Danube Sinkhole บริเวณที่แม่น้ำหายไป


1



ก้นแม่น้ำแห้ง Danube ที่ไหลลงโพรงน้ำ
ใกล้กับเมือง Immendingen
@ Markus Schweiß/Wikimedia



ระบบแม่น้ำในยุโรปมีความซับซ้อน/กว้างขวาง 
แม่น้ำสายหลัก 2 สาย ได้แก่ 
แม่น้ำไรน์และแม่น้ำดานูบ 
The Rhine and The Danube
แม้ว่าต้นธารจะไม่ใช่แหล่งที่ใกล้เคียงกัน
แต่ก็ไหลมาบรรจบกันในบริเวณเดียวกัน
แม่น้ำนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
จากการที่แม่น้ำส่วนหนึ่ง
หายตัวไปตามธรรมชาติ
จึงเป็นสถานที่ดึงดูดนักกวี/นักภูมิศาสตร์
มาหลายศตวรรษที่พยายามหาคำตอบ

แม่น้ำดานูบ (Donau ในภาษาเยอรมัน) 
มีต้นกำเนิดไม่ไกลจากเมือง Donaueschingen
ในบริเวณป่าดำของเยอรมัน
German Black Forest



2



Hohfelsen ใกล้กับ Seebach ใน Germany
พื้นที่ป่าดำโดยรอบ แต่เดิมเป็นแนวป้องกัน
ทางธรรมชาติ ป้องกันการบุกรุก/ยึดเมือง
ของพวกชนเผ่าเยอรมานิค กับชนเผ่าแฟรงค์



แม่น้ำไรน์ (Rhein ในภาษาเยอรมัน)
มีต้นกำเนิดตั้งอยู่ในใจกลาง
เทือกเขาแอลป์สวิส  Swiss Alps



3



ภาพถ่ายดาวเทียม Switzerland ต.ค.2002
พื้นที่ทางตอนเหนือของเทือกเขา Alps
เขตพื้นที่สูงราว 2,000 เมตร ปกคลุมด้วยหิมะ
เขตปกครองท้องถิ่น Ticino (ทางด้านตอนใต้)
แทบจะไม่มีหิมะในตอนต้นฤดูใบไม้ร่วง


4



Satellitenaufnahme vom Bodensee


5



Karte Bodensee


6


แผนที่ของสวิส



แม่น้ำดานูบไหลไปทางตะวันออก
ส่วนแม่น้ำไรน์ไหลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ไหลผ่านสวิตเซอร์แลนด์
และไหลเข้าสู่ทะเลสาบ Constance
ไปจนสุดทางตะวันออกเฉียงใต้

น้ำจากทะเลสาบจะไหลออกจาก
ปลายทางด้านตะวันออก
ไหลไปทางใต้ของแม่น้ำดานูบ
ประมาณ 120 กิโลเมตร
จนถึงเมือง Basel ของสวิส
แลัวหักเลี้ยว 90 องศามุ่งหน้าไปทางเหนือ



4



ที่  Aachtopf จุดที่แม่น้ำดานูบโผล่ขึ้นมา


5





ทะเลสาบ Constance จุดเชื่อมต่อ
ของแม่น้ำทั้งสองทั้งสองสายนี้
แม้ว่าแม่น้ำดานูบ
จะไม่เคยไหลเข้าสู่ทะเลสาบ
แต่ก็มีน้ำส่วนหนึ่งที่ไหลเข้ามา
แม้ว่าแม่น้ำดานูบที่เห็น
จะมีน้ำไหลเพียงด้านบน
ที่เห็นเพียง 23-24 กิโลเมตร
หลังจากนั้น  แม่น้ำดานูบก็หายไป

สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์นี้เรียกว่า
Donauversickerung
(ภาษาเยอรมัน หลุมยุบของแม่น้ำดานูบ)
อยู่ใกล้เมือง Immendingen
ที่ระดับความสูงประมาณ 673 เมตร
แม่น้ำส่วนหนึ่งจะไหลลงใน
โพรงน้ำใต้ดินแบบ Karst
ไหลผ่านแบบมุ่งตรงไปทางด้านทิศใต้ 



6


Versinkungsstellen 
der Donau bei Immendingen


7


Schluckloch am südlichen Donauufer
an der Hauptversinkungsstelle 
unterhalb von Immendingen


8



Bei Vollversinkung fällt das Bett 
der Donau vollständig trocken


9



Hinweisschild bei Immendingen
ป้ายบอกทางใน Immendingen 
ที่ระบุว่า หลุมยุบ – ที่นี่แม่น้ำดานูบ
ไหลลงจนแห้งประมาณ 155 วัน/ปี
© Holger Gruber / Wikimedia




(Karst topography) 
เป็นลักษณะภูมิประเทศ
ที่แสดงให้เห็นรูปแบบของการกัดกร่อน 
ในพื้นหินปูนและหินโดโลไมต์ 
ลักษณะภูมิประเทศยังเกิดจาก
การกระทำของน้ำในเนื้อหิน
และทางน้ำใต้พื้นผิวอีกด้วย



10


https://bit.ly/3y6pG4t


11




12



http://bit.ly/3mjfDq7



ครั้งแรกที่มีการบันทึกการหายไป
ของแม่น้ำดานูบโดยสิ้นเชิง คือ
ในปี ค.ศ. 1874
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการบันทึก
การหายตัวไป  ตั้งแต่ 29 วัน/ปี
จนถึง 309 ครั้ง (ครั้งหลังในปี ค.ศ. 1921)
จำนวนวันที่แม่น้ำหายไปโดยเฉลี่ยต่อปี
คือประมาณ 155 วัน
ส่วนใหญ่จะเป็นเดือนในฤดูร้อน

