**รีวิวดอยทูเล 3 วัน 2 คืน สู่ 1 คืน 2 วัน ฉบับคนที่พึ่งเริ่มเข้าป่าครั้งแรก**
ประวัติคร่าว ๆ ของ "ดอยทูเล" หรืออีกชื่อคือ "ม่อนทูเล"
เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก ความสูงมากถึง 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว
สำหรับการมาพิชิตดอยทูเลนั้น จะต้องทำการติดต่อล่วงหน้ากับทางเจ้าหน้าที่ก่อน
โดยเบอร์ติดต่อ คือ 088-428-8790 (รายละเอียดส่วนนี้เราไม่ทราบมาก เพราะเพื่อนเราเป็นคนติดต่อจองให้ค่ะ)
และทางดอยทูเลจะเปิดให้นักเดินทางไปพิชิตในช่วง "ตุลาคมเป็นต้นไปของทุกปี"
หรือสามารถติดตามข่าวสารได้จากเพจ "ดอยทูเล" ทาง Facebook ได้เลยค่ะ
เส้นทางในการพิชิตดอยทูเล
ทางเจ้าหน้าที่จะให้เลือกว่าจะค้าง 1 คืน หรือ 2 คืนก็ได้ค่ะ และทางขึ้นจะมี 2 ทางคือ 1. ขึ้นทางทูเล 2. ขึ้นทางม่อนคลุย
และทางลงก็มี 2 ทางเช่นกันค่ะ คือ 1. ลงทางทูเล 2. ลงทางม่อนคลุย
ของเรานั้นได้เลือกขึ้นทางทูเลและลงทางทูเลค่ะ และต้องบอกก่อน ว่าก่อนมา เราไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยค่ะ
ว่าการขึ้นทั้งสองแบบนี้ มันต่างกันอย่างไร แต่หลังจากไปมาแล้ว และได้ไปศึกษาอย่างละเอียด ค้นพบว่า
1. ขึ้นทางทูเล จะลำบากกว่าขึ้นทางม่อนคลุยมากเพราะชันมากกว่าค่ะ
2. ขึ้นทางม่อนคลุย จะเหมาะสำหรับคนที่พึ่งมาเดินป่าแรก ๆ มากกว่าค่ะ
3. ลงทางทูเล ก็จะลำบากกว่าเช่นกันเนื่องจากทางขึ้นชันอย่างไรทางลงก็ชันอย่างนั้นเลยค่ะ
4. ลงทางม่อนคลุย ก็จะเหมาะสำหรับคนที่พึ่งมาเดินป่าแรก ๆ เช่นกันค่ะ
ในทริปครั้งนี้เราเดินทางโดยการขับรถยนต์ส่วนตัวไปกันเองค่ะ ใช้ระยะเวลา
10-12 ชั่วโมงค่ะ
และทางไปยากลำบากมากมายค่ะ มีทางโค้งน่าหวาดเสียวเยอะมาก ถ้าขับรถไม่แข็ง เช่น เรา
ไม่แนะนำเลยค่ะ!
หรือถ้าหากเช่าหรือเหมารถตู้ เราแนะนำให้สอบถามเขาก่อน
ว่ามีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาไหมค่ะ
เพื่อความปลอดภัยในการมานะคะ
*จุดเริ่มต้น*
- เราทุกคนต้องเดินทางไปที่ อบต.ท่าสองยางสำหรับเตรียมตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนค่ะ
และใครที่ขับรถยนต์มาก็สามารถเอามาจอดตรงนี้ได้เช่นกันค่ะ ทางเราก็ได้นำรถไปจอดไว้ตรงนี้ค่ะ
- ต่อมาทางเราก็จะนั่งรถกะบะเพื่อไปยังจุดที่เริ่มเดินและทางลูกหาบก็จะรออยู่ตรงนั้นค่ะ
- พอจัดของให้ลูกหาบคนละไม่เกิน 20 กิโลกรัมเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลยค่ะ
โดยทางเรานั้นได้เลือกขึ้นทางทูเลค่ะ โดยทางขึ้นก็จะมีเหล่าน้องวัวมาต้อนรับค่ะ
น้องวัว: ดีจ้า มนุดดด
- และก็มีน้องหมาเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
น้องหมา: เดินเร็ว ๆ มนุดดด เรานอนรอแล้วนะ
- เมื่อเริ่มเดินไปประมาณ 500 เมตรแรกนี่แหละค่ะ ก็จะพบทางชันเต็มไปหมด
ทางราบแทบจะไม่มีให้เดินกันเลยแหละค่ะ
ขนาดแค่เริ่มนะคะ!!!!
