เคยสงสัยไหมว่าเราควร Fitting จักรยานไหม เพราะราคาค่าฟิตถือว่าไม่ถูกนะครับ
ปกติผมปั่นไม่ไกล ไม่เกิน 30 km หรือเคยเลยไปถึง 50 km ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บ ปวด ใด ๆ เลย จึงไม่เคยคิดจะไปฟิตจักรยานเลย แต่จากการที่เริ่มจริงจังจะไปปั่นงาน Audax ซึ่งผมได้ลองซ้อมปั่น 200 Km พบปัญหามาก ปวด ชา มือ ไหล่ คอ ขา มาครบ เลยมีความคิดที่จะไปฟิตจักรยาน ซึ่งผมได้ลองค้น ๆ ดูการฟิตจักรยานจะมี 2 แบบคือ แบบไม่ใช้คอมพิวเตอร์ กับแบบใช้คอมพิวเตอร์ (ไม่รู้ศัพท์ทางการเรียกว่าอะไรนะครับ)
พอดีร้านที่ผมไปเขามีฟิตแบบไม่ใช้คอมพิวเตอร์ (ตอนแรกไม่รู้ ค่าบริการ 3000 บาท พอไปหน้างานถึงทราบ) ร้านนี้ ฝ่ายขาย ผมถือว่าบริการแย่ คือให้ลูกค้าลองคร่อมรถดู ไข่ไม่ชน ถือว่าขี่ได้ทันที ให้ลองปั่นแล้วจบงานขายเลย ไม่แนะนำอะไรทั้งสิ้น แต่ผมทำการบ้านมา โดยความสูงผมมันขี่ได้ 2 size ผมก็เลยถามว่ามีฟิตติ้งไหม เขาว่าไม่ได้แถม ผมก็เลยบอกว่าผมพร้อมจ่าย ก็เลยได้ฟิตติ้ง ครั้งแรกใน ชีวิต (แต่ก็ดู ๆ ในเน็ตมาเยอะนะ)
เข้าไปในห้อง คือแย่ก่อนเลย ไม่มีเครื่องมือไฮเทคสักอย่าง ผมรู้ละ เป็นแบบวัดมือแน่นอน แต่ที่แย่กว่าคือ ไม่มีเครื่องที่ให้ลองคร่อม คือที่นี่เป็นเหมือน ต้องเอาจักรยานตัวเองไปฟิต (ซึ่งผมเคยถามอีกที่นึงมา ค่าฟิต 5000 ของเขาคือฟิตก่อน เขาจะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เราลองก่อน จะได้ค่าอะไรบางอย่างมาเป็นเอกสาร แล้วค่อยเอาไปซื้อ หรือหากประกอบยิ่งดี เพราะจะได้ขนาดที่ตรงมากกว่า แล้วค่อยมาฟิตกับจักรยานอีกที) แต่ที่นี่คือไม่มีให้ลองหาค่าอะไรก่อน แต่ก็เป็นการพูดคุยกับ ฟิตเตอร์ เบื้องต้น ทดสอบร่างกายเบื้องต้น ยืด เหยีด ดูความยืดหยุ่น และถามว่าเราจะใช้จักรยานคันนี้ไปแนวทางไหน ซึ่งผมบอกว่าผมเน้นทางไกล ปีนี้คาดหวัง audax 600 km ซึ่ง ฟิตเตอร์ก็บอกว่าค่อนข้างขัดแย้งนิดหน่อย คือ รถที่ผมซื้อคือ Aero มันไม่ได้สบายแบบพวก Endurance แต่ปั่นได้ไหม ปั่นได้ แต่ร่างกายผมอาจต้องฝึกนิดหน่อย โดยมี 2 ตัวเลือก (เพราะความสูงผมคือค่อม 2 ไซส์) ถ้าเลือกไซส์ล่าง ถือว่าดูโปร รถจะสวย เบาะสูง แฮนด์ต่ำ เซ็ตง่าย แต่การควบคุมจะวูบวาบหน่อย แต่ถ้าเลือกไซส์บน ก็จะมั่นคงปั่นง่ายกว่า ก้มน้อยกว่า แต่ความ Aero ก็จะน้อยลงด้วย ซึ่งผมมีคันปั่นสบายไซส์บน อยู่แล้ว เป็นกราเวล ก็เลยตัดสินใจไหน ๆ ก็จะถอย Aero ก็ขอ Aero ให้สุดไปเลย ก็เลยจบไซส์ล่าง
