Babylon: บาบิลอน
" เต็มไปด้วยอารมณ์อันบ้าคลั่ง แต่ก็สับสนยุ่งเหยิงจนดูแล้วเหนื่อย "
สวัสดีครับ ทุกท่าน ! ล่าสุด ผมมีโอกาสได้ชม
Babylon (2022) ผลงานล่าสุดของ
Damien Chazelle เจ้าของผลงานชื่อดัง
Whiplash (2014) และ
La La Land (2016) ก่อนชม ได้เห็นคะแนนรีวิวใน
Rotten Tomatoes ซึ่งดูไม่สู้ดีเท่าไร แต่สุดท้าย ก็ตัดสินใจไปดู ดังนั้นจึงอยากจะมารีวิวสำหรับคนที่สนใจนะครับ
เรื่องย่อ
Babylon | Official Trailer ซับไทย
Babylon เล่าถึงการเปลี่ยนผ่านของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดตั้งแต่ยุค 1920 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของ
"ภาพยนตร์เงียบ (Silent film)" พร้อมกับเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาว ความดำมืดของ ยาวไปจนถึงการล่มสลายของภาพยนตร์กลุ่มนี้ และเปลี่ยนผ่านสู่ภาพยนตร์ยุคถัดไป ขณะเดียวกัน ก็มีนักแสดงหน้าใหม่มากมายที่ต้องการจะทำตามฝันเข้าสู่วงการฮอลลีวูด
ความรู้สึกหลังชม
หลังจากดูจบไม่รู้จะบอกว่าชอบได้หรือเปล่า จริง ๆ คาดเดาได้จากคะแนนรีวิวที่ต่ำแปลก ๆ แล้วว่า
"มันต้องมีอะไรที่ทำให้คนไม่ชอบ" พอขึ้นเรื่องปุ๊ป ก็รู้เลยว่า นี่ไม่ใช่หนังที่สนุกตามได้ง่าย คนชอบก็คงชอบไปเลย ขณะที่คนที่ไม่ชอบ ก็อาจจะแบบอีหยังวะ 😂 โดยผมจะอยู่ฝ่ายหลังมากกว่าฝ่ายแรก
- จุดแรกที่น่าพูดถึง เรื่อง
"สมดุลของภาพยนตร์" ต้องบอกว่า Babylon มี Balance ไม่เหมือนชาวบ้าน หนังเต็มไปด้วยลูกบ้า ความคลุ้มคลั่ง และความเกรี้ยวกราด ซึ่งระเบิดอย่างรุนแรง
ทว่าหนังก็ออกอาการหลายครั้ง เหมือนจะล้นและคุมไม่อยู่ แม้จะวางจุดหมายปลายทางไว้ชัดเจน แต่ Direction ภายในที่สับสนและการเล่นท่ายากเกินลิมิต ส่งผลให้หนังเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาและสนุกตามได้ยาก
- จุดถัดมา "เรื่องความยืด" หนังดูยืดเกินจำเป็น เนื่องจากตัวหนังยาว แต่สาระข้างในไม่ได้เข้มตลอดเวลา อันที่จริง La La Land ก็มีปัญหานี้ แต่ La La Land ยาวแค่ 2 ชั่วโมง อีกทั้งมีโฟกัสหลักอยู่ที่เรื่องความรักและความฝัน ผสมกับเทคนิคภาพยนตร์ที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้จุดด้อยตรงนี้ดูไม่หนักหนา ขณะที่ Babylon ไม่ได้มีบทที่แข็งแรง พอโครงสร้างไม่ดี ทุกอย่างก็ดูยวบ
นอกจากนี้ วิธีการ สไตล์ลูกเล่น และดนตรีประกอบภาพยนตร์ รวมถึงพล็อตเรื่องบางส่วน ค่อนข้างคล้ายกับ La La Land ทำให้เหมือนฉายภาพซ้ำ ซึ่ง La La Land โดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหนังอาจต้องมีบทที่แข็งแรงกว่านี้
ทั้งนี้ เทคนิค / ลูกเล่นบางอย่าง อาจลดทอนลงได้ เพื่อให้องค์ประกอบหนังสมดุลขึ้น ที่สังเกตชัดอีกอย่างก็ Longtake + การเล่นมุมกล้อง บางซีนอาจไม่ต้องมาเยอะขนาดนี้ก็ได้ 😅
