คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หนังสือเล่มนี้ส่วนตัวก็ไปเจอโดยบังเอิญเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2534 เป็นช่วงที่กำลังคิดว่าจะหาตำราที่เกี่ยวกับการฝึกสมาธิอย่างเป็นเรื่อง
เป็นราว หลังจากที่คิดว่าศึกษาปริยัติจากพระไตรปิฎกในส่วนของพระวินัยและพระสูตร (อภิธรรมรู้สึกว่าอ่านแล้วเข้าใจยากจัง ขนาดอ่าน
พระสูตรอ่านจะหมดแล้วยังจับหลักอะไรไม่ค่อยได้ เลยข้ามๆ อภิธรรมไปก่อน) และฝึกอานาปานสติตามแบบสวนโมกข์และอ่านหนังสือ
ท่านพุทธทาสจนพอรู้หลักของอริยสัจ และเรื่องขันธ์ 5 ไตรลักษณ์และอื่นๆ บ้างแล้ว (ที่ท่านพุทธทาสไม่สอนเรื่องอภิญญา เพราะท่าน
ว่ามันไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์โดยตรง และพวกที่จะฝึกเล่นอะไรแบบนั้นได้ต้องเก่งแบบนักกายกรรมถึงจะทำได้ ถ้าชาวบ้านทั่วไปไปฝึก
ก็อาจจะตายเปล่าเสียก่อน แต่ถ้ามาอ่านจากที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าให้ฟัง ท่านก็ว่าตามที่เจอมาส่วนมากพวกที่มีจริตไปทางวิชชา 3
และอภิญญาก็จะไม่ค่อยชอบแบบให้ทำวิปัสสนาล้วนโดยตรง ถ้าให้ทำแบบนั้นจะหยุดเอาดื้อๆ ไปต่อไม่ค่อยได้) และอ่านชุดทีปนีต่างๆ
เช่น โลกทีปนีกรรมทีปนี วิปัสสนาทีปนีได้สัก 5-6 เล่ม จนรู้สึกว่าปริยัติมา 3-4 ปีจนชักจะเฝือๆ แล้วแต่รู้สึกว่าการปฏิบัติยังไม่ค่อยคืบ
พอมาอ่านเจอในหนังสือเล่มนี้ก็เลยพอเข้าใจว่าที่อ่านๆ มาตั้งหลายเล่มแล้วจับหลักอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่ก็มาสรุปรวมอยู่ในหนังสือ
เล่มนี้แหละ ก็เลยใช้เป็นหนังสือหลักสำหรับการฝึกสมาธิ เอาอานาปานสติที่เคยฝึกแบบสวนโมกข์มาเพิ่มพุทโธตามแบบที่สอนในหนังสือนี้
และได้ใช้เทียบเคียงเวลาปฏิบัติหรือสืบค้นเวลาเกิดข้อสงสัยมาจนทุกวันนี้ แต่เจอหนังสือมา 30 ปีก็ได้ฝึกจริงคงไม่เกิน 10 ปี ฝึกแบบ
กระท่อนกระแท่น ฝึกบ้างห่างบ้างไปตามกระแสโลกเสียเป็นส่วนใหญ่ พอนึกได้ทีก็กลับมาทบทวนที แต่พออายุเยอะขึ้นก็รู้สึกว่าควรจะต้อง
มุ่งทางธรรมเป็นหลักแล้ว เพราะตอนเรียนมหาลัยก็เคยตั้งใจไว้ว่าจะศึกษาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมให้สูงสุด (ตอนเรียนจะชอบอ่าน
หนังสือโลกทิพย์เลยพอจะเคยได้ยินชื่อเสียงครูบาอาจารย์สายต่างๆ มาบ้าง) แต่ถ้าทางโลกไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ให้ได้ทางธรรมไว้ก่อน
เพราะทางโลกตายแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปด้วยไม่ได้ แต่ทางธรรมตายไปแล้วยังต้องได้ใช้
