เมื่อเกิดปัญหา “ภัยความมั่นคงแบบใหม่” สารพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก จากเหมืองแร่ป่าต้นน้ำ กลไกภาครัฐของไทย จะเอาอยู่ไหม?

‘ปลาติดเชื้อเกิดตุ่มพอง’
‘งดสัมผัสน้ำโดยตรงไม่มีกำหนด’
‘ห้ามใช้น้ำทำกิจกรรมเกษตร’
.
กรณีตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกก สูงเกินค่ามาตรฐานเท่าตัว นำไปสู่ความเชื่อมโยงกับการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำ ประเทศเมียนมา และจนถึงตอนนี้กระทบผู้คนหลายหมื่นชีวิต ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม การประกอบอาชีพ ไปจนถึงสุขภาพประชาชน
.
เช่นทุกครั้ง เมื่อเกิดปัญหา ‘ภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่’ ซึ่งครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และซับซ้อนไปอีกขั้น เมื่อดูเหมือนต้นเรื่องจะอยู่ในพื้นที่ขัดแย้งฝั่งเมียนมา และอาจเกี่ยวพันกับกลุ่มทุนสร้างเหมือง ที่อาจเป็นทุนจีน หรือชาติอื่นๆ
.
เงียบเกินไปไหม? คำถามตัวโต เกิดขึ้นทั้งในและนอกพื้นที่ นับตั้งแต่ปัญหานี้ถูกฉายภาพผ่านภาพปลามีตุ่ม และเนื้องอก คล้ายกับปลาติดเชื้อ ที่ต่อมากรมประมงชี้แจงว่า ไม่ใช่ภาพที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ปัดตกหรือปฏิเสธ ข้อสันนิษฐานที่ว่า การที่ปลามีรูปร่างผิดแปลกไป มีความเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนสารหนู - ตะกั่วในแม่น้ำกกหรือไม่
.
นับตั้งแต่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ หรือ สคพ.1 เผยผลตรวจพบสารหนู ในแม่น้ำกก จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย สูงเกินค่ามาตรฐานเท่าตัว และรัฐบาลรับรู้ถึงความเชื่อมโยงกับการทำเหมือง
.
และปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแม่น้ำกก ยังรวมถึงแม่สาย นั่นจึงเท่ากับปัญหานี้กำลังขยายกว้าง ไม่ต่างกับเส้นทางน้ำสองสายนี้ที่ไปไหลร่วมสู่แม่น้ำโขง รัฐบาลมีความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ทั้งระบบ อย่างเป็นรูปธรรมมาน้อยแค่ใน รายการ TODAY LIVE โดยสำนักข่าวทูเดย์ มีโอกาสพูดคุยกับ ดร. สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม ม.แม่ฟ้าหลวง
.
[ตั้งต้นรู้จักเส้นทาง แม่น้ำกก-แม่น้ำสาย สู่แม่น้ำโขง]
.
อ.สืบสกุล เริ่มต้นอธิบายถึงเส้นทางของแม่น้ำกก ที่มีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ของเมียนมา ซึ่งเป็นรัฐที่มีเนื้อที่มากที่สุดของเขตการปกครอง เทียบเท่าประเทศกัมพูชาเลย โดยแม่น้ำกก เข้าสู่ประเทศไทย ที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ก่อนจะไหลผ่านกลางเมืองเชียงราย และอีกหลายอำเภอ ก่อนจะไหลลงแม่น้ำโขง ที่ชุมชนบ้านสบกก
.
ด้วยความยาว ราว 289 กม. ตามเส้นทางน้ำในเขตประเทศไทยนี้เอง ที่ทำให้แม่น้ำสายนี้
เกี่ยวข้องกับผู้คนหลายหมื่นชีวิต
.
ขณะที่ แม่น้ำสาย ก็มีต้นน้ำอยู่ที่รัฐฉานเช่นกัน แต่อยู่คนละพื้นที่ โดยไหลเข้าสู่ไทย บริเวณถ้ำผาจม ตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนกลายเป็นเส้นเขตแดนแบ่งพื้นที่สองประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแม่น้ำรวก ที่ไหลมาบรรจบกับเส้นทางน้ำสายนี้ ก่อนจะไหลลงแม่น้ำโขง ที่หมู่บ้านสบรวก ซึ่งเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่เรารู้จักกัน
.