" บางทีอะไรที่เยอะไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี... ถ้าเยอะแล้ว ลงรายละเอียดได้ไม่หมด การลดทอนบางอย่างก็ช่วยแก้ปัญหาได้เหมือนกัน "
- เรื่อง
"ความต่อเนื่องของหนัง" ความรู้สึกขณะดู รู้สึกว่าอารมณ์ตัด ๆ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งจริง ๆ ควรจะเป็นฟีลลิ่งแบบอินต่อเนื่องเป็น Flow มากกว่า
ส่วนนี้ผมว่า ถ้าเกิดหนังตัดเรื่องเป็นตอน แล้วใส่ชื่อตอนชัด ๆ อาจจะช่วยให้คนดูเข้าใจคอนเซตป์ของแต่ละองก์ง่ายขึ้น เพราะ ไหน ๆ หนังก็ยาว + มีส่วนให้ตัดเป็นตอนได้อยู่แล้ว ผู้ชมจะเห็นความต่อเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตอน ทำให้หนังเป็นระเบียบขึ้น
- ประเด็นถัดมา
"การแสดงความรักต่อวงการภาพยนตร์" ส่วนนี้ถูไถเอาตัวรอดได้ ในช่วงท้ายเรื่อง การแสดงความรักก็ทำได้ดี อาจมีความพร่ำเพ้อ แอบอวย เชิดชูเวอร์ไปบ้าง แต่โดยรวมค่อนข้างโอเค ไม่ถึงกับเลี่ยนจนดูไม่ได้
- ส่วนที่พยายามเล่าถึง
"วิวัฒนาการภาพยนตร์" เรื่องราว Exclusive ของกองถ่ายในปี 1920 และจุดสูงสุด / ตกต่ำของแต่ละตัวละคร ตรงนี้ทำได้น่าสนใจ ตยิ่งใครสนใจในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ Babylon ทำให้เราเข้าใจภาพรวมของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมากขึ้น
- องค์ประกอบศิลป์ในเรื่องยังคงโดดเด่นเหมือนกับที่เคยเห็นใน La La Land
- พาร์ทนักแสดง สำหรับผมรู้สึกว่า ทุกคนแสดงได้ดีสมบทบาท ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ขอยกให้ 3 คน คือ
Brad Pitt (Jack Conrad), Margot Robbie (Nellie LaRoy - โดดเด่นที่สุด) และ
Diego Calva (Manny Torres)
- พาร์ทดนตรีประกอบภาพยนตร์ ได้รับการประพันธ์โดย
Justin Hurwitz คอมโพเซอร์คู่บุญ ดนตรีโดยรวมมันส์ สนุก แต่รู้สึกว่ามีธีมบางอารมณ์ใกล้เคียงกับงานก่อนอย่าง La La Land เลยไม่ได้ว้าว
Call Me Manny (Music from the Motion Picture "Babylon")
Manny and Nellie's Theme
สรุป
Babylon (2022) ถือเป็นหนังนอกกระแสที่อาร์ตสวย สไตล์แปลก มีคุณภาพ แต่พอไปเทียบกับงานมาสเตอร์พีชชิ้นก่อนอย่าง
Whiplash หรือ
La La Land เรื่องนี้ก็ดูดร็อป จนอาจผิดหวัง เนื่องจากสมดุลหนังที่มีปัญหา อีกทั้งพอบทเรื่องไม่แข็งแรงและยาวถึงสามชั่วโมง ก็ทำให้หนังเวิ่นเว้อ ยืดอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าพูดถึงหนังที่ประเด็นคล้ายกันอีกเรื่องอย่าง
Once Upon a Time in Hollywood (2019) เรื่องนี้ก็ยาวและเป็นจดหมายรักถึงฮอลลีวู้ดเหมือนกัน แต่ส่วนตัวยังชอบเรื่องหลังมากกว่า
ดังนั้น Babylon อาจไม่ใช่หนังที่ทุกคนชอบ สำหรับผู้ชมทั่วไป ถ้ามีเวลาก็ดูได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาดูก็ไม่เป็นไร ส่วนใครสายหนังรางวัล / หนังนอกกระแส ก็ขอแนะนำครับ หนังบ้า ๆ แบบนี้ ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ !
_________________________________
ป.ล. หนังเรต 18+ ดังนั้นระมัดระวังในการรับชมนะครับ + รีวิวนี้ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนหนึ่ง หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม
IG: benjireview
Babylon (2022) - ระเบิดความบ้าคลั่งที่สับสนวุ่นวายจนเกือบไปไม่ตลอดรอดฝั่ง
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่น่าพูดถึง เรื่อง "สมดุลของภาพยนตร์" ต้องบอกว่า Babylon มี Balance ไม่เหมือนชาวบ้าน หนังเต็มไปด้วยลูกบ้า ความคลุ้มคลั่ง และความเกรี้ยวกราด ซึ่งระเบิดอย่างรุนแรง
ทว่าหนังก็ออกอาการหลายครั้ง เหมือนจะล้นและคุมไม่อยู่ แม้จะวางจุดหมายปลายทางไว้ชัดเจน แต่ Direction ภายในที่สับสนและการเล่นท่ายากเกินลิมิต ส่งผลให้หนังเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาและสนุกตามได้ยาก
ทั้งนี้ เทคนิค / ลูกเล่นบางอย่าง อาจลดทอนลงได้ เพื่อให้องค์ประกอบหนังสมดุลขึ้น ที่สังเกตชัดอีกอย่างก็ Longtake + การเล่นมุมกล้อง บางซีนอาจไม่ต้องมาเยอะขนาดนี้ก็ได้ 😅
ส่วนนี้ผมว่า ถ้าเกิดหนังตัดเรื่องเป็นตอน แล้วใส่ชื่อตอนชัด ๆ อาจจะช่วยให้คนดูเข้าใจคอนเซตป์ของแต่ละองก์ง่ายขึ้น เพราะ ไหน ๆ หนังก็ยาว + มีส่วนให้ตัดเป็นตอนได้อยู่แล้ว ผู้ชมจะเห็นความต่อเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตอน ทำให้หนังเป็นระเบียบขึ้น
- ประเด็นถัดมา "การแสดงความรักต่อวงการภาพยนตร์" ส่วนนี้ถูไถเอาตัวรอดได้ ในช่วงท้ายเรื่อง การแสดงความรักก็ทำได้ดี อาจมีความพร่ำเพ้อ แอบอวย เชิดชูเวอร์ไปบ้าง แต่โดยรวมค่อนข้างโอเค ไม่ถึงกับเลี่ยนจนดูไม่ได้
- ส่วนที่พยายามเล่าถึง "วิวัฒนาการภาพยนตร์" เรื่องราว Exclusive ของกองถ่ายในปี 1920 และจุดสูงสุด / ตกต่ำของแต่ละตัวละคร ตรงนี้ทำได้น่าสนใจ ตยิ่งใครสนใจในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ Babylon ทำให้เราเข้าใจภาพรวมของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมากขึ้น
- องค์ประกอบศิลป์ในเรื่องยังคงโดดเด่นเหมือนกับที่เคยเห็นใน La La Land
- พาร์ทดนตรีประกอบภาพยนตร์ ได้รับการประพันธ์โดย Justin Hurwitz คอมโพเซอร์คู่บุญ ดนตรีโดยรวมมันส์ สนุก แต่รู้สึกว่ามีธีมบางอารมณ์ใกล้เคียงกับงานก่อนอย่าง La La Land เลยไม่ได้ว้าว
ถ้าพูดถึงหนังที่ประเด็นคล้ายกันอีกเรื่องอย่าง Once Upon a Time in Hollywood (2019) เรื่องนี้ก็ยาวและเป็นจดหมายรักถึงฮอลลีวู้ดเหมือนกัน แต่ส่วนตัวยังชอบเรื่องหลังมากกว่า
ดังนั้น Babylon อาจไม่ใช่หนังที่ทุกคนชอบ สำหรับผู้ชมทั่วไป ถ้ามีเวลาก็ดูได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาดูก็ไม่เป็นไร ส่วนใครสายหนังรางวัล / หนังนอกกระแส ก็ขอแนะนำครับ หนังบ้า ๆ แบบนี้ ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ !
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม