สมาคมทนายยืนยัน 'ตะวัน-แบม' ไม่ใช่อาชญากร ไม่อาจแก้ด้วยวิธีอาญา ปลุกรัฐใช้แนวปรองดอง
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3798694
นายกสมาคมทนายออกแถลงการณ์ ‘ทานตะวัน-แบม’ ไม่ใช่อาชญากร เป็นความขัดแย้งทางการเมือง รัฐต้องแก้ไขเร่งด่วน มิเช่นนั้นองค์กรกระบวนการยุติธรรมจะเป็นตัวเร่งปัญหาจนบานปลาย
เมื่อวันที่ 31 มกราคม นาย
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า ตามที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ถอนการประกันตัว น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ
ตะวัน และ น.ส.
อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ
แบม ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 จนนำไปสู่การอดอาหารประท้วงคำสั่งศาลในเรือนจำดังที่เป็นข่าวอย่างแพร่หลายนั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่าการกระทำของตะวันกับแบมและเพื่อนๆ แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เกิดจาก แรงจูงใจทางอาญา (Criminal Motive) ที่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากจะเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (Political Motive) ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ตนเชื่อว่าจะดีขึ้น ซึ่งถือเป็นประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากความเห็นต่าง และนำไปสู่การกระทำความผิดดังกล่าว
ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นและสะสมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนนำไปสู่การยึดอำนาจการปกครองถึงสองครั้ง เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติจำนวนมาก แต่กลับไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและถูกวิธี โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่เลือกใช้วิธีการปราบปรามโดยนำเอาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่มีไว้เพื่อจัดการกับอาชญากรทางอาญามาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาทางการเมือง จึงทำให้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมากอยู่แล้วทวีความซับซ้อน และแก้ไขยากมากขึ้นตามลำดับ
ตะวันกับ
แบมและเพื่อนๆ จึงไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญา หากแต่เป็นนักโทษทางความคิดที่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างนักโทษทางการเมืองที่พึงได้รับ
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นต่อไปว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขโดย กระบวนการปรองดอง (Reconciliation Process) ด้วยการนำคู่กรณีแห่งความขัดแย้งทุกฝ่ายและทุกปัญหาเข้าสู่กระบวนการปรองดองเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน โดยใช้กระบวนการทางกฎหมายที่เรียกว่า ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) หรือ ความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) เป็นเครื่องมือในการปรองดอง เพราะบุคคลเหล่านี้แม้จะเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญาจึงไม่อาจแก้ไขด้วยวิธีการทางอาญาได้
รัฐบาลพึงตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมีความสำคัญยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและถูกวิธี ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะไม่มีประเทศใดบนโลกนี้ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ท่ามกลางความขัดแย้งของผู้คนในชาติ
องค์กรในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ หรือศาล จะต้องตระหนักในข้อเท็จจริงนี้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมจะกลายเป็นตัวเร่งให้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยขยายวงและบานปลายมากขึ้นจนกลายเป็นตัวปัญหาเสีย
'อันยู๋ชิง' เคลื่อนไหว! โผล่เมนต์ขอบคุณ 'ชูวิทย์' ตีแผ่ความจริง ล้างบางตำรวจนอกแถว
https://www.dailynews.co.th/news/1945534/
'อันยู๋ชิง' ดาราสาวไต้หวัน เคลื่อนไหวแล้ว โผล่คอมเมนต์ขอบคุณ 'ชูวิทย์' ดับเครื่องชนตีแผ่ความจริง ล้างบางตำรวจนอกแถว สร้างเรื่องฉาวโฉ่ทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย ด้านประชาชนคนไทยล้วนอายแทน พร้อมแสดงความรับผิดชอบ ขอโทษประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น.