แม่น้ำไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
แม่น้ำส่วนหนึ่งยังคงไหลซึมเข้าไปในหลุมยุบ
ก่อนโผล่ขึ้นที่  Aachtopf
แม่น้ำส่วนที่เหลือยังคงไหลต่อไป
ข้ามครึ่งหนึ่งของยุโรปจนกระทั่งไหลลงสู่
ทะเลดำในโรมาเนีย Black Sea in Romania



A



แม่น้ำดานูบช่วงน้ำหลาก


B



แม่น้ำดานูบช่วงหน้าแล้ง


13



ทะเลดำในโรมาเนีย


14



ทะเลดำในโรมาเนีย



แม่น้ำที่หายไป ไหลลงข้างใต้/ด้านล่าง
ผ่านรอยแตกและรอยแยกเล็ก ๆ จำนวนมาก
และหลังจากนั้น 12 กิโลเมตร
ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งใน Aachtopf
ที่ระดับความสูงประมาณ 475 เมตร
ไหลมาจากระดับเดิมที่น้ำลงในหลุม/โพรงใต้ดิน
ที่ระดับความสูงประมาณ 673 เมตร

Aachtopf เป็นน้ำพุ ที่แต่เดิมคิดว่า
มีต้นกำเนิดจากแหล่งน้ำร้อนใต้ดิน
แต่แท้จริงแล้วเป็น แม่น้ำดานูบที่หายไป
ซึ่งโผล่ออกมาจากโพรง Karstic cavity
ด้วยปริมาณน้ำประมาณ 8,500 ลิตร/วินาที
Aachtopf เป็นน้ำพุแร่แห่งหนึ่งของเยอรมนี



15



น้ำพุ Aachtopf  ขึ้นบนผิวน้ำของแม่น้ำ


16



ภาพมุมกว้าง



จนถึงปี ค.ศ.1877
ความสัมพันธ์ระหว่างหลุมยุบ/โพรงน้ำใต้ดิน
กับน้ำพุ Aachtopf ยังเป็นที่สงสัย
แต่ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้

จนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ.1877
Adolf Knop นักธรณีวิทยา
จากสถาบันเทคโนโลยี Karlsruhe
Karlsruhe Institute of Technology
ได้ผสม Sodium fluorescein
(สีย้อมอินทรีย์) 10 กิโลกรัม
พร้อมด้วยเกลือ 20 ตัน
และน้ำมันจากหินน้ำมัน
Oil shale 1,200 กิโลกรัม
(น้ำมันที่ได้จากหินที่มีสารอินทรีย์สูง
ในอดีตใช้ทาฝาบ้าน/กระดาษ กันน้ำกันหนาว
มีในหนังสือบ้านเล็กในป่าใหญ่ ลอรา อังเคิลส์
และสกัดเป็นน้ำมันเครื่องยนต์ได้ส่วนหนึ่ง)

Adolf Knop ได้ผสมสารทั้งสามตัวนี้
เทลงในแม่น้ำดานูบตอนหนึ่ง
ก่อนแม่น้ำจะไหลถึงโพรงน้ำใต้ดิน
หลังจากผ่านไป 60 ชั่วโมง 
น้ำที่มีสีเขียวเรืองแสง
มีรสเค็ม มีคราบน้ำมันดิน
ก็ปรากฏขึ้นบนน้ำพุที่ Aachtopf 
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วว่า
เป็น แม่น้ำดานุบที่หายไป



17


Sodium fluorescein


18



19



Oil shale



ที่ Aachtopf น้ำจากแม่น้ำดานูบ
กลายเป็นแม่น้ำสายใหม่ชื่อ
Radolfzeller Aach
ซึ่งไหลลงสู่ทะเลสาบ Constance 
แม่น้ำที่ไหลออกจากทะเลสาบ
ก็คือ แม่น้ำไรน์

ด้วยวิธีทดลองทางวิทยาศาสตร์นี้
น้ำส่วนหนึ่งของแม่น้ำดานูบ
ที่ไหลลงสู่แม่น้ำไรน์
กลายเป็นลักษณะที่น่าสนใจ
และโดดเด่นของแอ่งน้ำ
อุทกศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป

แต่เรื่องใหญ่กว่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ในอนาคต
เส้นทางตอนบนของแม่น้ำดานูบ
ที่ไหลในปัจจุบันจะหันเหไปทาง
แม่น้ำ Radolfzeller Aach โดยสิ้นเชิง
แล้วจึงไหลไปทางแม่น้ำไรน์

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว
แหล่งที่มาใหม่ของแม่น้ำดานูบ
จะต้องอยู่ในแม่น้ำสาขาเล็ก ๆ
ที่ไหลลงสู่แม่น้ำผ่านหลุมยุบ/โพรงน้ำใต้ดิน
โดยเฉพาะที่แม่น้ำคราเฮนบาคและเอลตา
The Krähenbach and Elta

The Donauversinkung และแม่น้ำแห้ง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยม
ที่สามารถเดินเล่นไปมาได้ระหว่าง
กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกันยายน
ในช่วงเวลาหลายเดือนนี้
จะมีการตามล่าหาฟอสซิลยุคจูราสสิค
ที่ถูกกระแสน้ำพัดพามาจากที่ต่าง ๆ
และมองเห็นได้แบบหยิบจับได้/ต้องได้
ไม่ไกลเกือนเอื้อมสำหรับเด็ก ๆ
หรือมีไกด์นำเที่ยวเพื่อจุดประสงค์นี้



20



Mühlkanal der Radolfzeller Aach 
in Singen (Hohentwiel)


21



Mündung der Elta in die Donau




เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/3kB3Pzb
http://bit.ly/3yaeggd




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Johann Strauss II - The Blue Danube Waltz
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่