การฟิตของที่นี่คือ วัดความกว้างก้น เพื่อหาเบาะที่เหมาะกับเราแล้วก็ วัดความยาวขา วัดความยาวช่วงไหล่ แค่นี้เลย ปรับคลีท ปรับองศาเบาะ ปรับความสูงอาน แล้วก็ให้ลองปั่น โดยที่เขาจะนั่งดูสรีระของเรา โดยให้เรา นั่ง ก้ม ยืน ปั่นไปเรื่อย ๆ สลับท่ากันไป และให้ปั่นเร็วบ้าง ช้าบ้าง และสังเกตุอาการต่าง ๆ เพื่อหาความสูง และองศาเบาะที่เขาว่าดี สำหรับเรา
ถัดมาคือ ให้ก้มจับแฮนด์แล้วปั่น เขาก็จะถามเรื่องน้ำหนักลงตรงไหน แล้วก็ทำการปรับองศาแฮนด์ ให้น้ำหนักไม่ทิ้งมาที่มือมากนัก พร้อมปรับชิฟเตอร์ให้หุบเข้าหรือกางออกเพื่อให้สอดคล้องกับไหล่เรา พร้อมสอนท่าจับที่ถูกต้องให้เรา
หลังจากปรับอานและแฮนด์เรียบร้อย ก็ให้ปั่นจริงจัง พร้อมดูท่าปั่น และสอนท่าที่ควรให้เรา
ซึ่งตรงนี้ถามว่าผมรู้สึกยังไง กับการปั่นบนเทรนเนอร์ ถือว่าดีมาก แต่ยังไม่ได้ลองปั่นไกล ๆ นะ แต่พี่เขาก็ Confirm ว่า รับรอง อาการเจ็บเพราะท่าผิดไม่มีแน่ แต่อาจเจ็บเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ดีกว่าที่เคยปั่นแน่นอน ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันดีนะ
แต่ ๆ ๆ ที่ส่วนตัวผมไม่ชอบคือ การฟิตครั้งนี้ผมว่ามันใช้ความรู้สึกเป็นหลักเลย มันไม่มีวิทยาศาสตร์ มันไม่มีค่าอะไรมาวัด แต่เพื่อนบางคนก็บอกว่าแบบนี้คือดี เพราะเขาดูว่าร่างกายเราเป็นแบบไหน ท่าทางแบบไหนคือดีสำหรับเรา จะต่างกับแบบคอมพิวเตอร์ อันนั้นคือละเอียดยิบ และมันสามารถบอกค่าอ้างอิงได้ แรงกดบันได องศาขณะปั่น ค่าเฉลี่ย มันบอกเป็น Value ได้ เช่น ก่อนฟิต เราออกแรงปั่นได้ค่าประมาณนึง แต่พอหลังฟิตเราสามารถออกแรงปั่นได้มากกว่าเดิม 20% และหลังจากไปซ้อมด้วยการฟิตนี้ อีก 3 เดือนมาวัดใหม่ เราอาจปั่นได้ดีกว่าเดิมถึง 60% อะไรประมาณนี้ คือมันมีตัวเลขที่เราเข้าใจได้ แต่การฟิตของผมคือ คำถามที่ว่า ปั่นดีขึ้นไหม มันแบบนั้นไหม มันแบบนี้ไหม คือความรู้สึกล้วน ๆ วัดออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้
สรุปคือ ผมก็ได้เอกสารมา 1 ฉบับ กับการปรับตำแหน่งการขี่ใหม่ เอาไว้ลองสัก 200 km แล้วจะมาอัพเดทอีกทีว่าเป็นยังไงครับ แต่ที่แน่ ๆ ว่าต่างจากเดิมคือ ตอนนี้ก้มมากกว่าเดิมมาก แต่เขา Confirm ว่าจะดีกว่าเดิม ....
