กระบี่ส้มตำ...2

กระทู้สนทนา


ความเดิมตอนที่แล้ว

             จอมยุทธ์กระบี่ส้มตำ กำลังจะฆ่าตัวตาย เพราะความเสียใจ ที่แม่นางส้มตำ คนรัก ไปแต่งงานกับ ดาบแสนอาย ที่ร่ำรวยกว่า เหนือกว่า
แต่มีเสียงประหลาด เตือนสติ ให้มันใช้ชีวิตที่เหลือ อย่างคุ้มค่า ด้วยการยินยอม ปกป้อง คุ้มครอง คนที่ตัวเองรัก โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ
เพียงทำเพื่อคนรัก โดยปราศจากข้อแม้

             สุนัขวิกลจริต บุกตลาดสด ทำให้ชีวิตของหลายคน เปลี่ยนแปลง
             ไม่ว่าจะเป็น แม่นางส้มตำ แม่นางอ่อยหอม ไอ้หนุ่มข้าวเหนียว ท่านยายฉู่ฉี่ 
             หลังจากนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

.............

              นิยายเรื่องนี้ ไม่ต้องถามหา ความสมเหตุสมผล
              เพราะแม้แต่คนเขียน ก็ไม่ต้องการมัน

               ส่วนทางไอ้หนุ่มข้าวเหนียว กำลังวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง ความรู้สึกยังชัดเจนกับภาพของ ท่านยายฉู่ฉี่ เดินยิ้มหวานทองเห็นฟันดำเนียนด้วยน้ำหมากอาบอิ่มหยาดย้อย เดินบิดเอวยื่นมือไขว่คว้าเข้าหาราวฝันร้าย  ทำให้ต้องออกแรงวิ่งสุดกำลัง บางครั้งแว่วเหมือนมีใครบางคนกำลังวิ่งไล่ตามหลัง ทำให้ยิ่งใจสั่นสะท้าน ไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เร่งฝีเท้าขึ้นแบบลืมตาย ลืมวันลืมคืน
               วิ่ง วิ่ง วิ่ง
                วิ่งไป....

 
             ไม่มีใครวิ่งหนีตัวเองพ้น แต่ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวไม่ได้วิ่งหนีตัวเอง  ที่มันวิ่งหนีเป็นคนอื่นต่างหาก วิ่งหนีคนอื่นบางครั้งชัดเจนน่าสะพรึงมากกว่าวิ่งหนีตนเองเสียอีก
 
             ท่านยายฉู่ฉี่ผู้ทรงวัย ไม่ทราบว่าเลิกไล่ล่าเมื่อใด ไอ้หนุ่มข้าวเหนียววิ่งจนอ่อนล้า ท้ายสุดทรุดกายลงใต้ต้นกระโดนปลายนาอย่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นกระหน่ำ แทบกระดอนกระเด็นออกจากปาก สอดส่ายสายตาไปมารอบด้าน อย่างระแวดระแวง พบว่าตัวเองอยู่กลางทุ่งนา เต็มไปด้วยตอข้าวเพิ่งผ่านพ้นการเก็บเกี่ยว ไร้วี่แววคนไล่ล่า จึงระบายลมหายใจออกจากปากยาว ๆ อย่างโล่งอก
 
             มันพลันคิดถึงแม่นางอ่อยหอม พลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา ไฉนเตลิดเปิดเปิง จนลืมคนรักของตัวเอง ให้เผชิญหน้ากับสุนัขวิกลจริตโดยที่ไม่ได้ปกป้อง ความจริงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สมควรต้องปกป้องคนรักให้ถึงที่สุด
 
             นั่นเพราะการเข้ามารบกวนของ ท่านยายฉู่ฉี่ ความผิดส่วนหนึ่งสมควรแบ่งปันไปยังท่านยาย เพื่อให้รู้สึกบรรเทาเบาบาง พอนึกถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตนเอง ทำให้ต้องเงยหน้าร้องตะเบ็งเสียงดังอย่างลืมตัว

             “ท่านยายฉู่ฉี่ ...!!!”

             ความจริงมันร้องอย่างแค้นเคือง มิใช่พร่ำเพรียกเรียกถวิลหา แต่กลับมีเสียงแหบหวานขานรับ จากทางด้านหลัง

             “จ๋า...!”

             ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวที่ยังมิทันหายใจทั่วท้อง ถึงกับลุกขึ้นกระโดดปราดขึ้นสุดร่าง จิตสั่นสะท้านระริกรัว  ท่านยายฉู่ฉี่นั่นเอง ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังข้างต้นกระโดน มาแบบเงียบกริบราวภูตพราย  ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้ม มุมปากยังมีน้ำหมากซึมไหลพองาม
 
             ท่านยายหัวร่อพลางพูดพลาง ขณะเริ่มก้าวเท้าเข้าหาอย่างช้า ๆ สองมือกางอ้าออก ท่วงท่าเชิญชวนสู่อ้อมอก
 
             “โอ เจ้าไม่ต้องหนีข้าหรอก ไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่า โคอ่อน กินหญ้าแก่  เมื่อบอกความในใจแล้ว ก็จงยอมรับความจริงเถิด ว่าเรามีใจตรงกัน ลิขิตฟ้าโดยแท้”
 
             “ไม่... มันมิใช่ รับบ่อได้”   ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวถอยหลังกรูด เหงื่อไหลตามใบหน้าและแผ่นหลังชุ่มโชก ส่งเสียงตะกุกตะกัก  “ความจริงเป็นเรื่องเข้าใจผิด จดหมายความนัยนั้น หาใช่ส่งให้ท่านไม่ มันเป็นอุบัติเหตุ ข้าจงใจส่งให้ผู้อื่น”
 
             “พวกบุรุษหนุ่ม ๆ นี่ ไม่กล้ารับความจริงเอาเสียเลย  ความจริงก็คือความจริง  ให้รู้กันไปเลยว่า หวย 30 บาทเป็นของผู้ใด ไม่ต้องยืดเยื้อ ไม่ต้องปิดบังซ่อนเร้นหรอก ความรักไร้พรหมแดน ไร้ข้อแม้ รักต่างวัยมิใช่ปัญหา ขอเพียงใจตรงกัน มามะ ...จูจุ๊บ”
 
             “ช่วยด้วย....”  ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวแผดร้องสุดเสียง กระโดดปราดขึ้น เค้นพลังที่หลงเหลือออกวิ่งไม่คิดชีวิต  ความรักนอกจากจะทำให้ตาบอดแล้ว ยังทำให้วิ่งต้องหนี และไล่ล่า ถ้ารักนั้นมันมิใช่ ไม่ลงตัว อย่างไรก็มิใช่... ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวเพียงนึกแค้นใจ บุคคลไล่ล่ามันไฉนไม่ใช่แม่นางอ่อยหอม ถ้าเป็นนาง ประกันว่าจะต้องต้องกางแขน สุดหล้าฟ้าเขียว วิ่งเข้าหา  โอบกอดให้สุดแรงสุดรัก สุดหัวใจ

             เสียดายความจริงมักจะโหดร้ายเกินไป   ความรักผู้คนจึงมักคลาดเคลื่อนเลื่อนเหลี่ยมเสมอ บางทีไล่ล่าชั่วชีวิตก็ไม่มีวันพานพบ บางทีต้องวิ่งหนีกระเซอะกระเซิง ปิ่มว่าจะเป็นจะตาย ไอ้หนุ่มข้าวเหนียววิ่งไป คิดคับแค้นไป กระทั่งภาพวิวทิวทัศน์รอบด้านสั่นไหว พร่ามัว พุ่งผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว
 
             ขณะกำลังจะสิ้นแรงเฮือกสุดท้าย ภาพเบื้องหน้าพลันกระจ่างสว่างวาบขึ้น  ทำให้ต้องหยุดทรุดตัวลงกับพื้น จ้องมองปากอ้าตาค้าง
 
             กลางเนินเดินกว้างใหญ่กลางแนวไม้ มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตรูปร่างคล้ายโบสถ์สูงชะโงกเงื้อมเด่นเป็นสง่า เป็นโบสถ์ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ยอดโบสถ์เป็นรูปทรงแหลมสูงเสียดฟ้า ทั้งยังทาสีเทาจนหม่นมัว  แสงแดดตะวันชิงพลบ สาดส่องผ่านแมกไม้ กระทบตัวอาคารประหลาดไร้ผู้คน เงาสะท้อนให้ความรู้สึกทั้งเร้นลับทั้งพิสดาร ทำให้ผู้พบเห็นต้องขนลุกไปทั้งตัว แทบวิปลาสคลาดเคลื่อน
 
             แว่วเสียงคล้ายมีคนกำลังไล่ติดตามมา อาจจะเป็นอุปาทานฟั่นเฟือน หรือเป็นความจริง ไม่มีเวลาไตร่ตรอง ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวตะลีตะลานกัดฟันลุกขึ้น วิ่งปราดเข้าไปหน้าประตูโบสถ์ลึกลับทันที
 
             โชคไม่ร้ายเกินไปนัก ประตูโบสถ์ไม้สักสลักลวดลายบานใหญ่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย   ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวพุ่งร่างกระแทกแทรกเข้าไปสุดกำลัง เสียงกระแทกดังปึงปังสนั่นหวั่นไหว พอตั้งหลักได้ก็กวาดสายตาไปโดยรอบ ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มีเก้าอี้ยาว วางเป็นแถวเป็นแนวเรียงรายคล้ายห้องประชุมสภาพน่าตื่นตาตื่นใจ   ด้านในสุด มีแท่นหินกว้าง ด้านบนมีวัตถุรูปร่างคล้ายโลงศพวางเด่นเป็นสง่า  ในความวังเวงยะเยียบเย็น  คล้ายมีอาถรรพ์พลังงานมืด สสารมืด แผ่ซ่านออกมาจนทำให้ขนลุกเกรียว
 
