วันที่ฟ้าเปิด The Movie 6

กระทู้คำถาม
บทที่ 6

            “เงื่อนไขหลักๆ ของเราก็คือว่า กอ.รมน. จะให้ทุนในการสร้างภาพยนตร์จำนวน 30 ล้านบาทตามที่คุณเสนอมา แต่เราจะขอแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดคือจะจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งเมื่อเริ่มเปิดกองถ่าย ซึ่งก็คงไม่น่าจะมีปัญหากับคุณรวิดาใช่มั้ยครับ เพราะทั้ง 2 งวดคงจะห่างกันไม่เท่าไหร่ หากทางคุณรวิดาเตรียมทีมงานเตรียมกองพร้อมเมื่อไหร่ ทางผู้ใหญ่ในกองทัพก็จะมีความมั่นใจที่จะจ่ายส่วนที่เหลือให้ครับ”

            ติณณ์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีปึกเอกสารหลายแผ่นวางอยู่ในแฟ้ม และรวิดารับเอกสารชุดนั้นมาพิจารณา

            “ทุนสร้างภาพยนตร์เป็นทุนที่ กอ.รมน. ให้เปล่า หากว่าหนังทำกำไรได้ กอ.รมน. จะไม่รับ แต่ขอให้นำเงินส่วนนั้นไปทำประโยชน์ให้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ เราจะนำเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ”

            รวิดาเปิดดูเอกสารผ่าน ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับติณณ์

            “ขอบคุณมากค่ะผู้พัน”

            “คุณเอาสัญญากลับไปอ่านที่บ้านก่อนนะครับ และถ้ามีตรงไหนอยากให้แก้ก็ขีดฆ่าและเขียนเงื่อนไขที่คุณเสนอลงไป”

            “ได้ค่ะ” รวิดาเก็บเอกสารชุดนั้นใส่ซอง

            “เอาล่ะครับ เราคุยเรื่องธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ เริ่มงานไปถึงไหนแล้ว” ติณณ์เปลี่ยนท่าทีที่เคร่งขรึมเป็นผ่อนคลายสบาย ๆ เมื่อเขาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ยื่นสัญญาให้กับรวิดาเสร็จแล้ว

            “เราได้คนที่จะมาเขียนบทภาพยนตร์แล้วค่ะ หลังจากที่เราได้นิยายมา เราต้องนำนิยายนั้นมาทำเป็นบทภาพยนตร์ก่อนเป็นอันดับแรกของการเริ่มงานค่ะ”

            “แล้วทีมงานคนอื่น ๆ ล่ะครับ คุณเตรียมไว้หรือยัง”

            “ฉันทาบทามไว้บ้างแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผู้คัดเลือกตัวนักแสดง ผู้กำกับภาพ ช่างกล้อง ผู้กำกับศิลป์ ฝ่ายสร้างฉาก ผู้เขียนสตอรี่บอร์ด ผู้ออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผู้จัดคิวเสื้อผ้า ผู้จัดหาสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ผู้ฝึกซ้อมนักแสดง และธุรกิจกองถ่าย” รวิดากล่าวอย่างมั่นใจ “อ้อ ฝ่ายกฎหมายฉันก็เตรียมไว้แล้ว”

            “ดีเลยครับคุณรวิดา คุณควรเอาสัญญาฉบับนี้ไปให้ฝ่ายกฎหมายอ่านก่อนที่จะเซ็นอะไรลงไป”

            “ขอบคุณค่ะ” รวิดายิ้ม

            “แล้วจะมีการคัดเลือกตัวนักแสดงเมื่อไหร่ครับ”

            “จะมีการประกาศรับสมัครและคัดเลือกตัวนักแสดงทันทีที่สัญญาฉบับนี้ถูกเซ็นค่ะ”

            “ดีครับ ผมว่าก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนการคัดเลือกตัวนักแสดง ผมได้รับคำสั่งจากทางผู้ใหญ่ให้กำชับคุณเรื่องหนึ่ง”

            “เรื่องอะไรคะ” รวิดาทำสีหน้าแปลกใจ แต่เธอก็ยังคงยิ้ม

            “คือว่าตอนที่ 35 ฟิล์มคัดเลือกตัวนักแสดง แต่เขากลับไม่มีการคัดเลือกนักแสดงที่จะมารับบทเป็นพระเอก”

            “อ้าว... ทำไมล่ะคะ”

