ราคาร่วงระนาว! ฟาร์มหมู ลดราคาขายปลีก โลละ20บาท หลังหมูเถื่อนทะลัก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7519469
ฟาร์มหมู ลดราคาขายปลีก กิโลกรัมละ 20 บาท หลังจาก หมูเถื่อน ทะลักเข้าไทย ฉุดราคาร่วงระนาวทุกภาค เทียบกับราคาเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
วันที่ 20 ก.พ.2566 สมาคมผู้เลี้ยงสุกกรแห่งชาติ เปิดเผยถึงภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ประจำวันพระที่ 19 ก.พ.2566 เปรียบเทียบกับราคาวันพระก่อนหน้า (13 ก.พ.) ว่า ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหมูลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. สมาคมต้องประกาศปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ราคาขายปลีก และราคาขายส่งลงในทุกภาค ดังนี้
ภาคตะวันออก ปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลง 6 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 84-86 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 134-137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 4 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 166-172 บาท/กิโลกรัม
ภาคอีสาน ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 8-10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 86-88 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 16 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 20 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 170-176 บาท/กิโลกรัม
ภาคเหนือ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 6 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 88 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 140 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 12 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่174-176 บาท/กิโลกรัม
ภาคใต้ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 4 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 86 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 7 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 8 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 170-172 บาท/กิโลกรัม
ชูวิทย์ ชงตร. เอาผิด ม.112 หยู ซินฉี แฉอีกสมาคมเถื่อนมาเฟียจีนเกลื่อน จ่อพบบิ๊กตู่
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7519472
ชูวิทย์ ชงตร. เอาผิด ม.112 หยู ซินฉี แฉอีกสมาคมเถื่อนมาเฟียจีนเกลื่อน 500-600 กลุ่ม จี้มหาดไทยตรวจสอบ จ่อพบบิ๊กตู่ พรุ่งนี้หลังประชุมครม.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.พ.2566 ที่สน.นางเลิ้ง นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง เข้าพบ พล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนาย
หยูซินฉี ประธานสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเชียน และสมาคมชาวจีนอื่นๆ ในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพบว่านาย
หยู ได้ตั้งสมาคมเถื่อนและแอบอ้างสถาบันเพื่อหาผลประโยชน์
นาย
ชูวิทย์ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมข้อมูลและพฤติการณ์ของนาย
หยู มานาน ก่อนจะส่งให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภา โดยนายหยู เป็นตัวอย่างของทุนจีนสีเทาอีกประเภท ที่อวดอ้างตนว่าใกล้ชิดกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งสถาบันหลัก โดยนายหยู ได้ต่อวีซ่าประเภทเกษียณ ที่ จ.ชลบุรี
แต่เมื่อไปตรวจสอบพบเป็นบ้านร้านในย่านหนองปรือ มีเพียงสุนัข 2 ตัว ส่วนตัวนายหยูอยู่กทม. ซึ่งบ้านดังกล่าว ลักษณะเหมือนบ้านร้างในภาคอีสาน ที่จัดตั้งเป็นสมาคมเถื่อน ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความรั่วไหล ถึงเวลาที่ควรจะย้ายสังกัดให้ไปขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย
นาย
ชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นาย
หยูยังนำเรื่องแอบอ้างสถาบันไปอวดอ้างกับชาวจีนให้เกิดความเข้าใจผิด จึงเห็นควรจะแจ้งข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 ซึ่งกฎหมายข้อนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ด้วยพฤติการณ์นาย
หยู มีความเข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงต้องการแจ้งข้อหานี้เพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาวไทย พร้อมฝากให้ ผบ.ตร.ต้องจัดการให้ถูกคน ถูกเรื่อง โดยตนจะแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพิ่มเติม จากการที่นาย
หยู กล่าวหาว่า ข้อมูลเรื่องทุนจีนเทาของตนเป็นเศษขยะ
นาย
ชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนยังพบว่ามีสมาคมต่างๆ ถึง 500-600 กลุ่มเฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ไม่ทราบว่ากระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบสมาคมเหล่านี้หรือไม่ และยังมีกลุ่มชาวจีนที่เปิดสำนักงานทนายความโดยใช้ชื่อชาวไทยบังหน้า มีที่ตั้งย่านพระราม 9 แต่แท้จริงกลับใช้ทนายคนจีน
และที่สำคัญยังมีสมาคมเถื่อนของนาย
ไบ๋เจ้า ฮวย มาเฟียแก๊ง 14K ของชาวจีน ที่มีลักษณะเป็นการซ่องสุมอั้งยี่ สมาคมหงเหมิน มีที่ตั้งย่าน ถ.ศรีวรา โดยวันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. ตนจะเข้าพบ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมครม.