อ้อ ที่เล่ามาทั้งหมดคือ 2 ชม. นะครับ เขาใส่ใจในการดู ในการพูดคุย ในการทดสอบมาก ๆ แต่แค่ผมอยากได้อะไรที่เป็น Value มากกว่านี้เท่านั้นเอง ซึ่งการฟิตครั้งนี้จะดีหรือไม่ดี ก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้อีกไม่จำกัดจำนวนครั้งในระยะเวลา 6 เดือนครับ
ขอแชร์เรื่อง การ Fitting จักรยาน
ปกติผมปั่นไม่ไกล ไม่เกิน 30 km หรือเคยเลยไปถึง 50 km ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บ ปวด ใด ๆ เลย จึงไม่เคยคิดจะไปฟิตจักรยานเลย แต่จากการที่เริ่มจริงจังจะไปปั่นงาน Audax ซึ่งผมได้ลองซ้อมปั่น 200 Km พบปัญหามาก ปวด ชา มือ ไหล่ คอ ขา มาครบ เลยมีความคิดที่จะไปฟิตจักรยาน ซึ่งผมได้ลองค้น ๆ ดูการฟิตจักรยานจะมี 2 แบบคือ แบบไม่ใช้คอมพิวเตอร์ กับแบบใช้คอมพิวเตอร์ (ไม่รู้ศัพท์ทางการเรียกว่าอะไรนะครับ)
พอดีร้านที่ผมไปเขามีฟิตแบบไม่ใช้คอมพิวเตอร์ (ตอนแรกไม่รู้ ค่าบริการ 3000 บาท พอไปหน้างานถึงทราบ) ร้านนี้ ฝ่ายขาย ผมถือว่าบริการแย่ คือให้ลูกค้าลองคร่อมรถดู ไข่ไม่ชน ถือว่าขี่ได้ทันที ให้ลองปั่นแล้วจบงานขายเลย ไม่แนะนำอะไรทั้งสิ้น แต่ผมทำการบ้านมา โดยความสูงผมมันขี่ได้ 2 size ผมก็เลยถามว่ามีฟิตติ้งไหม เขาว่าไม่ได้แถม ผมก็เลยบอกว่าผมพร้อมจ่าย ก็เลยได้ฟิตติ้ง ครั้งแรกใน ชีวิต (แต่ก็ดู ๆ ในเน็ตมาเยอะนะ)
เข้าไปในห้อง คือแย่ก่อนเลย ไม่มีเครื่องมือไฮเทคสักอย่าง ผมรู้ละ เป็นแบบวัดมือแน่นอน แต่ที่แย่กว่าคือ ไม่มีเครื่องที่ให้ลองคร่อม คือที่นี่เป็นเหมือน ต้องเอาจักรยานตัวเองไปฟิต (ซึ่งผมเคยถามอีกที่นึงมา ค่าฟิต 5000 ของเขาคือฟิตก่อน เขาจะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เราลองก่อน จะได้ค่าอะไรบางอย่างมาเป็นเอกสาร แล้วค่อยเอาไปซื้อ หรือหากประกอบยิ่งดี เพราะจะได้ขนาดที่ตรงมากกว่า แล้วค่อยมาฟิตกับจักรยานอีกที) แต่ที่นี่คือไม่มีให้ลองหาค่าอะไรก่อน แต่ก็เป็นการพูดคุยกับ ฟิตเตอร์ เบื้องต้น ทดสอบร่างกายเบื้องต้น ยืด เหยีด ดูความยืดหยุ่น และถามว่าเราจะใช้จักรยานคันนี้ไปแนวทางไหน ซึ่งผมบอกว่าผมเน้นทางไกล ปีนี้คาดหวัง audax 600 km ซึ่ง ฟิตเตอร์ก็บอกว่าค่อนข้างขัดแย้งนิดหน่อย คือ รถที่ผมซื้อคือ Aero มันไม่ได้สบายแบบพวก Endurance แต่ปั่นได้ไหม ปั่นได้ แต่ร่างกายผมอาจต้องฝึกนิดหน่อย โดยมี 2 ตัวเลือก (เพราะความสูงผมคือค่อม 2 ไซส์) ถ้าเลือกไซส์ล่าง ถือว่าดูโปร รถจะสวย เบาะสูง แฮนด์ต่ำ เซ็ตง่าย แต่การควบคุมจะวูบวาบหน่อย แต่ถ้าเลือกไซส์บน ก็จะมั่นคงปั่นง่ายกว่า ก้มน้อยกว่า แต่ความ Aero ก็จะน้อยลงด้วย ซึ่งผมมีคันปั่นสบายไซส์บน อยู่แล้ว เป็นกราเวล ก็เลยตัดสินใจไหน ๆ ก็จะถอย Aero ก็ขอ Aero ให้สุดไปเลย ก็เลยจบไซส์ล่าง
