ฤดูหนาวมาถึงทั้งที จะปล่อยให้ผ่านเลยไปก็ใช่เรื่อง ว่าแล้วก็วางแผนเที่ยวเหนือวนไปซิครับ ภารกิจคร่าวๆ คือ ชมแสงแรกของวัน ตะเวนล่าหมอก และที่พิเศษยิ่งกว่าคือการชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งปีหนึ่งจะมีให้เห็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ จะอยู่ในจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และจะมีของแถมที่จังหวัดลำปาง ลำพูนด้วยครับ
ผมออกเดินทางกันช่วงบ่ายๆ แวะพักค้างคืนที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง โดยวางแผนไว้ว่าจะไปชมแสงแรกที่วัดพระธาตุดอยพระฌาน ซึ่งการมาที่วัดพระธาตุครั้งนี้ เป็นการมาครั้งที่ 2 หลังจากที่ครั้งแรกเจอหมอกฟุ้งกระจายจนมองอะไรแทบไม่เห็นเลยครับ
แต่เดิมบนยอดดอยพระฌานมีเพียงซากอิฐปรักหักพังมานานหลายชั่วอายุคน จนปี พ.ศ.2445 ได้มีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นบนยอดดอยพระฌานขึ้น ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีการบูรณะองค์พระธาตุมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนปี พ.ศ.2551 ได้มีการสำรวจบนดอยพระฌาน ซึ่งพบองค์พระธาตุสีขาว ยอดพระธาตุบุแผ่นทองจังโก้ มีบ่อน้ำและศาลาบำเพ็ญกุศลหลังเล็ก 2 หลัง และในปี พ.ศ.2552 จึงได้มีการบูรณะก่อสร้างวัดพระธาตุดอยพระฌานครั้งใหญ่ จนมีศิลปะที่งดงามดังที่เห็นในปัจจุบัน
ด้านบนของพระธาตุดอยพระฌานมีที่จอดรถเพียงเล็กน้อย ในช่วงวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดต่อเนื่องยาวๆ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นมาด้านบนดอยพระฌานได้เลย เส้นทางขึ้นเขา แคบแต่ไม่ถึงกับชันมาก แต่ถ้าแจ๊คพอตมาในช่วงวันที่นักท่องเที่ยวเยอะ หรือวันหยุดยาว อาจจะต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านล่าง จากนั้นต้องนั่งรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปยังยอดดอยครับ
จากลานจอดรถ เมื่อเดินเข้ามา ด้านซ้ายมือจะเป็นศาลาพระเจ้าห้าพระองค์ ส่วนด้านขวาจะเป็นศาลาเฉลิมพระเกียรติ ส่วนตรงกลางเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุดอยพระฌาน พระธาตุสีขาว ปลียอดและฉัตรสีทองที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิมนั่นเองครับ
ถัดจากองค์พระธาตุ จะเป็นด้านหลังวิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐมที่มีประติมากรรมปูนปั้นต้นโพธิ์สีทอง เห็นแล้วนึกถึงวิหารของวัดเชียงทอง แห่งหลวงพระบางเลยครับ
ด้านหน้าของพระวิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐม มีบันไดนาคที่ทอดตัวขึ้นไปยังพระวิหาร ตัววิหารสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ด้านในประดิษฐาน “สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต” ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วสีทองอร่าม เสียดายที่ผมมาทั้ง 2 ครั้ง วิหารปิดครับ ผมเลยอดชมความงดงามด้านใน เห็นว่าด้านในประดับด้วยงานแกะสลักปิดทองอย่างสวยงาม
หากยืนตรงประตูวิหาร แล้วหันหลังให้กับพระวิหาร เมื่อมองออกไปจะพบกับชิ้นงานแกะสลักเหนือบานประตู เป็นรูปพญานาค ดูวิจิตรงดงามมากครับ
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเคยผ่านตากับลานตรงนี้มาบ้างแล้ว เพราะลานตรงนี้เคยเป็นฉากหนึ่งในโฆษณาของรีเจนซี่ครับ
