พร่ามัวเกิดจากระดับของน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลคั่งในเลนส์ตา
และยังสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับดวงตาจนทำให้เส้นเลือดประสาทตา (Retina) ผิดปกติ โดยอาการตาพร่ามัวอาจรุนแรงจนถึงขั้นตาบอดได้
8.ผิวหนังแห้งและคัน เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน จึงปัสสาวะบ่อยจนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง หรือมีอาการคันตามผิวหนังโดยไม่พบรอยโรค
ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องของพันธุกรรมที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
คนที่มีครอบครัวสายตรง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้องที่เป็นท้องเดียวกันป่วยเป็นโรคเบาหวาน
รุ่นต่อมาก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้สูงกว่าคนทั่วๆ ไป
การใช้ชีวิตประจำวันที่เรานั้นอาจไม่ทันได้ให้ความสำคัญ หรือหลงลืมไป
ผู้ที่เป็นโรคอ้วนและมีน้ำหนักตัวเกิน ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ดื้อต่ออินซูลิน ไม่ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
เนื่องจากว่าการออกกำลังกายนั้นจะช่วยทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ต่างๆ ไวต่อการนำน้ำตาลไปใช้
รวมถึงยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดได้ดี อายุ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นเบาหวานก็มีมากขึ้น
อาจมาจากระบบการทำงานของเซลล์ตับอ่อนเสื่อมถอย หรือขาดการออกกำลังกาย การมีไขมันในเลือดสูง การมีความดันโลหิตสูง
การดูแลตนเองเมื่อเป็นเบาหวาน เรียนรู้เรื่องเบาหวาน ควบคุมอาหาร รับประทานสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลาและจำกัดปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป
ฉีดยา และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งปริมาณและให้ตรงตามเวลาที่ควรได้รับ พบแพทย์ตามนัด
ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องรับประทานยาสำหรับโรคอื่น ๆ ร่วมด้วยเพราะยาเหล่านั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
ควรมีน้ำผลไม้ ลูกกวาด น้ำตาลก้อนติดตัวไว้กรณีฉุกเฉิน
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีอาการหรือสัญญาณเตือนเหล่านี้ ก็บ่งบอกได้ว่าน่าจะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอยู่
เมื่อสงสัยในความผิดปกติที่เกิดขึ้นร่างกาย จงอย่าชะล่าใจ
ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจ
คัดกรองเบาหวาน
จะได้ผลการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที
“โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรม รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย
ดูแลอาหารการกินให้ดี เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอก็ลดโอกาสที่จะไม่เป็นคนไข้เบาหวานได้แล้ว
คนที่เป็นเบาหวานส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีอาการของน้ำตาลในเลือดสูงเลย
การที่จะทราบว่าโรคเบาหวานจะเกิดกับเราหรือไม่ก็โดยการตรวจสุขภาพประจำปี
วินิจฉัยได้ต่อเมื่อได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานในปัจจุบันมีหลายวิธี
เช่นการวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มีค่ามากกว่า หรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อย่างน้อย 2 ครั้ง
หรือใช้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ช่วงเวลาใดก็ตามมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ร่วมกับมีอาการของน้ำตาลในเลือดสูง หรือการตรวจระดับ Hemoglobin A1C (HbA1C) มีค่าสูงผิดปกติ ค่ะ
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/DM.html
https://shorturl.asia/xFpcE
https://www.youtube.com/watch?v=lcN3aSoDF2M
อาการเตือน ว่าคุณเป็นเบาหวานหรือยัง
มีแผลที่เท้าแล้วไม่หายจนติดเชื้อต้องตัดขา
ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนโรคเบาหวานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจนะค่ะ
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ อาการเตือน ว่าคุณเป็นเบาหวานหรือยัง
สัญญาณเตือน...เสี่ยงโรค “เบาหวาน”
1.ปัสสาวะบ่อยมาก จากภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากไตไม่สามารถกรองน้ำตาลส่วนเกินกลับคืนสู่เลือดได้หมด
จึงปล่อยให้น้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ คนไข้เบาหวานจึงปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก เฉพาะเวลากลางคืน
2.คอแห้ง กระหายน้ำ เกิดจากร่างกายเสียน้ำไปกับการปัสสาวะบ่อยและในปริมาณมาก ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ
ส่งผลให้มีอาการคอแห้งกระหายน้ำบ่อย