การฟิตของที่นี่คือ วัดความกว้างก้น เพื่อหาเบาะที่เหมาะกับเราแล้วก็ วัดความยาวขา วัดความยาวช่วงไหล่ แค่นี้เลย ปรับคลีท ปรับองศาเบาะ ปรับความสูงอาน แล้วก็ให้ลองปั่น โดยที่เขาจะนั่งดูสรีระของเรา โดยให้เรา นั่ง ก้ม ยืน ปั่นไปเรื่อย ๆ สลับท่ากันไป และให้ปั่นเร็วบ้าง ช้าบ้าง และสังเกตุอาการต่าง ๆ เพื่อหาความสูง และองศาเบาะที่เขาว่าดี สำหรับเรา
ถัดมาคือ ให้ก้มจับแฮนด์แล้วปั่น เขาก็จะถามเรื่องน้ำหนักลงตรงไหน แล้วก็ทำการปรับองศาแฮนด์ ให้น้ำหนักไม่ทิ้งมาที่มือมากนัก พร้อมปรับชิฟเตอร์ให้หุบเข้าหรือกางออกเพื่อให้สอดคล้องกับไหล่เรา พร้อมสอนท่าจับที่ถูกต้องให้เรา
หลังจากปรับอานและแฮนด์เรียบร้อย ก็ให้ปั่นจริงจัง พร้อมดูท่าปั่น และสอนท่าที่ควรให้เรา
ซึ่งตรงนี้ถามว่าผมรู้สึกยังไง กับการปั่นบนเทรนเนอร์ ถือว่าดีมาก แต่ยังไม่ได้ลองปั่นไกล ๆ นะ แต่พี่เขาก็ Confirm ว่า รับรอง อาการเจ็บเพราะท่าผิดไม่มีแน่ แต่อาจเจ็บเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ดีกว่าที่เคยปั่นแน่นอน ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันดีนะ
แต่ ๆ ๆ ที่ส่วนตัวผมไม่ชอบคือ การฟิตครั้งนี้ผมว่ามันใช้ความรู้สึกเป็นหลักเลย มันไม่มีวิทยาศาสตร์ มันไม่มีค่าอะไรมาวัด แต่เพื่อนบางคนก็บอกว่าแบบนี้คือดี เพราะเขาดูว่าร่างกายเราเป็นแบบไหน ท่าทางแบบไหนคือดีสำหรับเรา จะต่างกับแบบคอมพิวเตอร์ อันนั้นคือละเอียดยิบ และมันสามารถบอกค่าอ้างอิงได้ แรงกดบันได องศาขณะปั่น ค่าเฉลี่ย มันบอกเป็น Value ได้ เช่น ก่อนฟิต เราออกแรงปั่นได้ค่าประมาณนึง แต่พอหลังฟิตเราสามารถออกแรงปั่นได้มากกว่าเดิม 20% และหลังจากไปซ้อมด้วยการฟิตนี้ อีก 3 เดือนมาวัดใหม่ เราอาจปั่นได้ดีกว่าเดิมถึง 60% อะไรประมาณนี้ คือมันมีตัวเลขที่เราเข้าใจได้ แต่การฟิตของผมคือ คำถามที่ว่า ปั่นดีขึ้นไหม มันแบบนั้นไหม มันแบบนี้ไหม คือความรู้สึกล้วน ๆ วัดออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้
สรุปคือ ผมก็ได้เอกสารมา 1 ฉบับ กับการปรับตำแหน่งการขี่ใหม่ เอาไว้ลองสัก 200 km แล้วจะมาอัพเดทอีกทีว่าเป็นยังไงครับ แต่ที่แน่ ๆ ว่าต่างจากเดิมคือ ตอนนี้ก้มมากกว่าเดิมมาก แต่เขา Confirm ว่าจะดีกว่าเดิม ....
อ้อ ที่เล่ามาทั้งหมดคือ 2 ชม. นะครับ เขาใส่ใจในการดู ในการพูดคุย ในการทดสอบมาก ๆ แต่แค่ผมอยากได้อะไรที่เป็น Value มากกว่านี้เท่านั้นเอง ซึ่งการฟิตครั้งนี้จะดีหรือไม่ดี ก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้อีกไม่จำกัดจำนวนครั้งในระยะเวลา 6 เดือนครับ