M&M&M Story ( 18+) ตอนที่ 3 : MODE ฐานนิยม

ตอนที่ 3 มาแล้วครับ มาอ่านกันว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร

ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1 : MAX มากที่สุด
https://ppantip.com/topic/41835564
ตอนที่ 2 : MIN น้อยที่สุด
https://ppantip.com/topic/41840571

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 3 : MODE ฐานนิยม

 
          เรี่ยวแรงของผมเหลือน้อยที่สุดแล้ว 

            ไม่สิ ผมนึกว่าเหลือน้อยที่สุดแล้ว แต่ว่าจริง ๆ ยังน้อยลงได้อีก เพราะหลังจากเคาะห้อง พอมินก็เปิดประตูให้เขาเข้าไปข้างในเข่าผมทรุดลงไปนิดนึงเลย

            แม้จะแว่บเดียว แต่เมื่อมินโผล่มาเปิดประตูให้ ผมเห็นสีหน้าของเธอดูสดใสราวกับรอคอยเขาอยู่

            เฮ้ย!!! นี่มันเรื่องอะไรกัน!!

            หลังจากนั้นผมไม่อยู่นิ่งแล้ว รีบพุ่งไปยังห้องเธอทันที

            ยื่นมือไปข้างหน้าหมายจะเคาะประตูห้อง แต่ผมกลับไม่ได้เคาะ

            จริงอยู่ว่าเมื่อกี้ผมคล้ายจะขาดสติ แต่พอมายืนอยู่หน้าประตูห้องของเธอ ก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้ผมไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรลงไป

            ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นพี่ชายเธอก็ได้

            และหากเขาเป็นพี่ชายจริง ๆ การที่ผมเผลอทำอะไรไม่ดีลงไป มันก็มีผลกับความสัมพันธ์ของผมกับมินแน่ ๆ เพราะยังไงแล้วน้องก็ต้องเชื่อฟังพี่อยู่บ้างแหละ

            ผมตัดสินใจก้าวเดินกลับไปยังภายนอกของหอพัก เพื่อรอคอยผู้ชายคนนี้ออกมา

            แม้ในใจของผมอยากจะเข้าไปในห้องของมินตอนนี้เลย แต่ผมคิดว่าทางที่ดูสร้างปัญหาน้อยที่สุด น่าจะเป็นการที่รอคอยผู้ชายคนนี้ออกจากห้องมินมาแล้วเข้าไปถามตรง ๆ มากกว่า

            เกิดเป็นผู้ชายต้องมีใจอดทน การรอคอยแค่นี้เราต้องทำได้

            ผมรอคอยอยู่บริเวณหน้าหอพักนั้น ถึงอยากทำเป็นนิ่งไม่ไหวตึง รอคอยผู้ชายคนนั้นออกมา แต่ว่าสภาพอย่างผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก

            ผมเองก็ไม่ได้ไปเคาะห้องหรอกนะ ตัดสินใจเดินไปอีกด้านของตึกนี้ เฝ้ามองไปยังห้องของเธอจากด้านหลังห้อง เผื่อว่าจะเห็นจากหน้าต่างด้านหลังบ้าง

            มันก็ไม่ได้มองเห็นภายในห้องหรอก หน้าต่างที่เป็นสิ่งเดียวที่มองเห็นได้ก็ถูกปิดไว้ และแน่นอนว่าจุดที่ผมมองดูอยู่มันไกลกว่าจะได้ยินเสียงพูดคุยข้างใน

            ถึงไม่ได้อะไรคืบหน้า แต่ผมก็ยังยืนดูห้องเธอจากตรงนั้นต่อไป

            ผมยืนจ้องดูห้องนั้นท่ามกลางความคิดอันยุ่งเหยิงในสมองไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ยืนนิ่งดูหรอก ผมเดินวนไปวนมา กระวนกระวายอยู่ไม่สุข

            จนผมทนไม่ไหว เดินกลับไปอีกทางเพื่อมุ่งไปห้องเธอ

            แต่ว่าไม่ทันที่ผมจะไปถึงห้องเธอ ชายหนุ่มคนนั้นกลับเดินสวนออกจากห้องมาแล้ว

            ผมหยุดขวางหน้าเขาไว้ จนเขาเองต้องหยุดและมองมายังผม แล้วผมก็เอ่ยถามเขาต่อเลยว่า

            “ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรกับคนในห้องนั้น”

            คำว่าคนในห้องนั้นย่อมเป็นมิน

            เขามองหน้าผมกลับในเชิงสงสัย แต่ก็ยังตอบกลับผมมาว่า

            “คุณเป็นคนเฝ้าหอคนใหม่เหรอ ผมก็มาหาแฟนผมที่ห้องสิ”

            ผมอึ้งกับคำตอบของเขา 

            แฟน… เขามาหาแฟน แต่ว่าแฟนของมินคือ ผม ไม่ใช่เหรอ?