- และเมื่อผ่านไปประมาณ 1 กิโลเมตรแรกได้แล้วนั้น
ก็ยังไม่พบทางราบใด ๆ ค่ะ ทางชันและชันมากก็ยังมีให้เห็นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ
จะชันจนเราแก่เฒ่ากันเลยมั้งค่ะ (ในใจเราประมาณนี้เลยค่ะตอนนั้น)
**จุดเปลี่ยน**
- จากนั้นทางเราก็ได้ทำการบอกเพื่อน ๆ ทุกคนว่า "เราจะกลับ เราไม่ไหวแล้ว เอาเราลงป๊ายยยยยยย"
ใช่ค่ะ 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้นแหละค่ะ ที่ดิฉันจะกลับลงมาให้ได้
เพราะคิดว่าถ้าเดินต่อไปอีก 3 4 5 กิโล ดิฉันตุยแน่นอนค่ะ!!!!!
- แต่ว่าพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ร่วมทริปก็ได้ให้กำลังใจและสนับสนุนกันให้ไปต่อเต็มที่
เราก็โอเค ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขับรถมา 10 ชั่วโมง เตรียมตัวเตรียมใจมา 1-2 เดือน
จะมาถอดใจอะไรกับกิโลแรก และอย่างที่เขาบอกกันว่า
"แรก ๆ อะไรก็มักจะยากเสมอ"
ก็เลยตัดสินใจ
"ไปต่อค่ะ" (ยังนะคะ ยังไปต่อนะคะ ยังไม่รู้สะแล้วว่าชันช่วงแรกนี่ มันแค่เริ่มค่ะ!)
- ไปต่อแล้ว ไปต่ออีก จาก 1 โล เป็น 2 โล เป็น 3 โล เป็น 4-5 โล
และจาก 2 ชม. เป็น 3 ชม. เป็น 4-5 ชม. ก็ยังไม่มีวี่แววจะถึงค่ะ
คุณพระ!
และระยะทางก็ชันและชันและชันขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะมันเป็นการข้ามเขา 4-5 ลูกเลยทีเดียว
-
แต่ค่ะแต่ ความยากมันยังมีมาเรื่อย ๆ ค่ะ เมื่อเรานั้นได้เกิดอาการเป็นตะคริว
ต้องคอยนวดและฉีดยามาแทบทั้งทาง แถมเพื่อนที่มาด้วยก็ได้ขาพลิกอีกค่ะ
อากาศก็ไม่เป็นใจ ร้อนและลมน้อยมาก ๆ แถมคุณผึ้งก็ยังบินตามเต็มไปหมด
และมี 1 ในเพื่อนของเราโดนต่อยอีกค่ะ ขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่หายนะมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ค่ะ
- และความบรรลัยก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะน้ำก็เริ่มหมดค่ะ
และด้วยความเดินช้าของพวกเราทั้ง 4 เอง ก็ทำให้ตามเพื่อน ๆ ไม่ทัน
จึงไม่สามารถขอน้ำจากใครได้เลย เป็นอะไรแย่มากจริง ๆ ค่ะ
ตอนนั้นทั้งตาลาย ทั้งหูอืด เห็นอะไรเป็นแหล่งน้ำ เป็นน้ำตก เป็นได้ยินเสียงน้ำกันไปหมดค่ะ
(แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรสักอย่างที่ว่าเลยนะคะ)
***จุดเปลี่ยน 2***
- พอเริ่มเย็นน่าจะราว ๆ บ่าย 3 จะบ่าย 4 ได้ ทางเราและเพื่อนอีก 3 คน ก็แทบจะหมดแรงกายและแรงใจแล้วค่ะ
และขาเพื่อนที่พลิกก็เจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราทั้ง 4 จึงตัดสินใจ
"กลับ เราต้องกลับ เราไม่ไหว"
คืออย่างน้อยขอกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่สามารถอยู่ถึง 2 คืนได้จริง ๆ
"ดอยทูเลและเพื่อน ๆ ร่วมทริป พวกเราขอโทษนะ"
- แต่ก่อนจะกลับได้ มันก็จะต้องผ่านจุดวัดใจกันสักหน่อยใช่ไหมคะ
และใช่ค่ะ ก่อนถึงจุดตั้งแคมป์หรือกางเต้นท์
ความชันมันราว ๆ 90 องศาเลยทีเดียวค่ะ
