ขนส่งเจ้าหนึ่ง เจ้าดังสีส้ม ที่เพิ่งถูกทุนจีนเทคโอเวอร์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
มีการเปลี่ยนแปลงผังองค์กร รวมถึงปลดและลดค่าจ้างและค่าน้ำมันพนักงานขนส่งพนักงานเกือบทั้งหมด
ส่งผลให้พนักงานขนส่งลาออกเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ
เพราะตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา การขนส่งมีความล่าช้าผิดปกติ
จนมาถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ การขนส่ง "หยุดชะงัก" และไม่มีการส่งของอีกเลย
สำหรับคนที่ใช้บริการในพื้นที่ใน กทม. ทำให้ได้รับของล่าช้า หรืออาจจะตีกลับต้นทาง
ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดเกือบทั้งหมด สินค้าจะถูกพักไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้าปลายทาง จนกว่าจะหมดอายุและทำการตีกลับ
โดย "ไม่มีการนำส่ง" ใดใด
บางสาขาใช้วิธีหัวหมอ ขึ้นในระบบว่านำส่งแต่โทรหาลูกค้าไม่สำเร็จบ้าง ไม่มีคนรับสินค้าบ้าง ลูกค้าปฏิเสธการรับสินค้าบ้าง
ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีการติดต่อใดใด
กรณีข้างต้นอาจจะดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำสำหรับธุรกิจขนส่งสินค้า
แต่ครั้งนี้มีความ "ไม่ปกติ" ตรงที่กรณีแบบนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศพร้อมๆกัน และเป็นระยะเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว
ผลกระทบส่งผลไม่มากสำหรับบุคคลทั่วไป สินค้าตีกลับก็แค่ส่งใหม่
แต่ในมุมมองระดับประเทศ หรือสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ E-commerce สร้างความเสียหายสูงมากทั้งทางตรงและทางอ้อม
ค่าส่งที่ถูกตีกลับไม่ได้รับการรับผิดชอบใดใดในกรณีที่ในระบบแจ้งว่านำส่งไม่สำเร็จเนื่องจากติดต่อผู้รับไม่ได้/ผู้รับปฏิเสธการรับสินค้า
สำหรับผู้ที่สินค้าตีกลับโดยไม่มีการนำส่ง "ต้อง"ทำการติดต่อไปร้องเรียนเพื่อขอรับวอชเชอร์ค่าส่งราคาเท่ากับที่ได้สูญเสียไป และบังคับใช้เฉพาะกับขนส่งเจ้านี้เฉพาะหน้าร้านเท่านั้นด้วย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งเป็นเงินกินเปล่าของทางบริษัทขนส่ง
มีการคาดเดาไปต่างๆนาๆว่าการกินหมูในรอบนี้ บริษัทที่ถูกเทคโอเวอร์ไปจะมีแนวโน้มที่จะทำการปิดตัวและเปลี่ยนไปทำธุรกิจด้านอื่นๆหรือไม่
เพราะผลกำไรที่ลดลงทุกปี จากการแข่งขันกับคู่แข่งทางการค้าที่ทำกำไรมากขึ้นมาโดยตลอดเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป และไม่มีการชี้แจงจากบริษัทเจ้าดัง ดังกล่าวจนถึงเวลานี้
กรณีข่าวขนส่งเจ้าหนึ่งตีกลับสินค้าทั่วประเทศ
มีการเปลี่ยนแปลงผังองค์กร รวมถึงปลดและลดค่าจ้างและค่าน้ำมันพนักงานขนส่งพนักงานเกือบทั้งหมด
ส่งผลให้พนักงานขนส่งลาออกเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ
เพราะตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา การขนส่งมีความล่าช้าผิดปกติ
จนมาถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ การขนส่ง "หยุดชะงัก" และไม่มีการส่งของอีกเลย
สำหรับคนที่ใช้บริการในพื้นที่ใน กทม. ทำให้ได้รับของล่าช้า หรืออาจจะตีกลับต้นทาง
ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดเกือบทั้งหมด สินค้าจะถูกพักไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้าปลายทาง จนกว่าจะหมดอายุและทำการตีกลับ
โดย "ไม่มีการนำส่ง" ใดใด
บางสาขาใช้วิธีหัวหมอ ขึ้นในระบบว่านำส่งแต่โทรหาลูกค้าไม่สำเร็จบ้าง ไม่มีคนรับสินค้าบ้าง ลูกค้าปฏิเสธการรับสินค้าบ้าง
ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีการติดต่อใดใด
กรณีข้างต้นอาจจะดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำสำหรับธุรกิจขนส่งสินค้า
แต่ครั้งนี้มีความ "ไม่ปกติ" ตรงที่กรณีแบบนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศพร้อมๆกัน และเป็นระยะเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว
ผลกระทบส่งผลไม่มากสำหรับบุคคลทั่วไป สินค้าตีกลับก็แค่ส่งใหม่
แต่ในมุมมองระดับประเทศ หรือสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ E-commerce สร้างความเสียหายสูงมากทั้งทางตรงและทางอ้อม
ค่าส่งที่ถูกตีกลับไม่ได้รับการรับผิดชอบใดใดในกรณีที่ในระบบแจ้งว่านำส่งไม่สำเร็จเนื่องจากติดต่อผู้รับไม่ได้/ผู้รับปฏิเสธการรับสินค้า
สำหรับผู้ที่สินค้าตีกลับโดยไม่มีการนำส่ง "ต้อง"ทำการติดต่อไปร้องเรียนเพื่อขอรับวอชเชอร์ค่าส่งราคาเท่ากับที่ได้สูญเสียไป และบังคับใช้เฉพาะกับขนส่งเจ้านี้เฉพาะหน้าร้านเท่านั้นด้วย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งเป็นเงินกินเปล่าของทางบริษัทขนส่ง
มีการคาดเดาไปต่างๆนาๆว่าการกินหมูในรอบนี้ บริษัทที่ถูกเทคโอเวอร์ไปจะมีแนวโน้มที่จะทำการปิดตัวและเปลี่ยนไปทำธุรกิจด้านอื่นๆหรือไม่
เพราะผลกำไรที่ลดลงทุกปี จากการแข่งขันกับคู่แข่งทางการค้าที่ทำกำไรมากขึ้นมาโดยตลอดเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป และไม่มีการชี้แจงจากบริษัทเจ้าดัง ดังกล่าวจนถึงเวลานี้