นักท่องเที่ยวนิยมมาชมแสงแรกและทะเลหมอกบริเวณลานนาคครับ ในวันที่อากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นทะเลหมอกฟูๆ ลอยอยู่โดยรอบดอยพระฌาน พร้อมกับพระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอก สาดแสงสีทองย้อมสายหมอกให้กลายเป็นสีทอง เป็นภาพที่ประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่เสียเที่ยวเลยจริงๆ ที่ผมตัดสินใจมาล้างตาอีกครั้ง หลังจากที่ผิดหวังไม่ได้เห็นทะเลหมอกในครั้งแรก
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อขึ้นมาบนยอดดอยพระฌาน คือการมาสักการะพระไดบุทสึ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดหน้าตัก 14 เมตร เนื้อทองแดง ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาที่ติดกับดอยพระฌาน โดยทางวัดได้ตกแต่งหลายสิ่งอย่าง ให้อารมณ์เหมือนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นเลยครับ
สำหรับใครที่ต้องการจะขึ้นมาชมแสงแรกที่นี่ แนะนำให้ขึ้นมาถึงยอดดอยพระฌานตั้งแต่เวลา 06.00 น. เลยครับ วัดปิดทุกวันพุธนะครับ วางแผนกันดีๆ
จากวัดพระธาตุดอยพระฌาน ไปต่อกันที่อำเภอเกาะคา เพื่อไปนมัสการพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีครับ
วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดไม้ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยครับ งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่โดยเริ่มสร้างในปีฉลูและแล้วเสร็จในปีฉลูด้วยเช่นกัน ทำให้วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีฉลู
เมื่อก้าวข้ามผ่านซุ้มประตูโขง จะพบวิหารหลวงขนาดใหญ่ เป็นวิหารจั่วรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงวิหารโล่งตามแบบล้านนายุคแรก ภายในมีซุ้มปราสาททองอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจครับ
ด้านหลังของวิหารหลวงเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุ องค์พระธาตุเป็นทรงกลมแบบล้านนา ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำมีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ มีฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมด้วยบัวมาลัยสามชั้น ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและพระอัฐิธาตุจากพระนลาฎ (หน้าผาก) ข้างขวา พระศอ (คอ) ด้านหน้าและด้านหลัง
ด้านข้างองค์พระธาตุเป็นที่ตั้งของวิหารพระพุทธ ซึ่งเก่าแก่มาก คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนพุทธศิลป์แบบศิลปะเชียงแสน หน้าบันเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสี ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะและส่วนสัดที่งดงามมากครับ
ภายในวิหารแห่งนี้เรายังสามารถชมปรากฏการณ์เงาพระธาตุกลับหัวได้อย่างชัดเจนด้วยครับ
ผมเชื่อว่าใครที่เป็นสายละคร ที่เกิดในยุค 90 คงรู้จักวัดแห่งนี้ดี เพราะที่นี่เคยใช้เป็นฉากในละคร “เพลิงพระนาง” นำแสดงโดยคุณชไมพร จตุรภุช ที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนั้น ผมเองก็รู้จักวัดพระธาตุลำปางหลวงครั้งแรกจากการดูละครเพลิงพระนาง นั่นแหล่ะครับ
ใครที่กลัวว่ามาลำปางแล้วจะไม่ถึงลำปาง เพราะไม่ได้นั่งรถม้า บอกเลยว่า ที่หน้าวัดพระธาตุลำปางหลวงมีรถม้าไว้บริการมากมาย ใครพอมีเวลาก็สามารถนั่งรถม้าชมเมืองได้ แต่ถ้าใครมีเวลาไม่มากนัก อาจจะแค่ถ่ายรูปคู่กับรถม้า ก็ถือว่ามาถึงลำปางแล้วครับ