เรากับเพื่อนนี่คลานขึ้นมาไม่พอ แทบจะเอาฟันกัดหินช่วยเป็นแขนหรือขาที่ 5 เลยทีเดียวค่ะ
- จากนั้นเราก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่และเพื่อน ๆ ในทริป และตกลงปลงใจกันว่าจะกลับกันทุกคนค่ะ
จึงได้มีการพูดคุยปรึกษากันว่าจะลงทางไหน เพราะทางคลุยหลวงนั้นจะไกลกว่าแต่การเดินนั้นสะดวกสบายกว่า
แต่เนื่องจากว่าในช่วงนี้มีไฟไหม้และอากาศก็ร้อนมาก
ทางพี่ ๆ ลูกหาบก็แจ้งว่า
"ถ้าให้ผมแนะนำกลับทางทูเลทางเดิมดีกว่าครับ"
จึงเป็นการขึ้นทางทูเลและลงทางทูเลตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นค่ะ
****จุดสิ้นสุดทางเดินทาง****
- และแล้วเช้าวันใหม่อีกวันก็มาถึง การลงนั้นถือว่าง่ายกว่าการขึ้นสำหรับเราค่ะ
แต่ค่ะแต่ มีแต่นะคะ สำหรับเราที่น้ำในหูไม่เท่ากันแล้ว แทบจะลื่นทั้งทางเลยค่ะ
คือมีการลื่นที่ไม่ถึงกับล้มนี่มากถึง 20++ กันเลยทีเดียว และการลื่นแบบล้มอีก 4-5 ครั้งค่ะ
กล่าวได้ว่า แม้จะสามารถลงมาได้แบบไม่ทรมาณทรกรรมเท่าวันแรก
แต่เพื่อนที่ขาพลิกนั้นก็ได้มีการขาพลิกอีกรอบ ส่วนเราที่ลื่นแทบจะตลอด
ก็เรียกได้ว่า
สาหัญสากันมาก ๆ ค่ะ
และแม้จะกลับมาได้สำเร็จ แต่สำหรับพวกเรายัยตะคริวกับยัยขาพลิกนั้น เรียกได้ว่า "เข็ด"
และคงจะเข็ดกับการขึ้นเขา เข้าป่า เยือนห้วยหนองคลองบึง หรืออะไรทำนอง ๆ นี้ไปอีกนานเลยค่ะ
เรียกได้ว่าแค่ได้ยินอะไร "ที่เกี่ยวกับการขึ้นเขา" ก็สะดุ้งกันเลยทีเดียวค่ะ !
รีวิวพร้อมให้คะแนนฉบับคนที่พึ่งเริ่มเข้าป่าครั้งแรก (ความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะคะ)
- ความลำบาก 100/10 ค่ะ (ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่แบบเรามาก ๆ ค่ะ)
ต้องบอกก่อนว่าก่อนมา เราทราบอยู่บ้างแล้วนะคะ ว่าการเดินขึ้นดอยทูเลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่อาจจะด้วยความคิดน้อยของเราเอง ทำให้คิดว่าตัวเองออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ร่างกายชินกับความเหนื่อยล้า
ตัวเองก็จะไหว และสามารถเดินขึ้นเขาได้ แต่ผลก็ตามที่เห็นค่ะ
"ไม่ไหวนะคะ"
**ดังนั้นสำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินป่าเลย อาจจะต้องเตรียมตัวกันดี ๆ ในระดับหนึ่งเลยค่ะ**
และที่สำคัญการประเมินตนเองก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เหมือนกันค่ะ
เราเป็นคนที่มีโรคประจำตัวค่ะ ทั้งเลือดจาง, กระเพาะ, กรดไหลย้อน, ลำไส้อักเสบ ฯลฯ
แต่เราคิดว่า เราไหวและโรคประจำตัวเองเรานั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ในการเดินป่าค่ะ
แต่ก็คงเป็นเพราะความคิดน้อยของเราเองอีกนี่แหละค่ะ
ต้องบอกเลยว่า สำหรับคนที่เป็นโรคเหมือน ๆ กับเรา
อาจจะต้องลองประเมินตนเองกันดูให้ถี่ถ้วนก่อนว่า
"ตัวเองมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนสำหรับการเดินป่าเดินเขาค่ะ"
สุดท้าย เราอยากเตือนถึงสิ่งที่จะตามมานอกเหนือจากอาการปวดขา, ปวดน่อง,