3.หิวบ่อย กินจุ ร่างกายขาดพลังงาน จึงทำให้รู้สึกหิวบ่อยจนต้องกินมากขึ้นกว่าเดิม
4.น้ำหนักลด ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ และการขาดน้ำจากการปัสสาวะบ่อย
ร่างกายจึงจำเป็นต้องนำโปรตีนและไขมันที่เก็บสะสมไว้มาใช้แทน จนทำให้น้ำหนักตัวลดลงโดยที่คนไข้ม่รู้ตัวว่าเกิดจากการเป็นเบาหวาน
5.ชาปลายมือปลายเท้า เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย ส่งผลให้อวัยวะบางส่วนชา
หรืออาจมีอาการที่ใกล้เคียงกัน คือความรู้สึกจากการสัมผัสลดลงจนไม่เหลือความรู้สึกบริเวณปลายประสาท
6.แผลหายช้า เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนทำให้การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ เลือดจึงไม่สามารถหล่อเลี้ยงแผลได้เพียงพอ
กระบวนการในการซ่อมแซมร่างกายที่ผิดปกติ ส่งผลให้แผลหายช้า หากดูแลรักษาไม่ดีอาจกลายเป็นแผลเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
7.ตาพร่ามัว มองไม่ชัด สายตาที่พร่ามัวเกิดจากระดับของน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลคั่งในเลนส์ตา
และยังสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับดวงตาจนทำให้เส้นเลือดประสาทตา (Retina) ผิดปกติ โดยอาการตาพร่ามัวอาจรุนแรงจนถึงขั้นตาบอดได้
8.ผิวหนังแห้งและคัน เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน จึงปัสสาวะบ่อยจนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง หรือมีอาการคันตามผิวหนังโดยไม่พบรอยโรค
ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องของพันธุกรรมที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
คนที่มีครอบครัวสายตรง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้องที่เป็นท้องเดียวกันป่วยเป็นโรคเบาหวาน
รุ่นต่อมาก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้สูงกว่าคนทั่วๆ ไป
การใช้ชีวิตประจำวันที่เรานั้นอาจไม่ทันได้ให้ความสำคัญ หรือหลงลืมไป
ผู้ที่เป็นโรคอ้วนและมีน้ำหนักตัวเกิน ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ดื้อต่ออินซูลิน ไม่ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
เนื่องจากว่าการออกกำลังกายนั้นจะช่วยทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ต่างๆ ไวต่อการนำน้ำตาลไปใช้
รวมถึงยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดได้ดี อายุ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นเบาหวานก็มีมากขึ้น
อาจมาจากระบบการทำงานของเซลล์ตับอ่อนเสื่อมถอย หรือขาดการออกกำลังกาย การมีไขมันในเลือดสูง การมีความดันโลหิตสูง
การดูแลตนเองเมื่อเป็นเบาหวาน เรียนรู้เรื่องเบาหวาน ควบคุมอาหาร รับประทานสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลาและจำกัดปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป
ฉีดยา และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งปริมาณและให้ตรงตามเวลาที่ควรได้รับ พบแพทย์ตามนัด
ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องรับประทานยาสำหรับโรคอื่น ๆ ร่วมด้วยเพราะยาเหล่านั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
ควรมีน้ำผลไม้ ลูกกวาด น้ำตาลก้อนติดตัวไว้กรณีฉุกเฉิน
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีอาการหรือสัญญาณเตือนเหล่านี้ ก็บ่งบอกได้ว่าน่าจะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอยู่
เมื่อสงสัยในความผิดปกติที่เกิดขึ้นร่างกาย จงอย่าชะล่าใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจ คัดกรองเบาหวาน
จะได้ผลการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที
“โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรม รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย
ดูแลอาหารการกินให้ดี เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอก็ลดโอกาสที่จะไม่เป็นคนไข้เบาหวานได้แล้ว
คนที่เป็นเบาหวานส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีอาการของน้ำตาลในเลือดสูงเลย
การที่จะทราบว่าโรคเบาหวานจะเกิดกับเราหรือไม่ก็โดยการตรวจสุขภาพประจำปี
วินิจฉัยได้ต่อเมื่อได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานในปัจจุบันมีหลายวิธี
เช่นการวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มีค่ามากกว่า หรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อย่างน้อย 2 ครั้ง
หรือใช้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ช่วงเวลาใดก็ตามมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ร่วมกับมีอาการของน้ำตาลในเลือดสูง หรือการตรวจระดับ Hemoglobin A1C (HbA1C) มีค่าสูงผิดปกติ ค่ะ
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/DM.html
https://shorturl.asia/xFpcE
https://www.youtube.com/watch?v=lcN3aSoDF2M