จากกรณีดาราสาวไต้หวันอย่าง
“อันยู๋ชิง หรือ Charlene An” ตีแผ่วงการตำรวจไทย ออกไปเที่ยวกรุงเทพฯ ยามวิกาล กลับโดนรีดเงิน 27,000 บาท จากด่านตรวจที่จุดสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่มีการรายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ภายหลัง นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ระบุใจความสรุปว่า เตรียมพบกับการสัมภาษณ์พยานชาวสิงคโปร์ที่จ่ายเงินให้ตำรวจ และจะเดินทางมาพบผมพรุ่งนี้ โดยผมออกค่าใช่จ่ายให้ทั้งหมด ส่วน 27,000 บาท ผบ.ตร. ต้องหามาคืนเขาเองนะครับ เพื่อพยายามไขปริศนาความจริงคดี
อันยู๋ชิง และกู้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยไม่ให้เสียหายเพราะปลาเน่ากลุ่มหนึ่งที่นำเอาบทบาทผู้บังคับใช้กฏหมาย อาศัยช่องโหว่มารีดเงินนักท่องเที่ยว นั้น ปรากฏว่าภายหลัง ได้มีดาราสาวชาวไต้หวัน
อันยู๋ชิง ผู้ที่ปรากฏเป็นข่าว ได้เข้ามาคอมเมนต์ในข้อความดังกล่าวด้วยข้อความภาษาอังกฤษที่มีแปลภาษาไทยให้ด้วยว่า Thank You ขอบคุณค่ะ พร้อมอิโมจิยกมือไหว้ ท่ามกลางคนเข้าไปกดไลค์เป็นจำนวนมาก
ขณะที่นาย
ชูวิทย์ ก็เข้าไปตอบคอมเมนต์ของดาราสาวชาวไต้หวัน เป็นภาษาจีน พร้อมลงชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนคนไทยอีกจำนวนมากได้เข้าไปร่วมตอบคอมเมนต์ดังกล่าว โดยต่างแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น พร้อมขอโทษที่ดาราสาวมาเที่ยวในไทยและมาเจอประสบการณ์อันเลวร้ายของพวกไร้จิตสำนึกผิดชอบชั่วดี.
กกต.เคาะแนวแบ่ง 400 เขต จ่อส่งทุกจังหวัดโหวตเลือก 3 โมเดล เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3798568
กกต.เคาะแนวแบ่ง 400 เขต จ่อส่งทุกจังหวัดโหวตเลือก 3 โมเดล เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 31 มกราคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมส่งเรื่องการแบ่งเขตให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเตรียมรองรับการเลือกตั้ง
โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวเผยแพร่ผลการประชุม กกต.ว่ามีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานเสนอให้พิจารณากำหนดจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของแต่ละจังหวัด โดยพิจารณาจากจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจำนวน 66,090,475 คน จึงมีจำนวนราษฎรโดยเฉลี่ยประมาณ 165,226 คนต่อจำนวน ส.ส. 1 คน
และเสนอร่างประกาศ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.และแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยกระบวนการหลังจากนี้สำนักงานจะส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากประกาศ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ สำนัก กกต.จะส่งประกาศการแบ่งเขตซึ่งมีไม่น้อยกว่า 3 รูปแบบให้ กกต.แต่ละจังหวัดไปประกาศรับฟังความคิดเห็นจากพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และประชาชนในเขตนั้นๆ ในเวลา 10 วัน หลังจาก 10 วันจะประมวลความคิดเห็นต่างๆ ในเวลา 3 วัน รวมทุกจังหวัดเพื่อติดประกาศ
หลังจากนั้น กกต.จังหวัดจะประมวลทุกความเห็นและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดเสนอต่อสำนักงาน กกต.กลางในวันถัดไป เพื่อเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขตต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลัง นาย
แสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงาน กกต. เข้าหารือกรณี พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศใช้ ว่าจากการหารือสิ่งที่เป็นปัญหาคือ กกต.ต้องแบ่งเขตเลือกตั้งจากเดิม 350 เขต เพิ่มเป็น 400 เขต และยังมีประชากรที่เพิ่มขึ้น บางจังหวัดก็ลดลง ทำให้กระทบกับจำนวน ส.ส. การแบ่งเขตหาก กกต.แบ่งตามใจชอบวันเดียวก็เสร็จ แต่กฎหมายกำหนดการแบ่งเขตต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งพรรคการเมืองในจังหวัดนั้นๆ ด้วย จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน คือเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน แต่อาจจะทำให้เร็วกว่านั้น อาจจะใช้ 25 วันก็ได้ หลังจากนั้นจะยุบสภาเมื่อใดก็ได้ แต่จะให้เร็วอย่างที่หลายคนนึกเพราะเห็นว่ากฎหมายลูกประกาศแล้วควรยุบได้แล้วนั้น ต้องบอกเลยว่า กกต.ยังจัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยังแบ่งเขตไม่เสร็จ
ด้านนาย
แสวงกล่าวว่า เป็นการมาพูดคุยเพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ส่วนกรณีที่ กกต.ขอเวลา 45 วัน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แต่ในทางการเมืองไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าจะยุบสภาก่อนหมดวาระหรือไม่ แต่หากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นก่อน ต้องมาปรับการทำงาน
เมื่อถามว่าจะแบ่งเขตการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้เมื่อใด นาย
แสวงกล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด โดย กกต.ต้องไปหารือกันเป็นการภายในถึงขั้นตอนต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายพรรคการเมืองเกรงว่าจะมีการแบ่งเขตซ้ำรอยการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีบางเขตเลือกตั้งเกิดความแปลกประหลาด นาย
แสวงกล่าวว่า ไม่มีความแปลกประหลาด เพียงแต่ไม่ถูกใจบางพรรค หรือบางคน ที่คิดว่าการแบ่งเขตนั้นทำให้ไม่ได้ประโยชน์ แต่ยืนยันว่า กกต.แบ่งเขตตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าการที่ กกต.ขอเวลา 45 วันเป็นการช่วยยื้อให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นาย
แสวงกล่าวว่า คนก็คิดไปได้ทั้งนั้น หากไม่มีการแบ่งเขตแล้วจะเลือกตั้งกันอย่างไร ทุกอย่างมีคำอธิบาย แต่คนจะคิดกันก็คิดได้
JJNY : ส.ทนายยืนยัน'ตะวัน-แบม'ไม่ใช่อาชญากร│'อันยู๋ชิง'เคลื่อนไหว!│กกต.เคาะแนวแบ่ง 400 เขต│กูรูร้องรัฐดูแล! อีคอมเมิร์ซ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3798694
นายกสมาคมทนายออกแถลงการณ์ ‘ทานตะวัน-แบม’ ไม่ใช่อาชญากร เป็นความขัดแย้งทางการเมือง รัฐต้องแก้ไขเร่งด่วน มิเช่นนั้นองค์กรกระบวนการยุติธรรมจะเป็นตัวเร่งปัญหาจนบานปลาย
เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า ตามที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ถอนการประกันตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 จนนำไปสู่การอดอาหารประท้วงคำสั่งศาลในเรือนจำดังที่เป็นข่าวอย่างแพร่หลายนั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่าการกระทำของตะวันกับแบมและเพื่อนๆ แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เกิดจาก แรงจูงใจทางอาญา (Criminal Motive) ที่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากจะเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (Political Motive) ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ตนเชื่อว่าจะดีขึ้น ซึ่งถือเป็นประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากความเห็นต่าง และนำไปสู่การกระทำความผิดดังกล่าว
ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นและสะสมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนนำไปสู่การยึดอำนาจการปกครองถึงสองครั้ง เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติจำนวนมาก แต่กลับไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและถูกวิธี โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่เลือกใช้วิธีการปราบปรามโดยนำเอาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่มีไว้เพื่อจัดการกับอาชญากรทางอาญามาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาทางการเมือง จึงทำให้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมากอยู่แล้วทวีความซับซ้อน และแก้ไขยากมากขึ้นตามลำดับ
