เราทำงานที่ต้องประสานงานกับคนภายนอก แล้วดูเหมือนว่าเราจะไม่ค่อยมีทักษะในการต่อรองสักเท่าไหร่ หัวหน้าบอกว่าเราเป็นคนทำงานเรียบร้อย ละเอียดรอบคอบ แต่ไม่มีลูกล่อลูกชน ซึ่งเราก็รู้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะยอมรับดีไหม เราเป็นคนทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่ชอบมีปัญหากับใคร ไม่ใช่คนที่มีความกล้าอะไรนักหรอก
เวลาเราเจอปัญหาอะไรจากคู่ค้า ส่วนใหญ่เราจะไม่เป็นคนชนหรือเป็นคนตัดสินใจเอง เช่น ถ้าคู่ค้าส่งงานล่าช้ากว่าปกติ ถ้าเรามีการคุยหลายครั้งแล้วยังล่าช้า เราจะส่งเรื่องให้หัวหน้าคุยต่อ (เพราะเราก็โดนหัวหน้าตามเร่งอีกที ในเมื่อเราเร่งไม่สำเร็จ ก็ให้หัวหน้าเร่งเอง เผื่อเขาจะมีการใช้คำพูดกับคู่ค้าในแบบที่คนอย่างเราพูดไม่ได้) หรือถ้าคู่ค้าต้องการต่อรองหรือเรียกร้องอะไรนอกเหนือจากข้อตกลงตามนโยบายปกติขององค์กรเรา เราจะไม่เป็นคนตัดสินใจว่าได้หรือไม่ได้ เพราะเราถูกหัวหน้าสอนมาว่าเราเป็นคนประสานงาน และรายงานปัญหา ไม่ใช่คนฟันธง เราจะส่งเรื่องให้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นและมีอำนาจตัดสินใจเป็นคนพิจารณา เช่น ถ้าคู่ค้ามีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย เราก็จะส่งให้ฝ่ายนิติกรพิจารณาเลย ถ้าเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเงิน เราก็จะส่งให้ฝ่ายการเงินพิจารณาเลย ตัดสินใจออกมายังไง เราค่อยเอาไปแจ้งให้คู่ค้าทราบ เราจะไม่เป็นคนคอยโน้มน้าวคู่ค้าว่าต้องทำตามนโยบายองค์กรเราเท่านั้น ห้ามขอเปลี่ยนแปลงหรือเรียกร้องนั่นนี่ มันไม่ใช่นิสัยเรา หัวหน้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ลูกล่อลูกชน
การที่เราเป็นแบบนี้ อาจดูเหมือนเป็นคนขี้กลัวและยอมคน แต่ในมุมมองของเรา ก็คือเรารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีสิทธิที่จะไปชนกับใคร เราไม่อยากทำอะไรที่จะเสี่ยงให้ตัวเองเดือดร้อน ถ้าเราเดือดร้อนก็ไม่รู้ว่าหน้าจะสามารถช่วยอะไรเราได้หรือไม่ เพราะขนาดเราเคยโดนหัวหน้าแผนกอื่นสั่งให้ทำงานที่ไม่ใช่หน้าที่เราโดยตรง แถมให้เวลาทำน้อยมาก ตอนนั้นหัวหน้าเราก็อยู่ด้วย แต่เขาไม่ช่วยพูดปกป้องอะไรที่เราเลย เราจึงจำใจทำงานนั้น แล้วหัวหน้าก็มาพูดกับเราทีหลังว่าหัวหน้าคนนั้นทำไม่ถูกต้อง เราควรหัดปฏิเสธบ้าง (เราคิดในใจว่า เราจะปฏิเสธได้ยังไง สถานะเราต่ำกว่าคนที่สั่งงานเรา ขนาดหัวหน้ายังไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง)
ตอนนี้เราจึงสงสัยว่า เราควรจะทำยังไงถึงจะมีลูกล่อลูกชน หรือว่าเราควรเป็นอย่างที่เป็นอยู่แล้ว
ต้องทำยังไงถึงจะเป็นคนมีลูกล่อลูกชนในการทำงาน
เวลาเราเจอปัญหาอะไรจากคู่ค้า ส่วนใหญ่เราจะไม่เป็นคนชนหรือเป็นคนตัดสินใจเอง เช่น ถ้าคู่ค้าส่งงานล่าช้ากว่าปกติ ถ้าเรามีการคุยหลายครั้งแล้วยังล่าช้า เราจะส่งเรื่องให้หัวหน้าคุยต่อ (เพราะเราก็โดนหัวหน้าตามเร่งอีกที ในเมื่อเราเร่งไม่สำเร็จ ก็ให้หัวหน้าเร่งเอง เผื่อเขาจะมีการใช้คำพูดกับคู่ค้าในแบบที่คนอย่างเราพูดไม่ได้) หรือถ้าคู่ค้าต้องการต่อรองหรือเรียกร้องอะไรนอกเหนือจากข้อตกลงตามนโยบายปกติขององค์กรเรา เราจะไม่เป็นคนตัดสินใจว่าได้หรือไม่ได้ เพราะเราถูกหัวหน้าสอนมาว่าเราเป็นคนประสานงาน และรายงานปัญหา ไม่ใช่คนฟันธง เราจะส่งเรื่องให้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นและมีอำนาจตัดสินใจเป็นคนพิจารณา เช่น ถ้าคู่ค้ามีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย เราก็จะส่งให้ฝ่ายนิติกรพิจารณาเลย ถ้าเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเงิน เราก็จะส่งให้ฝ่ายการเงินพิจารณาเลย ตัดสินใจออกมายังไง เราค่อยเอาไปแจ้งให้คู่ค้าทราบ เราจะไม่เป็นคนคอยโน้มน้าวคู่ค้าว่าต้องทำตามนโยบายองค์กรเราเท่านั้น ห้ามขอเปลี่ยนแปลงหรือเรียกร้องนั่นนี่ มันไม่ใช่นิสัยเรา หัวหน้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ลูกล่อลูกชน
การที่เราเป็นแบบนี้ อาจดูเหมือนเป็นคนขี้กลัวและยอมคน แต่ในมุมมองของเรา ก็คือเรารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีสิทธิที่จะไปชนกับใคร เราไม่อยากทำอะไรที่จะเสี่ยงให้ตัวเองเดือดร้อน ถ้าเราเดือดร้อนก็ไม่รู้ว่าหน้าจะสามารถช่วยอะไรเราได้หรือไม่ เพราะขนาดเราเคยโดนหัวหน้าแผนกอื่นสั่งให้ทำงานที่ไม่ใช่หน้าที่เราโดยตรง แถมให้เวลาทำน้อยมาก ตอนนั้นหัวหน้าเราก็อยู่ด้วย แต่เขาไม่ช่วยพูดปกป้องอะไรที่เราเลย เราจึงจำใจทำงานนั้น แล้วหัวหน้าก็มาพูดกับเราทีหลังว่าหัวหน้าคนนั้นทำไม่ถูกต้อง เราควรหัดปฏิเสธบ้าง (เราคิดในใจว่า เราจะปฏิเสธได้ยังไง สถานะเราต่ำกว่าคนที่สั่งงานเรา ขนาดหัวหน้ายังไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง)
ตอนนี้เราจึงสงสัยว่า เราควรจะทำยังไงถึงจะมีลูกล่อลูกชน หรือว่าเราควรเป็นอย่างที่เป็นอยู่แล้ว