            “เพราะว่าผู้กำกับของ 35 ฟิล์มจะใช้ดาราที่เขาเลือกมาเอง ซึ่งก็คือเด็กปั้นของผู้กำกับคนนั้นนั่นเอง และในบทของตัวละครตัวนี้เป็นทหาร แต่จากบุคลิกของนักแสดงคนนี้ไม่มีลักษณะของทหารเลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถไปก้าวก่ายงานของผู้กำกับได้ แต่ทางนั้นไม่ขอความเห็นของเราเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเราจึงอยากขอให้คุณรวิดาคัดเลือกตัวนักแสดงที่มีบุคลิกที่สมจริงกับบทบาทครับ”

            “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นค่ะ เพราะฉันก็ไม่มีดาราอยู่ในสังกัดอย่างแน่นอน ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน ฉันต้องการให้ทุกอย่างสมจริงอยู่แล้วค่ะ”

            “ดีครับคุณรวิดา แล้วหลังจากขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงคืออะไรครับ ผมแค่ถามเฉย ๆ เผื่อทางเราจะได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้ หากคุณต้องการ”

            รวิดายิ้มกับคำพูดนี้ แม้เธอจะรู้ว่านี่คือเรื่องงาน แต่น้ำเสียงที่ติณณ์ใช้เหมือนกับคนที่ใส่ใจกับรายละเอียดทุกเรื่องราว

            “หลังจากคัดเลือกตัวนักแสดงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราจะให้ฝ่ายศิลป์ไปหาสถานที่ถ่ายทำ ผู้พันคิดว่าอย่างไรคะหากเราจะลงไปถ่ายทำในสถานที่จริงตามท้องเรื่องในนิยาย”

            “หมายถึงจะยกกองถ่ายลงไปที่จังหวัดสตูลหรือครับ แล้วบางฉากที่อยู่ในยะลาล่ะ”

            “แน่นอนว่าฉันอยากจะยกกองถ่ายลงไปที่จังหวัดสตูล แต่สำหรับฉากที่อยู่ในจังหวัดยะลา บางทีอาจจะเซ็ทฉากขึ้นมาก็ได้ค่ะ จะได้ไม่สร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่”

            “ใช่ครับ การขออนุญาตลงไปใช้พื้นที่ในจังหวัดที่มีความรุนแรงเป็นเรื่องลำบาก จะต้องขออนุญาตและต้องดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งก็อาจจะกินเวลานานเกินไป และจากประสบการณ์ของเราที่เคยพาทีมงานเรื่องละติจูดที่ 6 ลงไปในจังหวัดปัตตานี เรายังมีปัญหาเรื่องการทำงานกับคนในพื้นที่ เพราะประชาชนที่นั่นอ่อนไหวในเรื่องนี้ด้วย”

            “ค่ะ” รวิดาตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เห็นด้วย “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เพราะฉากในจังหวัดยะลามีไม่กี่ฉาก และไม่ใช่สถานที่สำคัญ”

            “ผมได้รับมอบหมายในการอำนวยความสะดวกให้ทีมงานของกองถ่ายครับ เมื่อถึงเวลานั้นเราคงจะได้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มตัว”

            “ขอบคุณมากค่ะ” รวิดายิ้ม

 

            ในตึกสำนักงานของธนิต เขาแนะนำให้รวิดารู้จักกับผู้คัดเลือกนักแสดง

            “ผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณรวิดาครับ” ผู้คัดเลือกนักแสดงชื่อภาวัตกล่าวคำทักทาย

            “ยินดีเช่นกันค่ะ ฉันได้ยินจากคุณธนิตอธิบายถึงประสบการณ์การทำงานของคุณภาวัต แล้ว น่าสนใจมากค่ะ”

            “ผมได้อ่านบทภาพยนตร์แล้ว และเมื่อรู้ว่ามี กอ.รมน. สนับสนุนอย่างเป็นทางการด้วย นั่นยิ่งสร้างความท้าทายให้ผมครับ”

            “บอกแล้วว่าภาวัตเขาอยากมาร่วมงานกับเรามาก ผมกับเขารู้จักกันมาจะเกือบสิบปีแล้ว ผมเชื่อมือเขา” ธนิตพูดเพิ่มความมั่นใจให้กับรวิดา

            “ดีค่ะ ได้คนมีประสบการณ์มาช่วยทำงานก็ดี งานจะได้ออกมาดี” รวิดาพูด

            “ภาวัตมีเครือข่ายโมเด็ลลิ่งหลายที่ หากคุณรวิดาอยากได้นักแสดงหน้าใหม่ แต่ถ้าอยากได้นักแสดงที่มีชื่อเสียง เขาก็รู้ว่าใครเหมาะสมกับบทบาทไหนโดยไม่ต้องทดสอบการแสดง” ธนิตพูด