ตะวันกับแบมและเพื่อนๆ จึงไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญา หากแต่เป็นนักโทษทางความคิดที่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างนักโทษทางการเมืองที่พึงได้รับ
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นต่อไปว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขโดย กระบวนการปรองดอง (Reconciliation Process) ด้วยการนำคู่กรณีแห่งความขัดแย้งทุกฝ่ายและทุกปัญหาเข้าสู่กระบวนการปรองดองเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน โดยใช้กระบวนการทางกฎหมายที่เรียกว่า ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) หรือ ความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) เป็นเครื่องมือในการปรองดอง เพราะบุคคลเหล่านี้แม้จะเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญาจึงไม่อาจแก้ไขด้วยวิธีการทางอาญาได้
รัฐบาลพึงตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมีความสำคัญยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและถูกวิธี ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะไม่มีประเทศใดบนโลกนี้ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ท่ามกลางความขัดแย้งของผู้คนในชาติ
องค์กรในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ หรือศาล จะต้องตระหนักในข้อเท็จจริงนี้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมจะกลายเป็นตัวเร่งให้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยขยายวงและบานปลายมากขึ้นจนกลายเป็นตัวปัญหาเสีย
'อันยู๋ชิง' เคลื่อนไหว! โผล่เมนต์ขอบคุณ 'ชูวิทย์' ตีแผ่ความจริง ล้างบางตำรวจนอกแถว
https://www.dailynews.co.th/news/1945534/
'อันยู๋ชิง' ดาราสาวไต้หวัน เคลื่อนไหวแล้ว โผล่คอมเมนต์ขอบคุณ 'ชูวิทย์' ดับเครื่องชนตีแผ่ความจริง ล้างบางตำรวจนอกแถว สร้างเรื่องฉาวโฉ่ทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย ด้านประชาชนคนไทยล้วนอายแทน พร้อมแสดงความรับผิดชอบ ขอโทษประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น.
จากกรณีดาราสาวไต้หวันอย่าง “อันยู๋ชิง หรือ Charlene An” ตีแผ่วงการตำรวจไทย ออกไปเที่ยวกรุงเทพฯ ยามวิกาล กลับโดนรีดเงิน 27,000 บาท จากด่านตรวจที่จุดสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่มีการรายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ภายหลัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ระบุใจความสรุปว่า เตรียมพบกับการสัมภาษณ์พยานชาวสิงคโปร์ที่จ่ายเงินให้ตำรวจ และจะเดินทางมาพบผมพรุ่งนี้ โดยผมออกค่าใช่จ่ายให้ทั้งหมด ส่วน 27,000 บาท ผบ.ตร. ต้องหามาคืนเขาเองนะครับ เพื่อพยายามไขปริศนาความจริงคดี อันยู๋ชิง และกู้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยไม่ให้เสียหายเพราะปลาเน่ากลุ่มหนึ่งที่นำเอาบทบาทผู้บังคับใช้กฏหมาย อาศัยช่องโหว่มารีดเงินนักท่องเที่ยว นั้น ปรากฏว่าภายหลัง ได้มีดาราสาวชาวไต้หวัน อันยู๋ชิง ผู้ที่ปรากฏเป็นข่าว ได้เข้ามาคอมเมนต์ในข้อความดังกล่าวด้วยข้อความภาษาอังกฤษที่มีแปลภาษาไทยให้ด้วยว่า Thank You ขอบคุณค่ะ พร้อมอิโมจิยกมือไหว้ ท่ามกลางคนเข้าไปกดไลค์เป็นจำนวนมาก
ขณะที่นายชูวิทย์ ก็เข้าไปตอบคอมเมนต์ของดาราสาวชาวไต้หวัน เป็นภาษาจีน พร้อมลงชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนคนไทยอีกจำนวนมากได้เข้าไปร่วมตอบคอมเมนต์ดังกล่าว โดยต่างแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น พร้อมขอโทษที่ดาราสาวมาเที่ยวในไทยและมาเจอประสบการณ์อันเลวร้ายของพวกไร้จิตสำนึกผิดชอบชั่วดี.
