เรื่องคราวๆ มีอยู่ว่า
- มีอุบัติเหตุ เกิดขึ้น 2 ธันวาคม คู่กรณี พาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลเอง (ผู้บาดเจ็บไม่ประสงค์รอตำรวจ มารู้ตอนพาส่ง ว่าดื่มสุรามาก่อนเกิดอุบัติเหตุ) โดยในคืนนั้น ผู้บาดเจ็บขอโทษขอโพย ยอมรับขับรถเร็ว และดื่มมาจริง อีกทั้งแก่แล้ว ไม่มีงานทำ และพิการ เลยไม่ติดใจเอาความ และช่วยรักษาให้
- ผู้บาดเจ็บมีแผลที่พบบริเวณใบหน้า ในการพาไปรักษาคืนนั้น แล้วหมอเซ็นใบหยุดงานให้ 1 วัน พร้อมแจ้งพากลับบ้านได้
- เวลาผ่านไป 4 วัน อยู่ๆ ผู้บาดเจ็บ ก็ไปแจ้งความ แจ้งจับคู่กรณี เพื่อต้องการค่าทำขวัญ จากที่เคยขอ 5000 ขึ้นเป็น 25000
- ตำรวจแจ้งว่า ผู้บาดเจ็บ ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ปกติตีมูลค่าการชดเชยตามใบรับรองแพทย์ว่าหยุดงานไปกี่วัน...หรือ ประมาณวันละ 300 บาท ผู้บาดเจ็บตอนนั้น ก็ปกติดีแล้ว เดินไปไหนมาไหนได้ เพราะช่วง 4 วันหลังเกิดเหตุ คู่กรณี ก็ขับรถพาไปทำแผล และติดต่อธุระอะไรให้ ก็เห็นผู้บาดเจ็บเดินได้ปกติ
- เวลาผ่านไปอีก 10 วันจากวันที่เกิดเหตุ (วันที่ 12) ผู้บาดเจ็บ ส่งรูปตัวเองนอนอยู่บ้านพร้อมใส่เฝือก และมาแจ้งว่า ขอเวลาพักฟื้น 2 เดือน แล้วค่อยตกลงกันใหม่
- เวลาผ่านเลยล่วงมา จากที่ขอค่าทำขวัญ 5000 เป็น 25,000 เป็น 45,000 ขอเพิ่มเป็น 200,000 และล่าสุด ก็ขอเพิ่มเป็น 250,000 ทุกๆ ครั้งที่เจอหน้า โดยแต่ละครั้งที่เจอหน้า อ้างว่า เสียรายได้ (เรื่องกำลังอยู่ในชั้นศาล)
-----------------------------------------------------------
ประเด็นของคำถามคือ
- วันที่ 2 คู่กรณี พาคนบาดเจ็บ ไปรักษาเอง ไม่มีตำรวจใดๆ และวันแรกที่ไป หลังจากทำแผลเสร็จ แพทย์ระบุไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ให้กลับบ้านได้ และพักฟื้นหยุดงาน 1 วัน
- แต่วันที่ขึ้นศาล มีเอกสารที่ปรากฏออกมา 1 ฉบับ ว่า "วันเกิดเหตุ วันที่ 2 ธันวา นั้น คนที่พาคนเจ็บไปโรงพยาบาล คือ "ตำรวจ" และความเห็นแพทย์ในเอกสารใบนั้นคือ "ผู้บาดเจ็บ มีอาการขาหัก กระดูกแตก อาการสาหัส และมีความเห็นควรพักฟื้นร่างกาย 30 วัน"... ลงชื่อแพทย์พร้อม โดยระบุว่า เอกสารดังกล่าว ได้มีการตรวจคนบาดเจ็บวันที่ 2 ผู้ที่นำส่ง และรับตัวคนเจ็บคือ "ตำรวจ"
------------------------------------------------------------
เลยเกิดข้อสงสัยคือ
1. เอกสารดังกล่าว ตำรวจ เขาทำขึ้นมาเองหรือไม่ โดยตลอดช่วงเวลาที่มีการไกล่เกลี่ย ผู้บาดเจ็บ "ขอเรียกเงินขึ้นตลอด" โดยตำรวจก็พยายามพูดว่า อย่าสู้เลย เสียเวลา คุณสู้ก็เจ็บหนัก จ่ายๆ เขาไปซะ จะผ่อนจ่ายอะไรก็ว่ากันไป เขาจะเมา หรือไม่เมา เขาจะขับเร็วหรือไม่เร็ว มันไม่เกี่ยว เขาฟ้อง คุณก็มีหน้าที่จ่าย ถ้าไม่จ่าย ผมก็ทำเรื่องขึ้นศาลไป แต่เคสแบบนี้บอกเลยว่า ยังไงๆ น้องก็แพ้.... (ไม่อยากคิดไม่ดี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกัน หรือมีส่วนได้เสียกันหรือไม่)
