เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับภรรยาของผม โดยมีเรื่องราวดังนี้
ดิฉันขอได้โปรดรับฟัง เรื่องราวของดิฉัน
ด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง อย่างมิตรไมตรี และไม่ด่วนตัดสิน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับดิฉัน มาจากความผิด
พลาด อันเกิดมาจาก การขาดสติ ขาดความรอบคอบ
หลงเชื่อคำหวานล้อม เยินยอ จนเกินพอดี ง่ายเกินไป หลงกลติดกับดัก
เมื่อรู้ตัว ก็ยากที่จะแก้ไข จากพันธนาการดอกจันทร์ที่รัดตึงไว้
เรื่องราวของดิฉันนั้น เริ่มต้นจากตัวดิฉัน ถูกชักชวนให้
เข้ารับบริการสปาใบหน้าจากร้าน ****** สาขา
เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้นจี
เมื่ออยู่ในร้าน ดิฉันได้รับข้อเสนอต่างๆนาๆ
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายในร้าน ส่วนลดต่างๆ เสนอเป็นพรี
เซนเตอร์ และเสนอให้ใช้สินค้าฟรี(พลางหยิบสินค้ามาวางไม่หยุด โน่นก็ฟรี
นี่ก็ฟรี เราโชคดีมาก ก้าวเท้าอะไรออกจากบ้าน) และเสนอซื้อคอร์สสปา
ใบหน้าในราคา 96,000 บาท หลังถูกลบเล้า อย่างหนัก ดิฉันไม่
กล้าปฏิเสธ ส่งบัตรเครดิตให้ไป
หลังจากนั้นพนักงานส่งใบรับสินค้าให้ดิฉันเซ็นต์ ซึ่งเป็นบิล
เปล่า ไม่มีรายการสินค้าใดๆปรากฎอยู่ ทำให้ดิฉันเข้าใจ
ว่าสินค้าทั้งหมดที่ยกมาประมาณ 8-9 ชิ้นบนโต๊ะนั้นเป็นสินค้าให้ฟรี!! ตาม
คำพูดที่ดิฉันได้ยิน จึงตัดสินใจเซ็นต์ชื่อไป พร้อมสลิปของบัตรเคดิต ที่
เข้าใจว่าเป็นค่าคอร์สสปาใบหน้า ตามราคาที่ปรากฎในใบเชิญชวน
จากนั้นเมื่อถึงที่พัก จึงเริ่มตรวจทานรายการสินค้า (ตอนอยู่ที่ร้านมองเห็นไม่ชัดเจน มันเบลอเนื่องจากวันเกิดเหตุดิฉันไม่ได้พกแว่นตาไปด้วย)
เมื่ออ่านอย่างละเอียด สังเกตเห็น ตัวหนังสือเล็กๆที่มีเครื่องหมายดอกจันทร์ กำกับข้อความว่า
**ได้รับสินค้าตามรายการข้างบนนี้ในสภาพเรียบร้อย ไม่
สามารถคืนได้ แต่สามารถเปลี่ยนของได้ภายใน 14 วัน**
ดิฉันแปลกใจ เคยเห็นแต่ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน เพราะเป็นเงื่อนไข ผูกมัดรัดกุม เป็นคำพันธนาการ หากไม่พอใจสินค้าหรือบริการจากนี้ก็ไม่สามารถขอคืนเงินได้!
ดิฉัน เริ่มมีความสงสัยในใจ ว่าสินค้าที่ได้รับมานั้นฟรีจริงๆหรือไม่ ( ที่คิด
ว่าฟรี เนื่องจากสินค้าทั้งหมดพนักงานเป็นผู้หยิบมาให้ โดย
ดิฉันไม่ได้เลือกแม้แต่ชิ้นเดียว และมิได้มีปรากฎรายการ
สินค้า ว่าจะได้รับสินค้าอะไรเมื่อซื้อคอร์สสปาใบหน้า เป็นเพียง
กระดาษบอกราคาเท่านั้น ทำให้ดิฉันเข้าใจว่าที่ได้รับมานั้นฟรี!! )
หลังจากนั้นจึงเริ่มเช็คราคาสินค้าที่ได้รับมา ปรากฏว่าราคาสินค้า
ที่ปรากฏนั้น ถูกกำหนดราคาให้พอดีกับค่าสปาใบหน้าอย่างพอดิบพอดี
วันรุ่งขึ้นด้วยความร้อนใจจึงกลับไปที่ร้านพร้อมสามี เพื่อขอคืน
เงินจากคอร์สสปาใบหน้าและส่งคืนสินค้าทั้งหมดที่ได้รับมาได้
เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
และคำตอบที่ได้ เหมือนอย่างที่คิดไว้
เงินที่ชำระไปเป็นค่าสินค้า ไม่สามารถคืนเงินได้ !!!