กกต.เคาะแนวแบ่ง 400 เขต จ่อส่งทุกจังหวัดโหวตเลือก 3 โมเดล เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3798568
กกต.เคาะแนวแบ่ง 400 เขต จ่อส่งทุกจังหวัดโหวตเลือก 3 โมเดล เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 31 มกราคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมส่งเรื่องการแบ่งเขตให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเตรียมรองรับการเลือกตั้ง
โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวเผยแพร่ผลการประชุม กกต.ว่ามีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานเสนอให้พิจารณากำหนดจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของแต่ละจังหวัด โดยพิจารณาจากจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจำนวน 66,090,475 คน จึงมีจำนวนราษฎรโดยเฉลี่ยประมาณ 165,226 คนต่อจำนวน ส.ส. 1 คน
และเสนอร่างประกาศ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.และแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยกระบวนการหลังจากนี้สำนักงานจะส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากประกาศ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ สำนัก กกต.จะส่งประกาศการแบ่งเขตซึ่งมีไม่น้อยกว่า 3 รูปแบบให้ กกต.แต่ละจังหวัดไปประกาศรับฟังความคิดเห็นจากพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และประชาชนในเขตนั้นๆ ในเวลา 10 วัน หลังจาก 10 วันจะประมวลความคิดเห็นต่างๆ ในเวลา 3 วัน รวมทุกจังหวัดเพื่อติดประกาศ
หลังจากนั้น กกต.จังหวัดจะประมวลทุกความเห็นและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดเสนอต่อสำนักงาน กกต.กลางในวันถัดไป เพื่อเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขตต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลัง นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงาน กกต. เข้าหารือกรณี พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศใช้ ว่าจากการหารือสิ่งที่เป็นปัญหาคือ กกต.ต้องแบ่งเขตเลือกตั้งจากเดิม 350 เขต เพิ่มเป็น 400 เขต และยังมีประชากรที่เพิ่มขึ้น บางจังหวัดก็ลดลง ทำให้กระทบกับจำนวน ส.ส. การแบ่งเขตหาก กกต.แบ่งตามใจชอบวันเดียวก็เสร็จ แต่กฎหมายกำหนดการแบ่งเขตต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งพรรคการเมืองในจังหวัดนั้นๆ ด้วย จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน คือเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน แต่อาจจะทำให้เร็วกว่านั้น อาจจะใช้ 25 วันก็ได้ หลังจากนั้นจะยุบสภาเมื่อใดก็ได้ แต่จะให้เร็วอย่างที่หลายคนนึกเพราะเห็นว่ากฎหมายลูกประกาศแล้วควรยุบได้แล้วนั้น ต้องบอกเลยว่า กกต.ยังจัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยังแบ่งเขตไม่เสร็จ
ด้านนายแสวงกล่าวว่า เป็นการมาพูดคุยเพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ส่วนกรณีที่ กกต.ขอเวลา 45 วัน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แต่ในทางการเมืองไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าจะยุบสภาก่อนหมดวาระหรือไม่ แต่หากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นก่อน ต้องมาปรับการทำงาน
เมื่อถามว่าจะแบ่งเขตการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้เมื่อใด นายแสวงกล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด โดย กกต.ต้องไปหารือกันเป็นการภายในถึงขั้นตอนต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายพรรคการเมืองเกรงว่าจะมีการแบ่งเขตซ้ำรอยการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีบางเขตเลือกตั้งเกิดความแปลกประหลาด นายแสวงกล่าวว่า ไม่มีความแปลกประหลาด เพียงแต่ไม่ถูกใจบางพรรค หรือบางคน ที่คิดว่าการแบ่งเขตนั้นทำให้ไม่ได้ประโยชน์ แต่ยืนยันว่า กกต.แบ่งเขตตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าการที่ กกต.ขอเวลา 45 วันเป็นการช่วยยื้อให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายแสวงกล่าวว่า คนก็คิดไปได้ทั้งนั้น หากไม่มีการแบ่งเขตแล้วจะเลือกตั้งกันอย่างไร ทุกอย่างมีคำอธิบาย แต่คนจะคิดกันก็คิดได้