สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
สาวไทยรุ่นใหม่ใจกล้าจังค่ะ ไม่เคยเจอผู้ชายตัวเป็น ๆ แค่คุยกันทางออนไลน์กับผู้ชายและครอบครัวเขาก็เลยไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นเราคงให้ผู้ชายไปหาที่ไทยช่วงที่เราปิดเทอม คุณเป็นผู้หญิง ให้ผู้ชายไปหาที่ไทยยังไงก็ปลอดภัยกว่า ถ้าเจอหน้ากันแต่ไม่คลิกกันหรือตัวจริงเขามีอะไรบางอย่างที่คุณไม่ชอบ คุณก็ยังปลีกตัวออกมาได้ง่ายกว่าการที่ต้องไปพักกับเขาหรือบ้านพ่อแม่เขาที่อเมริกาซึ่งเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคุณทั้งนั้น แค่เพราะคุณติดเรียนเลยคิดจะทำวีซ่าไปหาแฟนที่ไม่เคยเจอกัน ไม่คุ้มกับความเสี่ยงเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
ทำไมผู้ใหญ่เว็บนี้ใจร้ายจังเลย เหมือนมีเวลาว่างชอบไปจับผิดน้องเขา หาว่าน้องเขาจะหนีบ้างอะไรบ้าง
น้องเขาก็อาจจะมีความคิดบ้างแหละ แต่น้องเขาก็บอกแล้วว่ามันค่อนข้างเป็นไปได้ยาก สำหรับอาชีพสัตวแพทย์
แต่สิ่งหลายคนเป็นห่วงกัน ซึ่งเห็นด้วย คือได้มีโอกาสเจอกันตัวต่อตัวหรือยัง สำหรับแฟน ที่ตัวเองกำลังจะบินไปหา อเมริกาก็ไกล ไม่ใช่แค่เชียงใหม่ ภูเก็ตที่บินไปแป๊บเดียวก็ถึง เกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา นี่ช่วยเหลืออะไรลำบากแน่นอน
ส่วนการขอวีซ่า วีซ่าอเมริกาปกติ เกณฑ์ในการผ่านส่วนมาก จะอยู่ที่ข้อมูลที่กรอกเอาไว้ใน DS160 และก็จะมีการสัมภาษณ์ส่วนแรก กับเจ้าหน้าที่คนไทย ด้วยภาษาไทย ตรงนี้จะเป็นด่านสำคัญที่สุด ในการตัดสินว่าจะผ่านไม่ผ่าน ส่วนสัมภาษณ์กับฝรั่งด่านที่สอง เป็นการสัมภาษณ์พอเป็นพิธี
ก็เตรียมตัวดีๆล่ะกันครับ สเตทเม้น ปกติวีซ่าท่องเที่ยวไม่ขอดู กรณีเป็นคนทำงาน แต่ถ้ายังเรียน ก็ต้องขอผู้ปกครองแหละครับ ส่วนจะบอกตรงๆไปหาแฟนหรือไปเที่ยว อันนี้ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจ ด้วยธรรมชาติ การเดินทางไปหาคนรัก ไปหาคนใกล้ชิด เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับประเทศไทย ที่มีคนหนีวีซ่าเยอะ ก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อการสัมภาษณ์ได้
พอวีซ่าผ่าน ด่านต่อมา คือ ตม อเมริกาครับ ถ้า ตม สงสัย หรือข้อมูลไม่ตรงกับที่สัมภาษณ์เอาไว้ ก็อาจจะโดนส่งกลับได้ครับ ก็ต้องเตรียมตัวดีๆล่ะกันครับ
นี่แหละ เด็กสมัยใหม่เขาอยากย้ายประเทศกัน เพราะผู้ใหญ่ประเทศนี้ดูไม่เป็นมิตรกับเด็กเลย อาศัยแค่ว่าตัวเองแก่กว่า ประสบการณ์เยอะกว่า แล้วเอามาข่มเด็กอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เข้าใจแหละครับ ว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ก็น่าจะตักเตือนให้ดูเป็นมิตรหน่อย
น้องเขาก็อาจจะมีความคิดบ้างแหละ แต่น้องเขาก็บอกแล้วว่ามันค่อนข้างเป็นไปได้ยาก สำหรับอาชีพสัตวแพทย์