ด้านพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้นาย
หยู ถูกแจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร และความผิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมโดยไม่ได้นับอนุญาต พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นพบว่าลักษณะของสมาคมเถื่อน มีทั้งการตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ต้องมีผู้กล่าวหา โดยนายชูวิทย์ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีในการปกป้องสถาบัน ตนได้นำเรียนให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้ว จากนี้ตำรวจจะรับเรื่องดำเนินการต่อไป และทยอยตรวจสอบพร้อมเพิกถอนสมาคมเถื่อนร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ส.ว.อำพล โวยนายกฯ-รมต.เทตอบกระทู้ หมกมุ่นหาเสียง ‘สิงห์ศึก’ แนะมอง รบ.สะสางงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3832754
‘ส.ว.อำพล’ โวย ‘นายกฯ-รมต.’ หายหัว เทตอบกระทู้วุฒิฯ จวกเละหมกมุ่นหาเสียง ด้าน ‘สิงห์ศึก’ แนะคิดบวก รัฐบาลติดพันสะสางงานคั่งค้าง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.
สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วันนี้มีกระทู้ถามเป็นหนังสือ 7 กระทู้ แต่เนื่องจากกระทู้ถามทั้งหมดทางรัฐมนตรี เช่น นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นาย
สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าติดภารกิจ ไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงขอเลื่อนตอบกระทู้ไปก่อน ดังนั้น ในวันนี้จึงไม่มีกระทู้ถามเป็นหนังสือ
ทำให้ นพ.
อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. ขอหารือเนื่องจากในวาระกระทู้ถามเป็นหนังสือในวันนี้ซึ่งเป็นการเลื่อนกระทู้มาตามลำดับ และได้รับการบรรจุถึง 7 กระทู้ ถือว่ามากทีเดียว นายกฯที่มอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบกระทู้ รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหลายอ้างติดภารกิจ พร้อมใจกันไม่มาตอบกระทู้ ทั้งๆ ที่มีระบุวันว่าจะมาตอบกระทู้ชัดเจน แต่มาถึงวินาทีสุดท้ายก็เลื่อนอีก
นพ.
อำพลกล่าวว่า การเป็นเช่นนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงจังและเต็มที่หรือไม่ แม้ในช่วงจะเป็นช่วงปลายสมัยประชุมสภาและปลายรัฐบาลแต่การบริหารแผ่นดินต้องเดินต่อไปไม่หยุด ไม่มีต้น ไม่มีปลาย การพัฒนาประเทศต้องไปข้างหน้าหยุดไม่ได้ แม้ว่าในเรื่องการเมืองคนจะนิยมมองเรื่องระยะสั้น และผลประโยชน์เฉพาะหน้าก็ตาม
นพ.
อำพลกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งเต็มที รัฐบาลอาจให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวเลือกตั้ง จนมองข้ามการบริหารหรือไม่ เราทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และการตั้งกระทู้ถามถึงการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ตอบชี้แจง แต่ถึงวันนี้รัฐบาลเลื่อนกระทู้เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเหมือนรอเวลาปิดสมัยประชุม และรอให้รัฐบาลหมดอายุไปหรือไม่ ในสัปดาห์หน้าเป็นการประชุมวุฒิสภาสัปดาห์สุดท้าย รัฐบาลตั้งใจจะตอบกระทู้ หรือจะให้กระทู้เหล่านี้ตกไป ให้เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้าไปหรือไม่ จึงถือโอกาสนี้สื่อสารไปถึงสาธารณะให้รับรู้การเลื่อนกระทู้แบบเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเช่นนี้
ด้าน พล.อ.
สิงห์ศึกชี้แจงว่า นายอำพลได้ตั้งกระทู้ถามหลายเรื่อง และหลายเรื่องได้รับการแจ้งตอบกลับมาจากรัฐมนตรีว่าติดภารกิจ ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องเตรียมการครบวาระของฝ่ายบริหาร ถ้ามองเจตนาดี ทางฝ่ายบริหารคงจะรีบสะสางงานที่คั่งค้างจำนวนมากให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ การเลื่อนตอบกระทู้ของรัฐมนตรีจะถูกบันทึกไว้ ให้พี่น้องประชาชนสามารถค้นหาได้ หากมีกรณีจำเป็นเร่งด่วน ส.ว.สามารถตั้งกระทู้ถามให้ตอบลงในราชกิจจานุเบกษา ไม่ต้องรอว่ารัฐมนตรีติดภารกิจหรือไม่ จึงขอให้คำแนะนำ นพ.