เมื่อสายน้ำไหลรวมกัน จนกลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของสามประเทศ คือ ไทย เมียนมา ลาว  ในทางกลับกัน สารพิษที่ปนเปื้อนในน้ำครั้งนี้ จึงกลายเป็นปัญหาข้ามพรมแดนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะหากข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจน อ.สืบสกุล มองว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะสารอันตรายได้เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อาหารของมนุษย์แล้ว
.
[ข้อสังเกตโคลนมหาศาลและน้ำเปลี่ยนสี]
.
อ.สืบสกุล เล่าย้อนไปว่า กรณีแม่น้ำกกขุ่นข้น พบเห็นได้ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ ปี 2567 แล้ว เพียงแต่ประชาชนยังไม่เริ่มเอะใจ ทำให้กิจกรรมริมฝั่ง ทั้งการลงเล่นน้ำ และใช้บริการร้านอาหารริมแพ ยังเป็นที่นิยมเรื่อยมา
.
ก่อนที่ช่วงเดือน ก.ย. เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มวลน้ำที่มาพร้อม ‘โคลนมหาศาล’ จึงสร้างความแปลกใจ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นยังไม่มีข้อมูลของพื้นที่ป่าต้นน้ำแต่อย่างใด เมื่อเกิดข้อสงสัยและร้องเรียนจากชุมชน ฟากความมั่นคงจึงได้ทำหนังสือสอบถามไปที่รัฐฉาน แต่ได้คำตอบเบื้องต้นในตอนนั้น ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำเหมือง
.
อย่างไรก็ดี ด้วยวิถีชีวิตที่ผู้คนสองประเทศต่างไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องปกติ ชาวบ้านในพื้นที่จึงรับทราบข่าวการเปิดพื้นที่ทำเหมือง บริเวณติดกับแม่น้ำกก ระยะทางราว 30 กม. จากเขตแดนไทย โดยไม่มีระบบการควบคุมสารพิษใดๆ จากชาวบ้านรัฐฉานต่อเนื่อง และนั่นเองที่ทำให้เกิดการขยับตัวจากรัฐอย่างเป็นรูปธรรม
.
เป็นที่มาของเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จนพบการปนเปื้อนสารโลหะหนักหลายชนิด เกินค่ามาตรฐาน และนับว่าโชคยังดีที่การตรวจสอบเกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาลปีนี้ ทำให้ผู้ว่าราชการของทั้งสองจังหวัด ออกประกาศห้ามประชาชนลงเล่นน้ำ และใช้น้ำทำกิจกรรมได้พอดิบพอดี
.
แต่ปัญหา คือ ประกาศนี้จะยาวนานถึงตอนไหน เพราะไม่ใช้เพียงกิจกรรมสันทนาการที่กระทบ แต่น้ำเหล่านี้ยังใช้เพื่อการเกษตรอีกด้วย
.
อ.สืบสกุล ระบุว่า การตรวจสอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อม และควบคุมมลพิษที่ 1 ช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานเบื้องต้นได้อย่างหนึ่งว่า สารโลหะหนักที่พบมีความเชื่อมโยงกับแหล่งน้ำต้นทาง ไม่ใช่กิจกรรมในไทย เพราะไม่พบการปนเปื้อนในบริเวณที่แม่น้ำสายย่อยมาบรรจบกัน
.
อีกทั้งในช่วงการลงพื้นที่ อ.แม่สาย ของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ นายกฯ ก็ยังกล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากการทำเหมือง อยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่เป็นกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงกับจีน
.
[เอาไงต่อกับเหมืองแร่บริเวณต้นน้ำ?]
.
แม้ว่ากรณีสารพิษข้ามพรมแดน จะถูกยกขึ้นมาในวงกว้างไม่นานนี้ แต่ อ.สืบสกุล กล่าวถึงข้อมูลจากองค์กรภาคประชาสังคม ที่เกาะติดมากว่า 4-5 ปี จนพบที่ตั้งเหมืองแร่หลากชนิด กระจายอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้การดูแลของทั้งกองทัพสหรัฐว้า กลุ่มชาติพันธุ์ และรัฐบาลเมียนมา
.
“มีเหมืองจำนวนมากเปิดหน้าดินมหาศาล และพื้นที่ทั้งหมดลงสู่แม่น้ำโขงโดยตรง”
.