รวมถึงรอยแผลจากการถูกขีดข่วนหรือแมลงกัดต่อยแล้ว
สิ่งที่เราเป็นต่อมาอีก คือ อาการถ่ายเป็นเลือด, ท้องเสีย, และมีอาการอาเจียนเพิ่มเติมมาด้วยค่ะ
แถมเพื่อนเรายัยขาพลิกก็มีอาการเลือดออกจมูกในวันต่อมาด้วยค่ะ
เรียกได้ว่าเก็บครบหมดทุกอาการป่วยจริง ๆ ค่ะพวกเรา (ตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ)
**ฉะนั้นเราขอย้ำกับเพื่อน ๆ ที่เป็นหน้าใหม่ในการเดินป่าเหมือนกันอีกครั้งเลยนะคะ
ว่าขอให้สำรวจตัวเองให้ดี ๆ ค่ะ ขอเอาเหตุการณ์ของเราที่เจอมาเป็นอุทาหรณ์ไว้เลยค่ะ **
- ความสวยงาม 10/10 ค่ะ
สำหรับคนที่เป็นสายธรรมชาติ สายเขียว พลังใบไม้ ใบไผ่ หรือพลังหมอกและควันต่าง ๆ
คงชอบ หลงใหล และปลาบปลื้ม หากได้มาพบกับบรรยายกาศของดอยทูเลแห่งนี้แน่นอนค่ะ
- ความชัน 9/10 ค่ะ
สำหรับเราคือชันมากค่ะ และลองถามเพื่อนที่ไปภูกระดึงมาแล้ว เพื่อนก็บอกว่าชันกว่าค่ะ
(และสำหรับพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ก็สามารถแชร์กันมาได้นะคะ)
- ความสะดวกสบาย 8/10 ค่ะ
บนดอยทูเลมีห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ, และก็อกน้ำประปา แต่ต้องกรองก่อนจะดื่มได้นะคะ
แต่ทางลงมาห้องน้ำจะชันในระดับหนึ่งเลยค่ะ หากกางเต้นท์ไว้ไกลจากห้องน้ำ
ก็ระมัดระวังในการลงมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืนด้วยนะคะ
เพราะกลางคืนมืดมาก เราล้มหน้าทิ่มไปหลายรอบเลยค่ะ
เรียกได้ว่าต่อให้อาบน้ำไปแล้ว ยังไงก็ไม่สะอาดค่ะ ฮ่า ๆ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- ค่าน้ำมันไป-กลับรวมทางด่วน ราว ๆ คนละ 1,200 บาท (ระยะทางจากม.เกษตร บางเขน -> อบต.ท่าสองยาง)
- ค่าทริป 3 วัน 2 คืน (รถกะบะ, ลูกหาบ, ของกินต่าง ๆ) ราว ๆ คนละ 2,000 บาท
- จิปาถะ (ทิปลูกหาบหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) กดเงินสดติดตัวไว้ประมาณ 1,000 บาทน่าจะพอแบบเหลือ ๆ ค่ะ
**รวม ๆ แล้วก็ตกคนละ 4,200 บาทค่ะ **
สำหรับเราแล้วการได้มาและได้รับประสบการณ์เช่นนี้กลับไป
"ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เลยค่ะ"
เพราะคงหาความรู้สึกแบบนี้ ประสบการณ์แบบนี้ ไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วค่ะ
และถ้าไม่ได้มาลองเอง ก็คงคิดหรือคาดไม่ถึงเลยค่ะ ว่าตัวเองมีลิมิตขนาดไหน
(กรณีเรานี่เรียกว่าแทบจะไม่มีเลยค่ะ ฮ่า ๆ)
- สุดท้ายแล้วก็อยากจะขอโทษเพื่อนร่วมทริปทุกคนอีกครั้งที่ทำให้จากทริป 3 วัน 2 คืนเหลือ 1 คืน 2 วัน
และอยากขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนอีกครั้งที่คอยดูแลและไม่ทอดทิ้งกันและกันเลย
ขอขอบคุณทุก ๆ คนจากใจจริงค่ะ
- สำหรับเพื่อนที่ขาพลิกแล้วพลิกอีก อยากจะบอกว่า "เพื่อนเก่งมาก ใจสู้มาก" เรียกได้ว่าเป็นเขาแห่งการวัดใจจริง ๆ
แถมในตอนแรกที่เราถอดใจไปแล้ว ก็ได้เพื่อนคนนี้นี่แหละ ที่คอยปลอบและก่นด่ากันมาตลอด
ก็อาจจะเรียกได้ว่า