อีกหนึ่งวัดสำคัญที่อยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุลำปางหลวงมากนัก นั่นคือวัดเสลารัตนปัพพะตาราม หรือชาวลำปางนิยมเรียกกันว่า วัดไหล่หิน ครับ
วัดไหล่หินเป็นอีกหนึ่งวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาตั้งแต่ช้านาน แม้จะไม่มีการระบุชัดเจนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากการค้นพบคัมภีร์ใบลานที่เก่าแก่ที่สุดของวัด ได้ระบุเอาไว้ว่าวัดไหล่หินอาจสร้างในปี พ.ศ.2014 ครับ
ด้านหน้ามีซุ้มประตูโขง ซุ้มทรงปราสาทสกุลช่างลำปาง ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นหลายลาย เช่น ลายบัวคอเสื้อ ลายประจำยาม ลายบัวเชิงล่าง บริเวณชั้นหลังคาตกแต่งปูนปั้นด้วยลายพญานาค หงส์ และพันธุ์พฤกษา ที่ด้านข้างของซุ้มประตูมีรูปกินรีประดับอยู่ทั้งสองด้าน หน้าบันเป็นลายปูนปั้นแบบนูนต่ำ ตกแต่งด้วยภาพเขียนสี มีการประดับชั้นหลังคาด้วยรูปสัตว์ที่ทำด้วยดินเผาเคลือบ จึงทำให้ซุ้มประตูโขงของวัดไหล่หินแปลกแตกต่างจากซุ้มประตูโขงของวัดอื่นๆ ครับ
แผนผังการสร้างวัดไหล่หิน จำลองมาจากภูมิจักรวาล โดยมีวิหารโถง เปรียบเสมือนชมพูทวีป ด้านหลังวิหารโถงประดิษฐานองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ และมีลานทราย ซึ่งเปรียบเสมือนมหานทีสีทันดรครับ
วิหารโถง สร้างขึ้นตามศิลปะแบบล้านนา โดยช่างเชียงตุง มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ที่หน้าบันวิหารเป็นไม้แกะสลักมีลวดลายที่วิจิตรบรรจงมากๆ ภายในประดิษฐานองค์พระประธาน ตกแต่งด้วยภาพเขียนสีฝุ่นบนแผ่นไม้ โดยที่บริเวณด้านบนของโครงสร้างหลังคา จะเป็นภาพพระพุทธรูปประทับยืน และยังมีภาพลายคำ ซึ่งเป็นภาพที่ทำด้วยเทคนิคการพิมพ์เป็นลวดลายพันธุ์พฤกษา ลายเครือเถา ลายช่อดอกไม้ ลายดอกบัวและกลีบบัว นอกจากนั้นยังมีภาพบุคลเช่นภาพพระพุทธเจ้า ภาพเทวดา นางฟ้า และสัตว์อีกหลากหลายชนิดเลยครับ
นับเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความเก่าแก่และน่าสนใจมากๆ หากใครมีเวลา ลองแวะมาเที่ยวชมกันนะครับ อยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุลำปางหลวงครับ
[CR] ตามล่าหมอก ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง @ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน
แต่เดิมบนยอดดอยพระฌานมีเพียงซากอิฐปรักหักพังมานานหลายชั่วอายุคน จนปี พ.ศ.2445 ได้มีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นบนยอดดอยพระฌานขึ้น ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีการบูรณะองค์พระธาตุมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนปี พ.ศ.2551 ได้มีการสำรวจบนดอยพระฌาน ซึ่งพบองค์พระธาตุสีขาว ยอดพระธาตุบุแผ่นทองจังโก้ มีบ่อน้ำและศาลาบำเพ็ญกุศลหลังเล็ก 2 หลัง และในปี พ.ศ.2552 จึงได้มีการบูรณะก่อสร้างวัดพระธาตุดอยพระฌานครั้งใหญ่ จนมีศิลปะที่งดงามดังที่เห็นในปัจจุบัน
ด้านบนของพระธาตุดอยพระฌานมีที่จอดรถเพียงเล็กน้อย ในช่วงวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดต่อเนื่องยาวๆ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นมาด้านบนดอยพระฌานได้เลย เส้นทางขึ้นเขา แคบแต่ไม่ถึงกับชันมาก แต่ถ้าแจ๊คพอตมาในช่วงวันที่นักท่องเที่ยวเยอะ หรือวันหยุดยาว อาจจะต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านล่าง จากนั้นต้องนั่งรถสองแถวของชาวบ้านขึ้นไปยังยอดดอยครับ