อำพลตามนี้
JJNY : ราคาร่วงระนาว!│ชูวิทย์ แฉอีกสมาคมเถื่อน มาเฟียจีนเกลื่อน│ส.ว.โวยนายกฯ-รมต.เทตอบกระทู้│มาครงลั่น “ปูตินพ่ายศึก”
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7519469
ฟาร์มหมู ลดราคาขายปลีก กิโลกรัมละ 20 บาท หลังจาก หมูเถื่อน ทะลักเข้าไทย ฉุดราคาร่วงระนาวทุกภาค เทียบกับราคาเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
วันที่ 20 ก.พ.2566 สมาคมผู้เลี้ยงสุกกรแห่งชาติ เปิดเผยถึงภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ประจำวันพระที่ 19 ก.พ.2566 เปรียบเทียบกับราคาวันพระก่อนหน้า (13 ก.พ.) ว่า ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหมูลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. สมาคมต้องประกาศปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ราคาขายปลีก และราคาขายส่งลงในทุกภาค ดังนี้
ภาคตะวันออก ปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลง 6 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 84-86 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 134-137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 4 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 166-172 บาท/กิโลกรัม
ภาคอีสาน ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 8-10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 86-88 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 16 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 20 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 170-176 บาท/กิโลกรัม
ภาคเหนือ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 6 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 88 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 10 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 140 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 12 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่174-176 บาท/กิโลกรัม
ภาคใต้ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลง 4 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 86 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายส่งปรับลดลง 7 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่137 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกปรับลดลง 8 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 170-172 บาท/กิโลกรัม
ชูวิทย์ ชงตร. เอาผิด ม.112 หยู ซินฉี แฉอีกสมาคมเถื่อนมาเฟียจีนเกลื่อน จ่อพบบิ๊กตู่
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7519472
ชูวิทย์ ชงตร. เอาผิด ม.112 หยู ซินฉี แฉอีกสมาคมเถื่อนมาเฟียจีนเกลื่อน 500-600 กลุ่ม จี้มหาดไทยตรวจสอบ จ่อพบบิ๊กตู่ พรุ่งนี้หลังประชุมครม.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.พ.2566 ที่สน.นางเลิ้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายหยูซินฉี ประธานสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเชียน และสมาคมชาวจีนอื่นๆ ในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพบว่านายหยู ได้ตั้งสมาคมเถื่อนและแอบอ้างสถาบันเพื่อหาผลประโยชน์
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมข้อมูลและพฤติการณ์ของนายหยู มานาน ก่อนจะส่งให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภา โดยนายหยู เป็นตัวอย่างของทุนจีนสีเทาอีกประเภท ที่อวดอ้างตนว่าใกล้ชิดกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งสถาบันหลัก โดยนายหยู ได้ต่อวีซ่าประเภทเกษียณ ที่ จ.ชลบุรี
แต่เมื่อไปตรวจสอบพบเป็นบ้านร้านในย่านหนองปรือ มีเพียงสุนัข 2 ตัว ส่วนตัวนายหยูอยู่กทม. ซึ่งบ้านดังกล่าว ลักษณะเหมือนบ้านร้างในภาคอีสาน ที่จัดตั้งเป็นสมาคมเถื่อน ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความรั่วไหล ถึงเวลาที่ควรจะย้ายสังกัดให้ไปขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นายหยูยังนำเรื่องแอบอ้างสถาบันไปอวดอ้างกับชาวจีนให้เกิดความเข้าใจผิด จึงเห็นควรจะแจ้งข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 ซึ่งกฎหมายข้อนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ด้วยพฤติการณ์นายหยู มีความเข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงต้องการแจ้งข้อหานี้เพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาวไทย พร้อมฝากให้ ผบ.ตร.ต้องจัดการให้ถูกคน ถูกเรื่อง โดยตนจะแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพิ่มเติม จากการที่นายหยู กล่าวหาว่า ข้อมูลเรื่องทุนจีนเทาของตนเป็นเศษขยะ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนยังพบว่ามีสมาคมต่างๆ ถึง 500-600 กลุ่มเฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ไม่ทราบว่ากระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบสมาคมเหล่านี้หรือไม่ และยังมีกลุ่มชาวจีนที่เปิดสำนักงานทนายความโดยใช้ชื่อชาวไทยบังหน้า มีที่ตั้งย่านพระราม 9 แต่แท้จริงกลับใช้ทนายคนจีน
และที่สำคัญยังมีสมาคมเถื่อนของนายไบ๋เจ้า ฮวย มาเฟียแก๊ง 14K ของชาวจีน ที่มีลักษณะเป็นการซ่องสุมอั้งยี่ สมาคมหงเหมิน มีที่ตั้งย่าน ถ.ศรีวรา โดยวันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. ตนจะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมครม.