             “คุณภาวัตคงได้รู้เรื่องราวคร่าว ๆ ของภาพยนตร์นี้แล้ว คุณคิดว่า ควรใช้นักแสดงหน้าใหม่หรือใช้ดาราที่มีชื่อเสียงดีกว่ากันคะ” รวิดาพูด

            “เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์นอกกระแส เราควรใช้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมดเพื่อความสดใหม่ แต่ตัวเอกของเรื่องเราควรใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียง เพราะว่าบทบาทนี้จากในนิยายถือว่าเป็นบทบาทที่หนักและค่อนข้างยาก ข้อดีของการใช้นักแสดงที่มีประสบการณ์คือเราไม่ต้องฝึกอะไรเขามาก และบางทีชื่อเสียงของเขาก็สามารถเรียกคนดูได้จำนวนหนึ่งเลย” ภาวัตอธิบาย

            “เยี่ยมเลยค่ะ แล้วคุณภาวัตคิดว่าจะให้ดาราคนไหนมารับบทเป็นพระเอกดีคะ ขอคร่าว ๆ ก็ได้ค่ะ”

            “คุณรวิดารู้จักดาราที่ชื่อ กฤต พรรณเสกหรือเปล่าครับ ในนิยายมีการบรรยายลักษณะของตัวละครเอกอย่างชัดเจน ทั้งรูปร่างหน้าตา สีผิว ส่วนสูงรวมถึงอายุของเขานั้นใกล้เคียงกับพระเอกในนิยายเลยครับ หากต้องการนักแสดงที่มีชื่อเสียงและบุคลิกที่ตรงกันกับในบทภาพยนตร์ ต้องเขาคนนี้เท่านั้นครับ” ภาวัตพูดด้วยความมั่นใจ

            “ฉันรู้จักดาราคนนี้ค่ะ บุคลิกของเขาเหมาะสมอย่างที่คุณภาวัตว่าไว้จริง ๆ และเขาก็เป็นนักแสดงที่มีคนติดตามเยอะมาก เราจะขอคิวงานเขาได้เหรอคะ”

            “จะลองติดต่อดูก่อนครับ และในบทรอง ๆ ลงมาผมจะให้โมเด็ลลิ่งที่ผมรู้จักคัดเลือกตัวนักแสดงมาส่วนหนึ่งก่อน จากนั้นเราจะคัดเลือกอีกครั้งจากการทดสอบบทบาทในการแสดง ว่าตรงกับบทบาทในตัวละครหรือไม่”

            “บทไหนที่จะเปิดรับคัดเลือกบ้างคะ”

            “มีเนตริยา วิษณุ นายแพทย์ปริญญ์ หลิน ธเนศ และสะมะแอ ส่วนตัวละครตัวอื่น ๆ เราใช้ตัวประกอบก็พอครับ”

            “น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ อยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จังค่ะ” รวิดาทำสีหน้าตื่นเต้น

            “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อน” ภาวัตเอ่ยคำลา แล้วหันไปบอกเพื่อนว่า “เดี๋ยวกลับก่อนนะธนิต จะเริ่มติดต่อโมเด็ลลิ่งตั้งแต่วันนี้เลย”

            “สวัสดีค่ะคุณภาวัต” รวิดาพูด

            “โชคดีภาวัต” ธนิตพูด

            หลังจากภาวัตเดินออกจากสำนักงานไป รวิดาหันมาปรึกษาธนิต

            “คุณธนิตคะ สำหรับนักแสดงที่ชื่อกฤต พรรณเสกฉันก็ติดตามหนังที่เขาแสดงมาอยู่บ้างเหมือนกันนะ เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถ แต่ติดตรงที่ว่า หนังที่เขาเล่นส่วนใหญ่นั้นมักจะได้รับบทเป็นคนเจ้าชู้แทบจะทุกเรื่องเลย”

            ธนิตทำสีหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่รวิดาพูด

            “คุณอาจจะกังวลว่าภาพบทบาทเก่า ๆ ของนักแสดงจะติดตัวมาเหรอครับ”

            “มันค่อนข้างแตกต่างกันเลย คุณภาวัตเพิ่งจะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังนอกกระแส เขาตั้งใจใช้ดาราหน้าใหม่เพื่อให้หนังดูสดใหม่ แต่ตัวเอกของเรื่องกับเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมาก่อน และคนมักจำภาพเก่า ๆ ติดมาด้วย นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้หนังสดใหม่อะไรเลย”