จากลานจอดรถ เมื่อเดินเข้ามา ด้านซ้ายมือจะเป็นศาลาพระเจ้าห้าพระองค์ ส่วนด้านขวาจะเป็นศาลาเฉลิมพระเกียรติ ส่วนตรงกลางเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุดอยพระฌาน พระธาตุสีขาว ปลียอดและฉัตรสีทองที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิมนั่นเองครับ
จากวัดพระธาตุดอยพระฌาน ไปต่อกันที่อำเภอเกาะคา เพื่อไปนมัสการพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีครับ
วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดไม้ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยครับ งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่โดยเริ่มสร้างในปีฉลูและแล้วเสร็จในปีฉลูด้วยเช่นกัน ทำให้วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีฉลู
เมื่อก้าวข้ามผ่านซุ้มประตูโขง จะพบวิหารหลวงขนาดใหญ่ เป็นวิหารจั่วรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงวิหารโล่งตามแบบล้านนายุคแรก ภายในมีซุ้มปราสาททองอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจครับ
ด้านหลังของวิหารหลวงเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุ องค์พระธาตุเป็นทรงกลมแบบล้านนา ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำมีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ มีฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมด้วยบัวมาลัยสามชั้น ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและพระอัฐิธาตุจากพระนลาฎ (หน้าผาก) ข้างขวา พระศอ (คอ) ด้านหน้าและด้านหลัง
ด้านข้างองค์พระธาตุเป็นที่ตั้งของวิหารพระพุทธ ซึ่งเก่าแก่มาก คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนพุทธศิลป์แบบศิลปะเชียงแสน หน้าบันเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสี ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะและส่วนสัดที่งดงามมากครับ
ใครที่กลัวว่ามาลำปางแล้วจะไม่ถึงลำปาง เพราะไม่ได้นั่งรถม้า บอกเลยว่า ที่หน้าวัดพระธาตุลำปางหลวงมีรถม้าไว้บริการมากมาย ใครพอมีเวลาก็สามารถนั่งรถม้าชมเมืองได้ แต่ถ้าใครมีเวลาไม่มากนัก อาจจะแค่ถ่ายรูปคู่กับรถม้า ก็ถือว่ามาถึงลำปางแล้วครับ
อีกหนึ่งวัดสำคัญที่อยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุลำปางหลวงมากนัก นั่นคือวัดเสลารัตนปัพพะตาราม หรือชาวลำปางนิยมเรียกกันว่า วัดไหล่หิน ครับ
วัดไหล่หินเป็นอีกหนึ่งวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาตั้งแต่ช้านาน แม้จะไม่มีการระบุชัดเจนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากการค้นพบคัมภีร์ใบลานที่เก่าแก่ที่สุดของวัด ได้ระบุเอาไว้ว่าวัดไหล่หินอาจสร้างในปี พ.ศ.2014 ครับ
ด้านหน้ามีซุ้มประตูโขง ซุ้มทรงปราสาทสกุลช่างลำปาง ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นหลายลาย เช่น ลายบัวคอเสื้อ ลายประจำยาม ลายบัวเชิงล่าง บริเวณชั้นหลังคาตกแต่งปูนปั้นด้วยลายพญานาค หงส์ และพันธุ์พฤกษา ที่ด้านข้างของซุ้มประตูมีรูปกินรีประดับอยู่ทั้งสองด้าน หน้าบันเป็นลายปูนปั้นแบบนูนต่ำ ตกแต่งด้วยภาพเขียนสี มีการประดับชั้นหลังคาด้วยรูปสัตว์ที่ทำด้วยดินเผาเคลือบ จึงทำให้ซุ้มประตูโขงของวัดไหล่หินแปลกแตกต่างจากซุ้มประตูโขงของวัดอื่นๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้