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายหยู ถูกแจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร และความผิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมโดยไม่ได้นับอนุญาต พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นพบว่าลักษณะของสมาคมเถื่อน มีทั้งการตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ต้องมีผู้กล่าวหา โดยนายชูวิทย์ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีในการปกป้องสถาบัน ตนได้นำเรียนให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้ว จากนี้ตำรวจจะรับเรื่องดำเนินการต่อไป และทยอยตรวจสอบพร้อมเพิกถอนสมาคมเถื่อนร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ส.ว.อำพล โวยนายกฯ-รมต.เทตอบกระทู้ หมกมุ่นหาเสียง ‘สิงห์ศึก’ แนะมอง รบ.สะสางงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3832754
‘ส.ว.อำพล’ โวย ‘นายกฯ-รมต.’ หายหัว เทตอบกระทู้วุฒิฯ จวกเละหมกมุ่นหาเสียง ด้าน ‘สิงห์ศึก’ แนะคิดบวก รัฐบาลติดพันสะสางงานคั่งค้าง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วันนี้มีกระทู้ถามเป็นหนังสือ 7 กระทู้ แต่เนื่องจากกระทู้ถามทั้งหมดทางรัฐมนตรี เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าติดภารกิจ ไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงขอเลื่อนตอบกระทู้ไปก่อน ดังนั้น ในวันนี้จึงไม่มีกระทู้ถามเป็นหนังสือ
ทำให้ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. ขอหารือเนื่องจากในวาระกระทู้ถามเป็นหนังสือในวันนี้ซึ่งเป็นการเลื่อนกระทู้มาตามลำดับ และได้รับการบรรจุถึง 7 กระทู้ ถือว่ามากทีเดียว นายกฯที่มอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบกระทู้ รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหลายอ้างติดภารกิจ พร้อมใจกันไม่มาตอบกระทู้ ทั้งๆ ที่มีระบุวันว่าจะมาตอบกระทู้ชัดเจน แต่มาถึงวินาทีสุดท้ายก็เลื่อนอีก
นพ.อำพลกล่าวว่า การเป็นเช่นนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงจังและเต็มที่หรือไม่ แม้ในช่วงจะเป็นช่วงปลายสมัยประชุมสภาและปลายรัฐบาลแต่การบริหารแผ่นดินต้องเดินต่อไปไม่หยุด ไม่มีต้น ไม่มีปลาย การพัฒนาประเทศต้องไปข้างหน้าหยุดไม่ได้ แม้ว่าในเรื่องการเมืองคนจะนิยมมองเรื่องระยะสั้น และผลประโยชน์เฉพาะหน้าก็ตาม
นพ.อำพลกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งเต็มที รัฐบาลอาจให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวเลือกตั้ง จนมองข้ามการบริหารหรือไม่ เราทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และการตั้งกระทู้ถามถึงการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ตอบชี้แจง แต่ถึงวันนี้รัฐบาลเลื่อนกระทู้เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเหมือนรอเวลาปิดสมัยประชุม และรอให้รัฐบาลหมดอายุไปหรือไม่ ในสัปดาห์หน้าเป็นการประชุมวุฒิสภาสัปดาห์สุดท้าย รัฐบาลตั้งใจจะตอบกระทู้ หรือจะให้กระทู้เหล่านี้ตกไป ให้เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้าไปหรือไม่ จึงถือโอกาสนี้สื่อสารไปถึงสาธารณะให้รับรู้การเลื่อนกระทู้แบบเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเช่นนี้
ด้าน พล.อ.สิงห์ศึกชี้แจงว่า นายอำพลได้ตั้งกระทู้ถามหลายเรื่อง และหลายเรื่องได้รับการแจ้งตอบกลับมาจากรัฐมนตรีว่าติดภารกิจ ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องเตรียมการครบวาระของฝ่ายบริหาร ถ้ามองเจตนาดี ทางฝ่ายบริหารคงจะรีบสะสางงานที่คั่งค้างจำนวนมากให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ การเลื่อนตอบกระทู้ของรัฐมนตรีจะถูกบันทึกไว้ ให้พี่น้องประชาชนสามารถค้นหาได้ หากมีกรณีจำเป็นเร่งด่วน ส.ว.สามารถตั้งกระทู้ถามให้ตอบลงในราชกิจจานุเบกษา ไม่ต้องรอว่ารัฐมนตรีติดภารกิจหรือไม่ จึงขอให้คำแนะนำ นพ.อำพลตามนี้