"การมีเพื่อนที่คอยหยุมหัวกัน ก็อาจจะเป็นพลังที่ทำให้เราบรรลุยอดเขาก็เป็
**รีวิวดอยทูเล 3 วัน 2 คืน สู่ 1 คืน 2 วัน ฉบับคนที่พึ่งเริ่มเข้าป่าครั้งแรก**
ประวัติคร่าว ๆ ของ "ดอยทูเล" หรืออีกชื่อคือ "ม่อนทูเล"
เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก ความสูงมากถึง 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว
สำหรับการมาพิชิตดอยทูเลนั้น จะต้องทำการติดต่อล่วงหน้ากับทางเจ้าหน้าที่ก่อน
โดยเบอร์ติดต่อ คือ 088-428-8790 (รายละเอียดส่วนนี้เราไม่ทราบมาก เพราะเพื่อนเราเป็นคนติดต่อจองให้ค่ะ)
และทางดอยทูเลจะเปิดให้นักเดินทางไปพิชิตในช่วง "ตุลาคมเป็นต้นไปของทุกปี"
หรือสามารถติดตามข่าวสารได้จากเพจ "ดอยทูเล" ทาง Facebook ได้เลยค่ะ
เส้นทางในการพิชิตดอยทูเล
ทางเจ้าหน้าที่จะให้เลือกว่าจะค้าง 1 คืน หรือ 2 คืนก็ได้ค่ะ และทางขึ้นจะมี 2 ทางคือ 1. ขึ้นทางทูเล 2. ขึ้นทางม่อนคลุย
และทางลงก็มี 2 ทางเช่นกันค่ะ คือ 1. ลงทางทูเล 2. ลงทางม่อนคลุย
ของเรานั้นได้เลือกขึ้นทางทูเลและลงทางทูเลค่ะ และต้องบอกก่อน ว่าก่อนมา เราไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยค่ะ
ว่าการขึ้นทั้งสองแบบนี้ มันต่างกันอย่างไร แต่หลังจากไปมาแล้ว และได้ไปศึกษาอย่างละเอียด ค้นพบว่า
1. ขึ้นทางทูเล จะลำบากกว่าขึ้นทางม่อนคลุยมากเพราะชันมากกว่าค่ะ
2. ขึ้นทางม่อนคลุย จะเหมาะสำหรับคนที่พึ่งมาเดินป่าแรก ๆ มากกว่าค่ะ
3. ลงทางทูเล ก็จะลำบากกว่าเช่นกันเนื่องจากทางขึ้นชันอย่างไรทางลงก็ชันอย่างนั้นเลยค่ะ
4. ลงทางม่อนคลุย ก็จะเหมาะสำหรับคนที่พึ่งมาเดินป่าแรก ๆ เช่นกันค่ะ
ในทริปครั้งนี้เราเดินทางโดยการขับรถยนต์ส่วนตัวไปกันเองค่ะ ใช้ระยะเวลา 10-12 ชั่วโมงค่ะ
และทางไปยากลำบากมากมายค่ะ มีทางโค้งน่าหวาดเสียวเยอะมาก ถ้าขับรถไม่แข็ง เช่น เรา ไม่แนะนำเลยค่ะ!
หรือถ้าหากเช่าหรือเหมารถตู้ เราแนะนำให้สอบถามเขาก่อน ว่ามีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาไหมค่ะ
เพื่อความปลอดภัยในการมานะคะ
*จุดเริ่มต้น*
- เราทุกคนต้องเดินทางไปที่ อบต.ท่าสองยางสำหรับเตรียมตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนค่ะ
และใครที่ขับรถยนต์มาก็สามารถเอามาจอดตรงนี้ได้เช่นกันค่ะ ทางเราก็ได้นำรถไปจอดไว้ตรงนี้ค่ะ
- ต่อมาทางเราก็จะนั่งรถกะบะเพื่อไปยังจุดที่เริ่มเดินและทางลูกหาบก็จะรออยู่ตรงนั้นค่ะ
- พอจัดของให้ลูกหาบคนละไม่เกิน 20 กิโลกรัมเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลยค่ะ
โดยทางเรานั้นได้เลือกขึ้นทางทูเลค่ะ โดยทางขึ้นก็จะมีเหล่าน้องวัวมาต้อนรับค่ะ
น้องวัว: ดีจ้า มนุดดด
- และก็มีน้องหมาเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
น้องหมา: เดินเร็ว ๆ มนุดดด เรานอนรอแล้วนะ
- เมื่อเริ่มเดินไปประมาณ 500 เมตรแรกนี่แหละค่ะ ก็จะพบทางชันเต็มไปหมด
ทางราบแทบจะไม่มีให้เดินกันเลยแหละค่ะ ขนาดแค่เริ่มนะคะ!!!!