จากนั้นดิฉันติดต่อทางบริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์
แจ้งขอคืนเงิน อันเนื่องมาจากในเวลานี้ ดิฉันต้องกันเงินส่วนนี้ไว้ก่อน เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล รักษาชีวิตตนเอง จากโรคร้าย
โดยได้แนบหลักฐาน ใบรับรองการรักษาจากแพทย์ และใบนัดผ่าตัดเนื้องอก บริเวณทรวงอก ในเดือน ก.พ 66 นี้ (ที่ผ่านมา ดิฉันเคยรับการผ่านตัด มะเร็งไทรอยด์มาก่อน 2 ครั้ง)
รอประมาณ 1-2 วัน บริษัทแจ้งหนังสือกลับมา ชี้แจงว่า
“
ทางบริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจ่อเหตุการณ์โรคร้ายที่คุณ xxxx ได้พานพบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากเหตุผลของการคืนสินค้าดั่งกล่าว ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปดูแลในจุดนั้นได้ เนื่องจากเหตุผลในการคืนสินค้าของคุณลูกค้าอยู่นอกเหนือนโยบายของบริษัทและปัญหาที่ลูกค้าแจ้งมา เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์มีปัญหาแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบคุณ xxxx ได้มีความพีงพอใจต่อการซื้อในครั้งนี้ โดยได้มีการมอบขนมให้กับพนักงานขายก่อนออกจากร้านอีกด้วย
ทางบริษัทต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูง ทั้งนี้ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินคืนสินค้า เนื่องจากเป็นการซื้อสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ซึ่งในใบเสร็จได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ** ไม่สามารถคืนสินค้า แต่สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 14 วัน **
ทางบริษัทยินดีน้อมรับทุกคำติชมต่างๆ จากลูกค้าทุกท่านเพื่อนำมาปรับปรุงการบริการของทางบริษัทให้ดียิ่งๆ ขี้นไป
“
ดิฉันมีความสุขดี เพราะจะทุกข์ใจไม่ได้ มันจะทำร้ายฉัน ฉันเป็นโรคร้าย คุณไม่เข้าใจ
แต่ฉันไม่โทษคุณ ที่คุณยึดความสำคัญของตัวอักษรเป็นที่ตั้งมากว่าคุณค่าต่อชีวิตของฉัน
และดิฉันวิงวอนขออย่าให้ครอบครัวคุณได้พบโรคร้ายแบบดิฉัน
ตอนนี้ดิฉันร้องทุกข์ไปที่ สคบ. รอนัดไกล่เกลี่ย ในใจก็มี คำตอบรออยู่แล้ว
ผมได้อ่านคำชี้แจงของบริษัท ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน
ผมดีใจ ที่รู้ว่าภรรยาผมมีความสุข ( ผมแอบคิดว่า ที่เธอพูด ว่าไม่ต้องห่วง ฉันมีความสุขดี เพื่อให้ผมสบายใจ) ทั้งๆที่รู้ว่าตนเองเป็นโรคร้าย และจากคำชี้แจงของบริษัท ผมรู้ว่าภรรยาผมเป็นคนดี และมีมิตรไมตรีจิตที่ดีต่อคนรอบข้างมากขนาดไหน
ที่ผมเสียใจ เพราะคำชี้แจงของบริษัท ยึดถือข้อความจากตัวอักษร มากกว่าความสำคัญต่อชีวิตภรรยาผม
ผมอยากถาม การกำหนดเงื่อนไข การคืนสินค้าแบบนี้ ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ และครอบครัวเราควรทำอย่างไรต่อไป
หรือ ครอบครัวเราควรก้มหน้า รับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และสลักความผิดพลาดนี้ใว้ในใจ
ปล. หากสงสัยว่าเป็นร้านเดียวกันไหม และมีความไม่สบายใจ หลังไมค์มานะครับ