2. ถ้าเอกสารนั้น แพทย์ระบุเป็นของจริง แล้วทำไมเมื่อเอกสารแพทย์ระบุว่าบาดเจ็บสาหัส ทำไมต้องรอให้เรื่องผ่านไป 10 วัน ถึงเรียกคนเจ็บไปใส่เฝือก.. แบบนี้คือแพทย์รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ ? หรือ แพทย์ประมาทในการตรวจคนไข้ ซึ่งถ้าคนไข้สาหัสตามเอกสารจริง ทำไมวันแรก ถึงยอมให้กลับ และไม่ได้ใส่เฝือกอะไรใดๆ กลับบอกแค่ว่า ไม่มีอะไรมาก พร้อมออกใบรับรองแพทย์แค่ 1 วัน
---------------------------------------------------------
ที่ผมถามเรื่องนี้ เพราะผมสงสัยกับเอกสารฉบับนี้มากๆ ซึ่งเอกสารดังกล่าว ได้ระบุว่าจัดทำขึ้นโดยตำรวจท่านหนึ่ง และมีลายเซ็นของแพทย์ระบุไว้ด้วย มันจึงมีน้ำหนักในชั้นศาลมาก เกี่ยวกับข้อสงสัยที่ว่า "ตกลง..บาดเจ็บสาหัส หรือ ไม่สาหัสกันแน่" ถ้าแพทย์บอกว่า บาดเจ็บสาหัส.. แต่ให้คนไข้กลับบ้านไปได้ โดยไม่ได้ทำการรักษาอะไรใดๆ และให้คนเจ็บใช้ชีวิตตามปกติไปกว่า 10 วัน ถึงเรียกคนเจ็บมาใส่เฝือก... มันก็เลยสงสัยกันไปใหญ่
ปล. ขอถามอีกประเด็นครับ ผู้บาดเจ็บ พิการมือซ้าย มีเหลือแค่นิ้วโป้งนิ้วเดียว กับเท้าทั้ง 2 ข้าง ที่นิ้วหายไปหลายนิ้ว (จำไม่ได้) โดยผู้บาดเจ็บ ได้ขี่รถมอเตอร์ไซด์ HONDA LS รุ่นเก่า เป็นรุ่นที่มือขวา ต้องกำคาร์สก่อนใส่เกียร์ ส่วนมือซ้าย ไว้กำเบรคหน้า โดยเมื่อนิ้วมือซ้ายไม่มีเลย เหลือแค่นิ้วโป้ง นั้นคือ เขาจะเหลือแค่เบรกเท้าที่ควบคุมรถได้... วันเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บ ขี่รถบนถนนในซอย ที่กว้างประมาณ 8 เมตร แบบเลนเดียววิ่งสวนกัน ด้วยความเร็วจากที่วัดได้ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.. โดยอ้างว่า ตามกฏหมายห้ามขับเร็วเกิน 80 เขาจึงเถียงคอเป็นเอ็น ว่าเขาไม่ได้ขับรถเร็ว ยังไม่ถึง 80 อีกทั้งเรื่องดื่มมา ก็ไม่พูดถึง ตำรวจก็ไม่สนใจเรื่องดื่มหรือไม่ดื่มด้วย ไม่ได้สนใจเรื่องความเร็วด้วย มีแค่แนะนำว่าให้จ่ายๆ ก็จบๆ ไปแค่นั้น... เลยอยากรู้ว่าแบบนี้ นับเป็นความประมาทหรือไม่ ตำรวจบอกว่า "เขาไม่ประมาท" เพราะ... ถ้าเขาประมาท จะกลายเป็น ประมาทร่วม ค่าชดใช้จะต่างกันมหาศาล กับที่เขาพยายามให้ผม "ประมาทฝ่ายเดียว 100%" เลยอยากรู้แค่ว่า
1. ผมสามารถขอตรวจสอบความเป็นมาขอเอกสารนั้นได้หรือไม่ หรือทำการฟ้องแพทย์ได้หรือไม่
2. ประเด็นการขับขี่ที่มอง นับเป็นการประมาทด้วยหรือไม่
สามารถฟ้องแพทย์ ได้หรือไม่ ?
- มีอุบัติเหตุ เกิดขึ้น 2 ธันวาคม คู่กรณี พาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลเอง (ผู้บาดเจ็บไม่ประสงค์รอตำรวจ มารู้ตอนพาส่ง ว่าดื่มสุรามาก่อนเกิดอุบัติเหตุ) โดยในคืนนั้น ผู้บาดเจ็บขอโทษขอโพย ยอมรับขับรถเร็ว และดื่มมาจริง อีกทั้งแก่แล้ว ไม่มีงานทำ และพิการ เลยไม่ติดใจเอาความ และช่วยรักษาให้
- ผู้บาดเจ็บมีแผลที่พบบริเวณใบหน้า ในการพาไปรักษาคืนนั้น แล้วหมอเซ็นใบหยุดงานให้ 1 วัน พร้อมแจ้งพากลับบ้านได้
- เวลาผ่านไป 4 วัน อยู่ๆ ผู้บาดเจ็บ ก็ไปแจ้งความ แจ้งจับคู่กรณี เพื่อต้องการค่าทำขวัญ จากที่เคยขอ 5000 ขึ้นเป็น 25000
- ตำรวจแจ้งว่า ผู้บาดเจ็บ ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ปกติตีมูลค่าการชดเชยตามใบรับรองแพทย์ว่าหยุดงานไปกี่วัน...หรือ ประมาณวันละ 300 บาท ผู้บาดเจ็บตอนนั้น ก็ปกติดีแล้ว เดินไปไหนมาไหนได้ เพราะช่วง 4 วันหลังเกิดเหตุ คู่กรณี ก็ขับรถพาไปทำแผล และติดต่อธุระอะไรให้ ก็เห็นผู้บาดเจ็บเดินได้ปกติ
- เวลาผ่านไปอีก 10 วันจากวันที่เกิดเหตุ (วันที่ 12) ผู้บาดเจ็บ ส่งรูปตัวเองนอนอยู่บ้านพร้อมใส่เฝือก และมาแจ้งว่า ขอเวลาพักฟื้น 2 เดือน แล้วค่อยตกลงกันใหม่
- เวลาผ่านเลยล่วงมา จากที่ขอค่าทำขวัญ 5000 เป็น 25,000 เป็น 45,000 ขอเพิ่มเป็น 200,000 และล่าสุด ก็ขอเพิ่มเป็น 250,000 ทุกๆ ครั้งที่เจอหน้า โดยแต่ละครั้งที่เจอหน้า อ้างว่า เสียรายได้ (เรื่องกำลังอยู่ในชั้นศาล)
-----------------------------------------------------------
ประเด็นของคำถามคือ
- วันที่ 2 คู่กรณี พาคนบาดเจ็บ ไปรักษาเอง ไม่มีตำรวจใดๆ และวันแรกที่ไป หลังจากทำแผลเสร็จ แพทย์ระบุไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ให้กลับบ้านได้ และพักฟื้นหยุดงาน 1 วัน
- แต่วันที่ขึ้นศาล มีเอกสารที่ปรากฏออกมา 1 ฉบับ ว่า "วันเกิดเหตุ วันที่ 2 ธันวา นั้น คนที่พาคนเจ็บไปโรงพยาบาล คือ "ตำรวจ" และความเห็นแพทย์ในเอกสารใบนั้นคือ "ผู้บาดเจ็บ มีอาการขาหัก กระดูกแตก อาการสาหัส และมีความเห็นควรพักฟื้นร่างกาย 30 วัน"... ลงชื่อแพทย์พร้อม โดยระบุว่า เอกสารดังกล่าว ได้มีการตรวจคนบาดเจ็บวันที่ 2 ผู้ที่นำส่ง และรับตัวคนเจ็บคือ "ตำรวจ"
------------------------------------------------------------
เลยเกิดข้อสงสัยคือ
1. เอกสารดังกล่าว ตำรวจ เขาทำขึ้นมาเองหรือไม่ โดยตลอดช่วงเวลาที่มีการไกล่เกลี่ย ผู้บาดเจ็บ "ขอเรียกเงินขึ้นตลอด" โดยตำรวจก็พยายามพูดว่า อย่าสู้เลย เสียเวลา คุณสู้ก็เจ็บหนัก จ่ายๆ เขาไปซะ จะผ่อนจ่ายอะไรก็ว่ากันไป เขาจะเมา หรือไม่เมา เขาจะขับเร็วหรือไม่เร็ว มันไม่เกี่ยว เขาฟ้อง คุณก็มีหน้าที่จ่าย ถ้าไม่จ่าย ผมก็ทำเรื่องขึ้นศาลไป แต่เคสแบบนี้บอกเลยว่า ยังไงๆ น้องก็แพ้.... (ไม่อยากคิดไม่ดี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกัน หรือมีส่วนได้เสียกันหรือไม่)