- และเมื่อผ่านไปประมาณ 1 กิโลเมตรแรกได้แล้วนั้น
ก็ยังไม่พบทางราบใด ๆ ค่ะ ทางชันและชันมากก็ยังมีให้เห็นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ
จะชันจนเราแก่เฒ่ากันเลยมั้งค่ะ (ในใจเราประมาณนี้เลยค่ะตอนนั้น)
**จุดเปลี่ยน**
- จากนั้นทางเราก็ได้ทำการบอกเพื่อน ๆ ทุกคนว่า "เราจะกลับ เราไม่ไหวแล้ว เอาเราลงป๊ายยยยยยย"
ใช่ค่ะ 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้นแหละค่ะ ที่ดิฉันจะกลับลงมาให้ได้
เพราะคิดว่าถ้าเดินต่อไปอีก 3 4 5 กิโล ดิฉันตุยแน่นอนค่ะ!!!!!
- แต่ว่าพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ร่วมทริปก็ได้ให้กำลังใจและสนับสนุนกันให้ไปต่อเต็มที่
เราก็โอเค ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขับรถมา 10 ชั่วโมง เตรียมตัวเตรียมใจมา 1-2 เดือน
จะมาถอดใจอะไรกับกิโลแรก และอย่างที่เขาบอกกันว่า "แรก ๆ อะไรก็มักจะยากเสมอ"
ก็เลยตัดสินใจ "ไปต่อค่ะ" (ยังนะคะ ยังไปต่อนะคะ ยังไม่รู้สะแล้วว่าชันช่วงแรกนี่ มันแค่เริ่มค่ะ!)
- ไปต่อแล้ว ไปต่ออีก จาก 1 โล เป็น 2 โล เป็น 3 โล เป็น 4-5 โล
และจาก 2 ชม. เป็น 3 ชม. เป็น 4-5 ชม. ก็ยังไม่มีวี่แววจะถึงค่ะ คุณพระ!
และระยะทางก็ชันและชันและชันขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะมันเป็นการข้ามเขา 4-5 ลูกเลยทีเดียว
- แต่ค่ะแต่ ความยากมันยังมีมาเรื่อย ๆ ค่ะ เมื่อเรานั้นได้เกิดอาการเป็นตะคริว
ต้องคอยนวดและฉีดยามาแทบทั้งทาง แถมเพื่อนที่มาด้วยก็ได้ขาพลิกอีกค่ะ
อากาศก็ไม่เป็นใจ ร้อนและลมน้อยมาก ๆ แถมคุณผึ้งก็ยังบินตามเต็มไปหมด
และมี 1 ในเพื่อนของเราโดนต่อยอีกค่ะ ขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่หายนะมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ค่ะ
- และความบรรลัยก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะน้ำก็เริ่มหมดค่ะ
และด้วยความเดินช้าของพวกเราทั้ง 4 เอง ก็ทำให้ตามเพื่อน ๆ ไม่ทัน
จึงไม่สามารถขอน้ำจากใครได้เลย เป็นอะไรแย่มากจริง ๆ ค่ะ
ตอนนั้นทั้งตาลาย ทั้งหูอืด เห็นอะไรเป็นแหล่งน้ำ เป็นน้ำตก เป็นได้ยินเสียงน้ำกันไปหมดค่ะ
(แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรสักอย่างที่ว่าเลยนะคะ)
***จุดเปลี่ยน 2***
- พอเริ่มเย็นน่าจะราว ๆ บ่าย 3 จะบ่าย 4 ได้ ทางเราและเพื่อนอีก 3 คน ก็แทบจะหมดแรงกายและแรงใจแล้วค่ะ
และขาเพื่อนที่พลิกก็เจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราทั้ง 4 จึงตัดสินใจ "กลับ เราต้องกลับ เราไม่ไหว"
คืออย่างน้อยขอกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่สามารถอยู่ถึง 2 คืนได้จริง ๆ
"ดอยทูเลและเพื่อน ๆ ร่วมทริป พวกเราขอโทษนะ"
- แต่ก่อนจะกลับได้ มันก็จะต้องผ่านจุดวัดใจกันสักหน่อยใช่ไหมคะ
และใช่ค่ะ ก่อนถึงจุดตั้งแคมป์หรือกางเต้นท์ ความชันมันราว ๆ 90 องศาเลยทีเดียวค่ะ
