▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อวกาศ
ดาราศาสตร์
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA)
ภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photography)
ดาวเคราะห์ (Planet)
🚀 เปิดภาพชุดใหม่ดาวอังคาร ไปกับโรเวอร์คิวริโอซิตี้ 🚀
โดยเจ้าโรเวอร์คิวริโอซิตี้ของเรานั้น พึ่งได้เดินทางมาถึงบริเวณพื้นที่ที่อุดมไปด้วยกลุ่มตะกอนของแร่ซัลเฟต และโซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือที่เรากินกันอยู่ในทุก ๆ วันในปริมาณที่หนาแน่นอย่างมหาศาล ซึ่งแร่ประเภทนี้จะตกผลึกได้ต่อเมื่อมีน้ำเค็มระเหยตัวขึ้นไปในอากาศเท่านั้น
โดยพื้นที่ในบริเวณนี้อยู่ในบริเวณทางตอนเหนือของเชิงภูเขาชาร์ป ซึ่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์สูงกว่า 5,500 เมตร** ที่ตั้งอยู่ใจกลางแอ่งหลุมอุกกาบาตเกล (Gale Crater) อีกทีหนึ่ง
นักธรณีวิทยาจึงคาดการณ์ว่าแอ่งหลุมอุกกาบาตเกลนั้น เคยเป็นทะเลสาบน้ำเค็มเข้มข้นสูงมาก่อนคล้ายกับทะเลเดดซีบนโลกในยุคสมัยที่ชั้นบรรยากาศของดาวอังคารยังคงหนาแน่นเพียงพอที่จะทำให้น้ำคงสถานะเป็นของเหลวได้
1. รอยล้อของโรเวอร์คิวริโอริตี้บนพื้นทรายแห้งหยาบบนดาวอังคาร ซึ่งแหลมคมมากพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับตัวล้อได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ก้อนหินธรรมดาก้อนหนึ่ง ที่เคยอยู่ใต้ผืนทะเลสาบน้ำเค็มของแอ่งหลุมอุกกาบาตเกล
3. โขดหินน้อยใหญ่และสันทราย ณ เชิงภูเขาชาร์ป พร้อมกับทิวทัศน์ของขอบแอ่งหลุมอุกกาบาตเกลอยู่เบื้องหลัง
4. ชั้นหินตะกอนที่อุดมไปด้วยแร่ซัลเฟตและเกลือหลากหลายชนิด
5. วิวทิวทัศน์ของขอบแอ่งหลุมอุกกาบาตเกล จากเชิงภูเขาชาร์ป
6. ทิวเนินเขาที่สลับซับซ้อนไล่ไปตามระดับความสูงของภูเขาชาร์ป
7. ภาพกว้างของแนวช่องเขาที่โรเวอร์คิวริโอซิตี้จะเดินฝ่าเข้าไปในอนาคต โดยเราสามารถเห็นรอยคลื่นกัดเซาะผนังโขดหิน ในแต่ละช่วงเวลาที่น้ำลดระดับลงได้อย่างชัดเจน
* ภาพชุดนี้ได้รับการแต่งสีให้สภาพท้องฟ้าที่ตามปกติจะมีสีเหลืองน้ำตาลบนดาวอังคาร ให้กลายเป็นสีฟ้าแบบบนโลก เพื่อที่นักวิทยาศาสตร์จะสามารถแยกแยะประเภทหินได้ง่ายขึ้น
** ถีงแม้ว่าดาวอังคารจะไม่มีระดับน้ำทะเลให้เทียบความสูงแต่นักดาราศาสตร์ก็ได้ตกลงกันว่าใช้ค่าเฉลี่ยของพื้นที่ราบบนดาวอังคารในการกำหนดระดับน้ำทะเลสมมติแทน
*** สนามแม่เหล็กของโลกถูกสร้างขึ้นโดยการที่โลหะหลอมเหลวภายในแกนโลกชั้นนอกเคลื่อนที่หมุนวนรอบแกนแข็งชั้นใน ซึ่งได้สร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาจากปรากฏการณ์ไดนาโม เหมือนกับเครื่องปั่นไฟบนโลก
ส่วนดาวอังคารนั้น กลับไม่มีสัญญาณของความร้อนที่อยู่ภายในดาว อย่างเช่นภูเขาไฟปะทุ เลยแม้แต่น้อย จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าแกนของดาวอังคารได้เย็นตัวลงเสียจนไม่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้อีกต่อไป เมื่อประมาณ 3,000 ล้านปีที่แล้ว
เนื่องจากตัวดาวอังคารมีขนาดที่เล็กกว่าถึงครึ่งหนึ่ง และมวลเพียง 1 ใน 10 ของโลกเท่านั้น จึงสูญเสียความร้อนภายในไปได้ไวกว่ามาก
**** ปัจจุบันชั้นบรรยากาศของดาวอังคารหนาแน่นเพียง 0.06 % เมื่อเทียบกับโลก และมีจุดเดือดของน้ำอยู่ที่ -4.6 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ย หากคุณอยู่บนดาวอังคารโดยไม่ใส่ชุดอวกาศ เลือดคุณจะเดือดในขณะที่กำลังจะแข็งตายจากอุณหภูมิเฉลี่ยที่ -60 องศาเซลเซียส ****
credit facebook.com/spaceth