"ไม่สามารถคืนได้ แต่สามารถเปลี่ยนของได้" เงือนไขนี้ ยุติธรรมหรือไม่
ดิฉันขอได้โปรดรับฟัง เรื่องราวของดิฉัน
ด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง อย่างมิตรไมตรี และไม่ด่วนตัดสิน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับดิฉัน มาจากความผิด
พลาด อันเกิดมาจาก การขาดสติ ขาดความรอบคอบ
หลงเชื่อคำหวานล้อม เยินยอ จนเกินพอดี ง่ายเกินไป หลงกลติดกับดัก
เมื่อรู้ตัว ก็ยากที่จะแก้ไข จากพันธนาการดอกจันทร์ที่รัดตึงไว้
เรื่องราวของดิฉันนั้น เริ่มต้นจากตัวดิฉัน ถูกชักชวนให้
เข้ารับบริการสปาใบหน้าจากร้าน ****** สาขา
เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้นจี
เมื่ออยู่ในร้าน ดิฉันได้รับข้อเสนอต่างๆนาๆ
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายในร้าน ส่วนลดต่างๆ เสนอเป็นพรี
เซนเตอร์ และเสนอให้ใช้สินค้าฟรี(พลางหยิบสินค้ามาวางไม่หยุด โน่นก็ฟรี
นี่ก็ฟรี เราโชคดีมาก ก้าวเท้าอะไรออกจากบ้าน) และเสนอซื้อคอร์สสปา
ใบหน้าในราคา 96,000 บาท หลังถูกลบเล้า อย่างหนัก ดิฉันไม่
กล้าปฏิเสธ ส่งบัตรเครดิตให้ไป
หลังจากนั้นพนักงานส่งใบรับสินค้าให้ดิฉันเซ็นต์ ซึ่งเป็นบิล
เปล่า ไม่มีรายการสินค้าใดๆปรากฎอยู่ ทำให้ดิฉันเข้าใจ
ว่าสินค้าทั้งหมดที่ยกมาประมาณ 8-9 ชิ้นบนโต๊ะนั้นเป็นสินค้าให้ฟรี!! ตาม
คำพูดที่ดิฉันได้ยิน จึงตัดสินใจเซ็นต์ชื่อไป พร้อมสลิปของบัตรเคดิต ที่
เข้าใจว่าเป็นค่าคอร์สสปาใบหน้า ตามราคาที่ปรากฎในใบเชิญชวน
จากนั้นเมื่อถึงที่พัก จึงเริ่มตรวจทานรายการสินค้า (ตอนอยู่ที่ร้านมองเห็นไม่ชัดเจน มันเบลอเนื่องจากวันเกิดเหตุดิฉันไม่ได้พกแว่นตาไปด้วย)
เมื่ออ่านอย่างละเอียด สังเกตเห็น ตัวหนังสือเล็กๆที่มีเครื่องหมายดอกจันทร์ กำกับข้อความว่า
**ได้รับสินค้าตามรายการข้างบนนี้ในสภาพเรียบร้อย ไม่
สามารถคืนได้ แต่สามารถเปลี่ยนของได้ภายใน 14 วัน**
ดิฉันแปลกใจ เคยเห็นแต่ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน เพราะเป็นเงื่อนไข ผูกมัดรัดกุม เป็นคำพันธนาการ หากไม่พอใจสินค้าหรือบริการจากนี้ก็ไม่สามารถขอคืนเงินได้!
ดิฉัน เริ่มมีความสงสัยในใจ ว่าสินค้าที่ได้รับมานั้นฟรีจริงๆหรือไม่ ( ที่คิด
ว่าฟรี เนื่องจากสินค้าทั้งหมดพนักงานเป็นผู้หยิบมาให้ โดย
ดิฉันไม่ได้เลือกแม้แต่ชิ้นเดียว และมิได้มีปรากฎรายการ
สินค้า ว่าจะได้รับสินค้าอะไรเมื่อซื้อคอร์สสปาใบหน้า เป็นเพียง
กระดาษบอกราคาเท่านั้น ทำให้ดิฉันเข้าใจว่าที่ได้รับมานั้นฟรี!! )
หลังจากนั้นจึงเริ่มเช็คราคาสินค้าที่ได้รับมา ปรากฏว่าราคาสินค้า
ที่ปรากฏนั้น ถูกกำหนดราคาให้พอดีกับค่าสปาใบหน้าอย่างพอดิบพอดี
วันรุ่งขึ้นด้วยความร้อนใจจึงกลับไปที่ร้านพร้อมสามี เพื่อขอคืน
เงินจากคอร์สสปาใบหน้าและส่งคืนสินค้าทั้งหมดที่ได้รับมาได้
เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
และคำตอบที่ได้ เหมือนอย่างที่คิดไว้
เงินที่ชำระไปเป็นค่าสินค้า ไม่สามารถคืนเงินได้ !!!