            “ไม่ ผมต่างหากที่เป็นแฟนมิน!” ผมพูดสวนไปทันที

            “เฮ้ย ๆ ล้อเล่นหรือไง” ชายหนุ่มผู้นั้นเดินเข้าใกล้ผม จ้องมองหน้า “มินเป็นแฟนฉัน ฉันชื่อโม้ดเป็นแฟนมินมาตั้งนานแล้ว คบมาจะสองปีแล้วเนี่ย”

            “อ่ะ!!!” ผมตกใจขึ้นอีก “เป็นแฟนมินได้ไง ผมสิแฟนมิน”

            พอผมพูดแบบนี้ คนที่ชื่อโม้ดไม่พอใจ ใช้มือผลักผมจนล้มลง แล้วเดินเข้ามาคล้ายจะมาเอาเรื่องผมต่อ

            ผมที่ตัวเล็กกว่าไม่อยากสู้ด้วย ควักมือถือของตัวเอง เปิดรูปคู่ของผมกับมินให้เขาดู

            โม้ดในทีแรกจะทำร้ายผม แต่ว่าพอเห็นรูปผมกับมิน เขาก็เอามือถือออกมาบ้าง แล้วเอารูปคู่ระหว่างเขากับมินให้ผมดูเช่นกัน

            “นี่มันอะไรกัน” ผมกับโม้ดพูดออกมาพร้อมกัน

            “นายชื่อโม้ดใช่ไหม คบกับมินมาสองปีแล้วเหรอ?” ผมพอตั้งสติได้เอ่ยถามเขา

            “ใช่ ฉันคบกับมินมาสองปี มาหามินบ่อย ๆ ด้วย เพิ่งมีช่วงปีนี้ ที่บางครั้งมินเริ่มให้มาหาน้อยลง หรือว่าเพราะมีนาย….” โม้ดบอก

            คำว่า โม้ด ถ้าเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษก็ต้องเขียนว่า MODE ที่แปลว่า ฐานนิยม 

            ซึ่งฐานนิยมคือ  ค่ากลางที่มีจำนวนมากที่สุดในวิชาสถิติ ถ้าลองนึก ๆ โม้ดบอกว่าเขาคบกับมินมา 2 ปีแล้ว และมาหาบ่อย ๆ จำนวนครั้งที่เจอมินก็น่าจะมากที่สุดจริง ๆ เพราะผมคบกับมินมาแค่ 1 ปี  

            ผมพยายามตั้งสติ สูดหายใจเข้าให้มากขึ้น แล้วเอ่ยกับโม้ดว่า

            “แบบนี้เอง ถุงยางที่เจอที่ห้องน้ำมิน ก็เป็นของนายสินะ?”

            คำตอบของถุงยางในห้องน้ำนั้นกระจ่างสำหรับผมแล้ว

            แต่พอผมถามเขา โม้ดกลับทำหน้างง และตอบกลับมาแบบเสียงดังว่าว่า

            “เฮ้ย!! จริงเหรอ ฉันสดตลอดเลยนะ ไม่เคยใส่ถุงสักครั้งเลย แล้วนั่นมันถุงยางของใคร? นายแน่ใจนะ”

            ผมได้ฟังคำตอบของโม้ดยิ่งประหลาดใจซ้ำซ้อนขึ้นอีก คำตอบของถุงยางที่คิดว่ากระจ่างกลับขุ่นมัวขึ้นกว่าเดิม ดูท่ามันต้องมีอะไรซับซ้อนยิ่งกว่าการหาค่ากลางอย่างฐานนิยมแล้ว 

            ตกลงความจริงของเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?

 
………………………………….จบตอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่