เรากับเพื่อนนี่คลานขึ้นมาไม่พอ แทบจะเอาฟันกัดหินช่วยเป็นแขนหรือขาที่ 5 เลยทีเดียวค่ะ
- จากนั้นเราก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่และเพื่อน ๆ ในทริป และตกลงปลงใจกันว่าจะกลับกันทุกคนค่ะ
จึงได้มีการพูดคุยปรึกษากันว่าจะลงทางไหน เพราะทางคลุยหลวงนั้นจะไกลกว่าแต่การเดินนั้นสะดวกสบายกว่า
แต่เนื่องจากว่าในช่วงนี้มีไฟไหม้และอากาศก็ร้อนมาก
ทางพี่ ๆ ลูกหาบก็แจ้งว่า "ถ้าให้ผมแนะนำกลับทางทูเลทางเดิมดีกว่าครับ"
จึงเป็นการขึ้นทางทูเลและลงทางทูเลตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นค่ะ
****จุดสิ้นสุดทางเดินทาง****
- และแล้วเช้าวันใหม่อีกวันก็มาถึง การลงนั้นถือว่าง่ายกว่าการขึ้นสำหรับเราค่ะ
แต่ค่ะแต่ มีแต่นะคะ สำหรับเราที่น้ำในหูไม่เท่ากันแล้ว แทบจะลื่นทั้งทางเลยค่ะ
คือมีการลื่นที่ไม่ถึงกับล้มนี่มากถึง 20++ กันเลยทีเดียว และการลื่นแบบล้มอีก 4-5 ครั้งค่ะ
กล่าวได้ว่า แม้จะสามารถลงมาได้แบบไม่ทรมาณทรกรรมเท่าวันแรก
แต่เพื่อนที่ขาพลิกนั้นก็ได้มีการขาพลิกอีกรอบ ส่วนเราที่ลื่นแทบจะตลอด
ก็เรียกได้ว่า สาหัญสากันมาก ๆ ค่ะ
และแม้จะกลับมาได้สำเร็จ แต่สำหรับพวกเรายัยตะคริวกับยัยขาพลิกนั้น เรียกได้ว่า "เข็ด"
และคงจะเข็ดกับการขึ้นเขา เข้าป่า เยือนห้วยหนองคลองบึง หรืออะไรทำนอง ๆ นี้ไปอีกนานเลยค่ะ
เรียกได้ว่าแค่ได้ยินอะไร "ที่เกี่ยวกับการขึ้นเขา" ก็สะดุ้งกันเลยทีเดียวค่ะ !
รีวิวพร้อมให้คะแนนฉบับคนที่พึ่งเริ่มเข้าป่าครั้งแรก (ความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะคะ)
- ความลำบาก 100/10 ค่ะ (ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่แบบเรามาก ๆ ค่ะ)
ต้องบอกก่อนว่าก่อนมา เราทราบอยู่บ้างแล้วนะคะ ว่าการเดินขึ้นดอยทูเลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่อาจจะด้วยความคิดน้อยของเราเอง ทำให้คิดว่าตัวเองออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ร่างกายชินกับความเหนื่อยล้า
ตัวเองก็จะไหว และสามารถเดินขึ้นเขาได้ แต่ผลก็ตามที่เห็นค่ะ "ไม่ไหวนะคะ"
**ดังนั้นสำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินป่าเลย อาจจะต้องเตรียมตัวกันดี ๆ ในระดับหนึ่งเลยค่ะ**
และที่สำคัญการประเมินตนเองก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เหมือนกันค่ะ
เราเป็นคนที่มีโรคประจำตัวค่ะ ทั้งเลือดจาง, กระเพาะ, กรดไหลย้อน, ลำไส้อักเสบ ฯลฯ
แต่เราคิดว่า เราไหวและโรคประจำตัวเองเรานั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ในการเดินป่าค่ะ
แต่ก็คงเป็นเพราะความคิดน้อยของเราเองอีกนี่แหละค่ะ
ต้องบอกเลยว่า สำหรับคนที่เป็นโรคเหมือน ๆ กับเรา
อาจจะต้องลองประเมินตนเองกันดูให้ถี่ถ้วนก่อนว่า "ตัวเองมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนสำหรับการเดินป่าเดินเขาค่ะ"
สุดท้าย เราอยากเตือนถึงสิ่งที่จะตามมานอกเหนือจากอาการปวดขา, ปวดน่อง,
รวมถึงรอยแผลจากการถูกขีดข่วนหรือแมลงกัดต่อยแล้ว