อ.สืบสกุล กล่าวว่า หากแม่น้ำโขงมีปัญหาน้ำขึ้นน้ำลง เกิดจากเขื่อนรัฐบาลจีน ไทยยังสามารถทำหนังสือต่อรองได้ แต่เรื่องเหมืองทับซ้อนกับเขตปกครองของกองกำลังติดอาวุธ จึงทำให้ปัญหานี้ซับซ้อนหนัก
.
ทั้งนี้ การเปิดเผยรายชื่อบริษัทผู้รับสัมปทานทำเหมือง ปรากฏชื่อว่าเป็นบริษัทจากเมียนมาเกือบทั้งหมด โดยมีกลุ่มทุนจีนร่วมอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจีน จึงหันไปหาประเทศที่มีความหละหลวม
.
ข้อสังเกตอีกประการ คือ ข้อมูลศุลกากรไทย มีรายงานตัวเลขการนำเข้าแร่ตะกั่ว และแมงกานีส อย่างสม่ำเสมอจนติด TOP10 สินค้านำเข้าจากเมียนมา อ.สืบสกุล จึงตั้งคำถามต่อว่า บริษัทใดนำเข้าแร่ ปลายทางอยู่ในไทย หรือส่งต่อไปประเทศที่ 3 กันแน่
.
อ.สืบสกุล กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องรู้ที่มาที่ไป และความเกี่ยวข้องของเหตุการณ์ปนเปื้อนทั้งหมด เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต้นทาง ไปจนถึงตามหาผู้รับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด อย่างที่ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.แม่ฟ้าหลวง เคยยกตัวอย่างการฟ้องร้อง ที่ใช้เป็นเครื่องมือให้สามารถยุติการทำเหมือง และเพื่อการเจรจาฟื้นฟูความเสียหาย
.
“อาจต้องคุยกับจีน เพราะมีอิทธิพลต่อกองทัพสหรัฐว้า เขามีความสัมพันธ์ดีกับรัฐบาลเมียนมา และสำคัญที่สุดเป็นผู้ทำเหมือง และซื้อแร่ในลำดับสุดท้าย แถมจีนยังมีกลไกความร่วมมือ แม่น้ำโขง-ล้านช้าง เขาเป็นหัวเรือใหญ่ เขาสำคัญมากถ้าต้องการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็เป็นโอกาสของเขาด้วย"
.
ถึงตอนนี้ อ.สืบสกุล มองว่า ไทยคงเลี่ยงที่จะเจรจาผ่านจีนได้ยาก หากต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง “ครั้งนี้ท้าทายมาก เพราะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ทางวิชาการเรียกว่าเป็นปัญหากับ ‘ความมั่นคงแบบใหม่’ ซึ่งไม่ใช่รูปแบบเดิม ก็ต้องใช้กลไกเพิ่มเติมในการคุย คำถามคือ รัฐบาลไทยจะมีท่าทีในการคุยกับชาติพันธุ์เหล่านี้อย่างไร”
.
“ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่า เหมืองทั้งหลายที่เข้าไปลงทุนเป็นบริษัทจากจีน จะถูกหรือไม่ถูกกฎหมาย รัฐบาลจีนก็ต้องรับผิดชอบ ยิ่งถ้าแร่เหล่านี้ถูกส่งกลับไปจีน ไม่ว่าจะผ่านเมียนมาหรือใช้ไทยเป็นทางผ่าน จีนก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี”
.
ในอนาคต อ.สืบสกุล มองว่า การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในเส้นทางน้ำ จะกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาค เพราะถ้าพบสารหนูสะสมในแม่น้ำโขง ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ในลุ่มแม่น้ำโขง บริโภคสัตว์น้ำจากแหล่งนี้ ทั้ง ลาว กัมพูชา เวียดนาม ต่างก็กลายเป็นผู้ได้รับความเสียหาย
.
เช่นนี้แล้ว ข้อเสนอว่าควรปิดและปรับปรุงเหมือง อาจไม่ได้แก้ปัญหาได้ เพราะบริษัทที่ลงทุนก็อาจไม่มีมาตรฐานตั้งแต่ต้น ดังนั้น การปิดเหมืองจึงเป็นทางออก
.
รัฐบาลยังคงใช้กลไกของรัฐปกติ ในการแก้ปัญหาขาดองค์กรที่มาดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษโดยตรง เห็น รมช.มหาดไทยลงมาเองแล้ว แต่ยังขาดหัวหอกเจรจา คนในพื้นที่ก็ไม่มั่นใจว่า ตกลงปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขอย่างไร

ขอบคุณข้อมูลจาก
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
.
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่