            “คุณพูดมาก็มีเหตุผล ไม่ว่าจะหนังไทยหรือละครไทย ใครเคยได้รับบทอะไรก็มักจะได้สวมบทบาทนั้นไปตลอดเลย บทนางเอก พระเอก นางอิจฉา ตัวโกง คนรับใช้ บางทีแล้วคนดูแค่เห็นนักแสดงก็พอจะเดาออกได้เลยว่านักแสดงคนนั้นจะมาเล่นบทไหน อาจจะทำให้คนดูตั้งความคาดหวังในภาพยนตร์ไว้แล้วก็ได้”

            “นั่นน่ะสิ ฉันอยากทำให้ทุกอย่างออกมาดี แล้วก็ไม่อยากจะให้คนดูคาดเดาไปเองก่อน”

            “แต่ก็มีหลายครั้งนะ ที่มีนักแสดงปรับเปลี่ยนลุ๊คหรือบุคลิกได้อย่างหมดจด หรือที่เรียกกันว่าพลิกบทบาท หากกฤตสามารถพลิกบทบาทได้อย่างไม่มีที่ติ นั่นคงทำให้หนังน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”

            “ฉันก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เราคงต้องให้เขาทดสอบบทก่อน”

            ธนิตอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพูด

            “ส่วนใหญ่เรามักจะไม่ค่อยทดสอบบทบาทของดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงกันครับ เพราะผู้จัดหาจะต้องรู้ถึงบทบาทของนักแสดงจากหนังหรือละครเรื่องที่เขาเคยเล่นมาอยู่แล้ว และบางทีอาจถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันด้วย แต่เราอาจจะสัมภาษณ์เขาได้ครับ เราจะให้เขาตีความบทบาทของตัวละคร และความเข้าใจในบทของภาพยนตร์”

            “เราไม่จำเป็นต้องทดสอบเขาหรือคะ” รวิดาแปลกใจกับข้อยกเว้นนี้

            “เรื่องฝีมือการแสดงอาจจะพอเชื่อใจได้ครับ หากเราศึกษาจากบทบาทที่เขาเคยแสดงมา แต่กับเรื่องความเข้าใจต่าง ๆ เราสามารถพูดคุยได้เพื่อพิจารณาว่าเขาเหมาะสมหรือไม่”

            รวิดามีสีหน้าโล่งใจ “ขอบคุณมากเลยนะคะคุณธนิต ที่ช่วยเหลือผู้กำกับหน้าใหม่หลายเรื่อง”

            ธนิตยิ้มเขิน ๆ กับคำพูดนี้ “อะไรกันครับคุณรวิดา ผมเองต่างหากที่ต้องชื่นชมคุณ หลายเรื่องที่คุณทำนั้นน่าทึ่งมาก”

            ถึงคราวที่รวิดายิ้มด้วยความเขินอายบ้าง “ขอบคุณค่ะ”

            “คุณรู้มั้ยครับว่าผมดีใจมากเลยที่คุณได้ทุนจาก กอ.รมน. และเราได้มาร่วมงานกัน ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยเสนอร่วมทุนกับคุณ ความจริงผมก็พอจะรู้แล้วว่าผมไม่มีเงินทุนพอที่จะสร้างหนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ได้ ผมไม่มีทีมงานที่ใหญ่พอจะรับงานได้ทั้งหมด หากตรงไหนที่ผมสามารถช่วยเหลือคุณได้ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”

            “ถึงคุณจะไม่มีทุนมากพอที่จะมาร่วมกันสร้าง แต่คุณก็มีฝีมือมาก ฉันดีใจที่คุณธนิตมาช่วยเขียนบทภาพยนตร์ และยังแนะนำผู้คัดเลือกนักแสดงให้อีก ถือเป็นการเริ่มต้นงานที่ดีแล้วค่ะ ฉันเชื่อใจคุณนะคะว่าจะต้องทำงานออกมาดี”

            ทั้งคู่มองตากันเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ใจตรงกัน ธนิตเองก็รู้สึกพอใจที่รวิดามีแนวคิดที่คล้าย ๆ กับเขา ชื่นชมผลงานต่าง ๆ ของเขา และยังยอมรับแนวคิดในหลาย ๆ เรื่องของธนิตอีกด้วย นั่นทำให้ธนิตเสนอตัวเองมาร่วมงานกับรวิดาทันทีที่มีโอกาส
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่