แต่สิ่งหลายคนเป็นห่วงกัน ซึ่งเห็นด้วย คือได้มีโอกาสเจอกันตัวต่อตัวหรือยัง สำหรับแฟน ที่ตัวเองกำลังจะบินไปหา อเมริกาก็ไกล ไม่ใช่แค่เชียงใหม่ ภูเก็ตที่บินไปแป๊บเดียวก็ถึง เกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา นี่ช่วยเหลืออะไรลำบากแน่นอน
ส่วนการขอวีซ่า วีซ่าอเมริกาปกติ เกณฑ์ในการผ่านส่วนมาก จะอยู่ที่ข้อมูลที่กรอกเอาไว้ใน DS160 และก็จะมีการสัมภาษณ์ส่วนแรก กับเจ้าหน้าที่คนไทย ด้วยภาษาไทย ตรงนี้จะเป็นด่านสำคัญที่สุด ในการตัดสินว่าจะผ่านไม่ผ่าน ส่วนสัมภาษณ์กับฝรั่งด่านที่สอง เป็นการสัมภาษณ์พอเป็นพิธี
ก็เตรียมตัวดีๆล่ะกันครับ สเตทเม้น ปกติวีซ่าท่องเที่ยวไม่ขอดู กรณีเป็นคนทำงาน แต่ถ้ายังเรียน ก็ต้องขอผู้ปกครองแหละครับ ส่วนจะบอกตรงๆไปหาแฟนหรือไปเที่ยว อันนี้ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจ ด้วยธรรมชาติ การเดินทางไปหาคนรัก ไปหาคนใกล้ชิด เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับประเทศไทย ที่มีคนหนีวีซ่าเยอะ ก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อการสัมภาษณ์ได้
พอวีซ่าผ่าน ด่านต่อมา คือ ตม อเมริกาครับ ถ้า ตม สงสัย หรือข้อมูลไม่ตรงกับที่สัมภาษณ์เอาไว้ ก็อาจจะโดนส่งกลับได้ครับ ก็ต้องเตรียมตัวดีๆล่ะกันครับ
นี่แหละ เด็กสมัยใหม่เขาอยากย้ายประเทศกัน เพราะผู้ใหญ่ประเทศนี้ดูไม่เป็นมิตรกับเด็กเลย อาศัยแค่ว่าตัวเองแก่กว่า ประสบการณ์เยอะกว่า แล้วเอามาข่มเด็กอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เข้าใจแหละครับ ว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ก็น่าจะตักเตือนให้ดูเป็นมิตรหน่อย
แสดงความคิดเห็น
เป็นนักศึกษา ขอวีซ่าท่องเที่ยวเมกา มีโอกาสผ่านไหม ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหน่อยค่า
ถ้าไม่บอกว่าไปหาแฟน บอกแค่ไปเที่ยว เขาจะขอดู statement ไหม ตอนแรกคิดว่าจะบอกไปตรงๆเลยว่าไปหาแฟน แล้วให้แฟนเป็น sponsor ให้ แต่มีคนบอกว่าถ้าบอกว่าไปหาแฟนโอกาสผ่านจะยากขึ้น แต่ถ้าบอกว่าไปเที่ยวเฉยๆ แล้วเขาขอดู statement ซึ่งของเราก็ไม่ได้มีเงินเข้าออกเยอะ มีคนแนะนำมาว่าให้ใส่หลักฐานการเป็นนักศึกษาไปด้วยจะช่วยให้ผ่านง่ายขึ้น เป็นหลักฐานยืนยันว่าเราต้องกลับมาเรียน
เราไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เพราะตอนแรกแพลนไว้ว่าแฟนจะมาหาเราที่ไทย แต่ติดปัญหานิดหน่อยเลยคุยกันเรื่องให้เราลองทำวีซ่าไปเมกาแทน เพราะเรามีช่วงปิดเทอมสามารถอยู่ได้หลายวัน แต่เขาลางานได้แค่ไม่กี่วัน แล้วช่วงที่เขาลาได้ ก็เป็นช่วงที่เรายังเรียนอยู่ เลยคิดว่าถ้าเราไปช่วงปิดเทอมน่าจะโอเคกว่า
ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหน่อยค่า