จากนั้นดิฉันติดต่อทางบริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์
แจ้งขอคืนเงิน อันเนื่องมาจากในเวลานี้ ดิฉันต้องกันเงินส่วนนี้ไว้ก่อน เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล รักษาชีวิตตนเอง จากโรคร้าย
โดยได้แนบหลักฐาน ใบรับรองการรักษาจากแพทย์ และใบนัดผ่าตัดเนื้องอก บริเวณทรวงอก ในเดือน ก.พ 66 นี้ (ที่ผ่านมา ดิฉันเคยรับการผ่านตัด มะเร็งไทรอยด์มาก่อน 2 ครั้ง)
รอประมาณ 1-2 วัน บริษัทแจ้งหนังสือกลับมา ชี้แจงว่า
“
ทางบริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจ่อเหตุการณ์โรคร้ายที่คุณ xxxx ได้พานพบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากเหตุผลของการคืนสินค้าดั่งกล่าว ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปดูแลในจุดนั้นได้ เนื่องจากเหตุผลในการคืนสินค้าของคุณลูกค้าอยู่นอกเหนือนโยบายของบริษัทและปัญหาที่ลูกค้าแจ้งมา เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์มีปัญหาแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบคุณ xxxx ได้มีความพีงพอใจต่อการซื้อในครั้งนี้ โดยได้มีการมอบขนมให้กับพนักงานขายก่อนออกจากร้านอีกด้วย
ทางบริษัทต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูง ทั้งนี้ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินคืนสินค้า เนื่องจากเป็นการซื้อสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ซึ่งในใบเสร็จได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ** ไม่สามารถคืนสินค้า แต่สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 14 วัน **
ทางบริษัทยินดีน้อมรับทุกคำติชมต่างๆ จากลูกค้าทุกท่านเพื่อนำมาปรับปรุงการบริการของทางบริษัทให้ดียิ่งๆ ขี้นไป
“
ดิฉันมีความสุขดี เพราะจะทุกข์ใจไม่ได้ มันจะทำร้ายฉัน ฉันเป็นโรคร้าย คุณไม่เข้าใจ
แต่ฉันไม่โทษคุณ ที่คุณยึดความสำคัญของตัวอักษรเป็นที่ตั้งมากว่าคุณค่าต่อชีวิตของฉัน
และดิฉันวิงวอนขออย่าให้ครอบครัวคุณได้พบโรคร้ายแบบดิฉัน
ตอนนี้ดิฉันร้องทุกข์ไปที่ สคบ. รอนัดไกล่เกลี่ย ในใจก็มี คำตอบรออยู่แล้ว
ผมได้อ่านคำชี้แจงของบริษัท ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน
ผมดีใจ ที่รู้ว่าภรรยาผมมีความสุข ( ผมแอบคิดว่า ที่เธอพูด ว่าไม่ต้องห่วง ฉันมีความสุขดี เพื่อให้ผมสบายใจ) ทั้งๆที่รู้ว่าตนเองเป็นโรคร้าย และจากคำชี้แจงของบริษัท ผมรู้ว่าภรรยาผมเป็นคนดี และมีมิตรไมตรีจิตที่ดีต่อคนรอบข้างมากขนาดไหน
ที่ผมเสียใจ เพราะคำชี้แจงของบริษัท ยึดถือข้อความจากตัวอักษร มากกว่าความสำคัญต่อชีวิตภรรยาผม
ผมอยากถาม การกำหนดเงื่อนไข การคืนสินค้าแบบนี้ ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ และครอบครัวเราควรทำอย่างไรต่อไป
หรือ ครอบครัวเราควรก้มหน้า รับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และสลักความผิดพลาดนี้ใว้ในใจ
ปล. หากสงสัยว่าเป็นร้านเดียวกันไหม และมีความไม่สบายใจ หลังไมค์มานะครับ