สิ่งที่เราเป็นต่อมาอีก คือ อาการถ่ายเป็นเลือด, ท้องเสีย, และมีอาการอาเจียนเพิ่มเติมมาด้วยค่ะ
แถมเพื่อนเรายัยขาพลิกก็มีอาการเลือดออกจมูกในวันต่อมาด้วยค่ะ
เรียกได้ว่าเก็บครบหมดทุกอาการป่วยจริง ๆ ค่ะพวกเรา (ตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ)
**ฉะนั้นเราขอย้ำกับเพื่อน ๆ ที่เป็นหน้าใหม่ในการเดินป่าเหมือนกันอีกครั้งเลยนะคะ
ว่าขอให้สำรวจตัวเองให้ดี ๆ ค่ะ ขอเอาเหตุการณ์ของเราที่เจอมาเป็นอุทาหรณ์ไว้เลยค่ะ **
- ความสวยงาม 10/10 ค่ะ
สำหรับคนที่เป็นสายธรรมชาติ สายเขียว พลังใบไม้ ใบไผ่ หรือพลังหมอกและควันต่าง ๆ
คงชอบ หลงใหล และปลาบปลื้ม หากได้มาพบกับบรรยายกาศของดอยทูเลแห่งนี้แน่นอนค่ะ
- ความชัน 9/10 ค่ะ
สำหรับเราคือชันมากค่ะ และลองถามเพื่อนที่ไปภูกระดึงมาแล้ว เพื่อนก็บอกว่าชันกว่าค่ะ
(และสำหรับพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ก็สามารถแชร์กันมาได้นะคะ)
- ความสะดวกสบาย 8/10 ค่ะ
บนดอยทูเลมีห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ, และก็อกน้ำประปา แต่ต้องกรองก่อนจะดื่มได้นะคะ
แต่ทางลงมาห้องน้ำจะชันในระดับหนึ่งเลยค่ะ หากกางเต้นท์ไว้ไกลจากห้องน้ำ
ก็ระมัดระวังในการลงมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืนด้วยนะคะ
เพราะกลางคืนมืดมาก เราล้มหน้าทิ่มไปหลายรอบเลยค่ะ
เรียกได้ว่าต่อให้อาบน้ำไปแล้ว ยังไงก็ไม่สะอาดค่ะ ฮ่า ๆ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- ค่าน้ำมันไป-กลับรวมทางด่วน ราว ๆ คนละ 1,200 บาท (ระยะทางจากม.เกษตร บางเขน -> อบต.ท่าสองยาง)
- ค่าทริป 3 วัน 2 คืน (รถกะบะ, ลูกหาบ, ของกินต่าง ๆ) ราว ๆ คนละ 2,000 บาท
- จิปาถะ (ทิปลูกหาบหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) กดเงินสดติดตัวไว้ประมาณ 1,000 บาทน่าจะพอแบบเหลือ ๆ ค่ะ
**รวม ๆ แล้วก็ตกคนละ 4,200 บาทค่ะ **
สำหรับเราแล้วการได้มาและได้รับประสบการณ์เช่นนี้กลับไป "ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เลยค่ะ"
เพราะคงหาความรู้สึกแบบนี้ ประสบการณ์แบบนี้ ไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วค่ะ
และถ้าไม่ได้มาลองเอง ก็คงคิดหรือคาดไม่ถึงเลยค่ะ ว่าตัวเองมีลิมิตขนาดไหน
(กรณีเรานี่เรียกว่าแทบจะไม่มีเลยค่ะ ฮ่า ๆ)
- สุดท้ายแล้วก็อยากจะขอโทษเพื่อนร่วมทริปทุกคนอีกครั้งที่ทำให้จากทริป 3 วัน 2 คืนเหลือ 1 คืน 2 วัน
และอยากขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนอีกครั้งที่คอยดูแลและไม่ทอดทิ้งกันและกันเลย ขอขอบคุณทุก ๆ คนจากใจจริงค่ะ
- สำหรับเพื่อนที่ขาพลิกแล้วพลิกอีก อยากจะบอกว่า "เพื่อนเก่งมาก ใจสู้มาก" เรียกได้ว่าเป็นเขาแห่งการวัดใจจริง ๆ
แถมในตอนแรกที่เราถอดใจไปแล้ว ก็ได้เพื่อนคนนี้นี่แหละ ที่คอยปลอบและก่นด่ากันมาตลอด
ก็อาจจะเรียกได้ว่า "การมีเพื่อนที่คอยหยุมหัวกัน ก็อาจจะเป็นพลังที่ทำให้เราบรรลุยอดเขาก็เป็