เป็นราว หลังจากที่คิดว่าศึกษาปริยัติจากพระไตรปิฎกในส่วนของพระวินัยและพระสูตร (อภิธรรมรู้สึกว่าอ่านแล้วเข้าใจยากจัง ขนาดอ่าน
พระสูตรอ่านจะหมดแล้วยังจับหลักอะไรไม่ค่อยได้ เลยข้ามๆ อภิธรรมไปก่อน) และฝึกอานาปานสติตามแบบสวนโมกข์และอ่านหนังสือ
ท่านพุทธทาสจนพอรู้หลักของอริยสัจ และเรื่องขันธ์ 5 ไตรลักษณ์และอื่นๆ บ้างแล้ว (ที่ท่านพุทธทาสไม่สอนเรื่องอภิญญา เพราะท่าน
ว่ามันไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์โดยตรง และพวกที่จะฝึกเล่นอะไรแบบนั้นได้ต้องเก่งแบบนักกายกรรมถึงจะทำได้ ถ้าชาวบ้านทั่วไปไปฝึก
ก็อาจจะตายเปล่าเสียก่อน แต่ถ้ามาอ่านจากที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าให้ฟัง ท่านก็ว่าตามที่เจอมาส่วนมากพวกที่มีจริตไปทางวิชชา 3
และอภิญญาก็จะไม่ค่อยชอบแบบให้ทำวิปัสสนาล้วนโดยตรง ถ้าให้ทำแบบนั้นจะหยุดเอาดื้อๆ ไปต่อไม่ค่อยได้) และอ่านชุดทีปนีต่างๆ
เช่น โลกทีปนีกรรมทีปนี วิปัสสนาทีปนีได้สัก 5-6 เล่ม จนรู้สึกว่าปริยัติมา 3-4 ปีจนชักจะเฝือๆ แล้วแต่รู้สึกว่าการปฏิบัติยังไม่ค่อยคืบ
พอมาอ่านเจอในหนังสือเล่มนี้ก็เลยพอเข้าใจว่าที่อ่านๆ มาตั้งหลายเล่มแล้วจับหลักอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่ก็มาสรุปรวมอยู่ในหนังสือ
เล่มนี้แหละ ก็เลยใช้เป็นหนังสือหลักสำหรับการฝึกสมาธิ เอาอานาปานสติที่เคยฝึกแบบสวนโมกข์มาเพิ่มพุทโธตามแบบที่สอนในหนังสือนี้
และได้ใช้เทียบเคียงเวลาปฏิบัติหรือสืบค้นเวลาเกิดข้อสงสัยมาจนทุกวันนี้ แต่เจอหนังสือมา 30 ปีก็ได้ฝึกจริงคงไม่เกิน 10 ปี ฝึกแบบ
กระท่อนกระแท่น ฝึกบ้างห่างบ้างไปตามกระแสโลกเสียเป็นส่วนใหญ่ พอนึกได้ทีก็กลับมาทบทวนที แต่พออายุเยอะขึ้นก็รู้สึกว่าควรจะต้อง
มุ่งทางธรรมเป็นหลักแล้ว เพราะตอนเรียนมหาลัยก็เคยตั้งใจไว้ว่าจะศึกษาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมให้สูงสุด (ตอนเรียนจะชอบอ่าน
หนังสือโลกทิพย์เลยพอจะเคยได้ยินชื่อเสียงครูบาอาจารย์สายต่างๆ มาบ้าง) แต่ถ้าทางโลกไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ให้ได้ทางธรรมไว้ก่อน
เพราะทางโลกตายแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปด้วยไม่ได้ แต่ทางธรรมตายไปแล้วยังต้องได้ใช้
แสดงความคิดเห็น
หนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน E book อ่านฟรีโดนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าขนุน
http://thasungmedia.com/wat/Ebook/book/MeditationManual/
ปล.ใครเคยทันหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้างครับ ช่วยเล่าสประสบการณ์ที