2. ถ้าเอกสารนั้น แพทย์ระบุเป็นของจริง แล้วทำไมเมื่อเอกสารแพทย์ระบุว่าบาดเจ็บสาหัส ทำไมต้องรอให้เรื่องผ่านไป 10 วัน ถึงเรียกคนเจ็บไปใส่เฝือก.. แบบนี้คือแพทย์รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ ? หรือ แพทย์ประมาทในการตรวจคนไข้ ซึ่งถ้าคนไข้สาหัสตามเอกสารจริง ทำไมวันแรก ถึงยอมให้กลับ และไม่ได้ใส่เฝือกอะไรใดๆ กลับบอกแค่ว่า ไม่มีอะไรมาก พร้อมออกใบรับรองแพทย์แค่ 1 วัน
---------------------------------------------------------
ที่ผมถามเรื่องนี้ เพราะผมสงสัยกับเอกสารฉบับนี้มากๆ ซึ่งเอกสารดังกล่าว ได้ระบุว่าจัดทำขึ้นโดยตำรวจท่านหนึ่ง และมีลายเซ็นของแพทย์ระบุไว้ด้วย มันจึงมีน้ำหนักในชั้นศาลมาก เกี่ยวกับข้อสงสัยที่ว่า "ตกลง..บาดเจ็บสาหัส หรือ ไม่สาหัสกันแน่" ถ้าแพทย์บอกว่า บาดเจ็บสาหัส.. แต่ให้คนไข้กลับบ้านไปได้ โดยไม่ได้ทำการรักษาอะไรใดๆ และให้คนเจ็บใช้ชีวิตตามปกติไปกว่า 10 วัน ถึงเรียกคนเจ็บมาใส่เฝือก... มันก็เลยสงสัยกันไปใหญ่
ปล. ขอถามอีกประเด็นครับ ผู้บาดเจ็บ พิการมือซ้าย มีเหลือแค่นิ้วโป้งนิ้วเดียว กับเท้าทั้ง 2 ข้าง ที่นิ้วหายไปหลายนิ้ว (จำไม่ได้) โดยผู้บาดเจ็บ ได้ขี่รถมอเตอร์ไซด์ HONDA LS รุ่นเก่า เป็นรุ่นที่มือขวา ต้องกำคาร์สก่อนใส่เกียร์ ส่วนมือซ้าย ไว้กำเบรคหน้า โดยเมื่อนิ้วมือซ้ายไม่มีเลย เหลือแค่นิ้วโป้ง นั้นคือ เขาจะเหลือแค่เบรกเท้าที่ควบคุมรถได้... วันเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บ ขี่รถบนถนนในซอย ที่กว้างประมาณ 8 เมตร แบบเลนเดียววิ่งสวนกัน ด้วยความเร็วจากที่วัดได้ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.. โดยอ้างว่า ตามกฏหมายห้ามขับเร็วเกิน 80 เขาจึงเถียงคอเป็นเอ็น ว่าเขาไม่ได้ขับรถเร็ว ยังไม่ถึง 80 อีกทั้งเรื่องดื่มมา ก็ไม่พูดถึง ตำรวจก็ไม่สนใจเรื่องดื่มหรือไม่ดื่มด้วย ไม่ได้สนใจเรื่องความเร็วด้วย มีแค่แนะนำว่าให้จ่ายๆ ก็จบๆ ไปแค่นั้น... เลยอยากรู้ว่าแบบนี้ นับเป็นความประมาทหรือไม่ ตำรวจบอกว่า "เขาไม่ประมาท" เพราะ... ถ้าเขาประมาท จะกลายเป็น ประมาทร่วม ค่าชดใช้จะต่างกันมหาศาล กับที่เขาพยายามให้ผม "ประมาทฝ่ายเดียว 100%" เลยอยากรู้แค่ว่า
1. ผมสามารถขอตรวจสอบความเป็นมาขอเอกสารนั้นได้หรือไม่ หรือทำการฟ้องแพทย์ได้หรือไม่
2. ประเด็นการขับขี่ที่มอง นับเป็นการประมาทด้วยหรือไม่