             “โอ น่ากลัว...เป็นตาย่านแท้.....” ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวหลุดปากด้วยอาการสั่นสะท้าน  มองหาผู้คนก็ไม่เจอ นี่มันสถานที่นรกแบบใดกัน แข้งขาทำท่าจะหมดแรง จะหนีกลับออกไปด้านนอก ภาพท่านยายฉู่ฉี่ในชุดเสื้อคอกระเช้าผ้าลายดอกฉูดฉาด ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มผสมน้ำหมากจนหยาดเยิ้ม ยังคงวนเวียนหลอกหลอนในความรู้สึกอย่างชวนกรีดหวีดผวา 
 
             จะหนีออกไปหา ความรักต่างวัยตามติด หรือจะหลบอยู่ในเงาสะพรึงของโบสถ์ประหลาด  ขณะกำลังลังเล เสียงแหบพร่าหวานของท่านยายฉู่ฉี่ดังลอดช่องว่างประตูเข้ามาพอได้ยินว่า
 
             “ไม่ต้องทำเป็นอายหรอกปั้นข้าวจี่น้อย ออกมาให้ พี่หญิง รับขวัญเสียดี ๆ เอ... หรือว่าจะเล่นซ่อนแอบ ทำเป็นวิ่งหนีเพื่อกระตุ้นความสนใจ ก็ได้...ก็ได้... เข้าใจแล้ว  ซ่อนตัวให้ดีละ พี่หญิงจะหาจนเจอ แหม... อะไรที่ได้มายาก ๆ นี่มันกระตุ้นเลือดลมให้ฉีดแรงเสียนี่กระไร”
 
             ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวได้ฟัง ถึงกับตัวสั่นงันงกด้วยความสะทกสะเทือนขวัญ พี่หญิงอะไรกัน ดูอย่างไร แง่มุมไหน ก็เป็นท่านยายชัด ๆ จะมาพี่หญิงผีสางใดกัน แถมท่านยายยังเข้าใจผิดไปใหญ่โต ในที่สุดบุรุษหนุ่มตัดสินใจวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังแท่นหินด้านในสุดที่มีโลงศพวางด้านบน  ทรุดร่างก้มหน้าผ่อนลมหายใจระดับแทบขาดห้วง
 
             เสียงประตูถูกผลักให้เปิดกว้างจนสุดอย่างช้า ๆ เสียงเอี๊ยด...เอี๊ยด...ลากยาว กัดกร่อนความรู้สึก บาดลึกไปถึงส่วนละเอียดอ่อนของจิตใจ พร้อมกับเสียงหัวร่อเสียดประสาท คล้ายเสียงทอดอาหารในน้ำมันร้อนเดือดพล่าน ของท่านยายฉู่ฉี่  
 
             นี่เอง เป็นที่มาของฉายาท่านยาย
 
             “ฉี่ ๆ ๆ ซี่... ปั้นข้าวจี่น้อย อยู่ไหนเอ่ย ฉู่ ๆ ซี่......” 
 
             ธรรมดาไอ้หนุ่มข้าวเหนียวเคยได้ยินจนชินหู คุ้นเคยกับเสียงหัวร่อสุดพิสดารของท่านยาย เวลาหัวร่อในตลาดเพียงสามารถสร้างรอยยิ้มขบขันให้คนฟัง แต่เวลานี้เสียงหัวร่อของท่านยายช่างน่าสะพรึงกลัวจนแตกตื่นสะท้านขวัญ ขนลุกขนชันศีรษะสมองพองโต ทั้งที่ไม่ใช่นิยายสยองขวัญแม้แต่น้อย ประกอบกับเสียงรองเท้าส้นสูงของท่านยาย กระทบกับพื้นไม้เป็นระยะ ก้องกังวาน ดัง  กึง...กึง... ใกล้เข้ามาทุกขณะจิต บุรุษหนุ่มข้าวเหนียวแทบขาดใจตาย ณ บัดนั้น ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องหวาดกลัวต่อความรักวิปลาสขนาดนี้
 
             “โอ เทวะ ช่วยข้าด้วย”  คร่ำครวญโหยหวนในใจ ร่างสั่นระริกราวต้นหลิวต้องลมหนาว
 
             “จ๊ะเอ๋...อยู่นี่เอง ปั้นข้าวจี่น้อยของข้า”
 
             ใบหน้าของท่านยายฉู่ฉี่ โผล่วูบพ้นด้านบนของโลงศพขึ้นมากะทันหันยิ่งกว่าฝันร้าย  ใบหน้ายิ้มแย้มจนหยาดเยิ้ม น้ำหมากสีแดงกระเด็นเซ็นซ่าน ไอ้หนุ่มข้าวเหนียวตาเบิกโพลงอย่างตกใจสุดขีด แตกตื่นจนตัวแข็งทื่อเป็นปลาตาย ไร้เรี่ยวแรงจะตะกายหนี จะร้องก็ร้องไม่ออก ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ประเดประดังทะลักล้น
 
             มือของท่านยายฉู่ฉี่ยื่น ไขว่คว้าตะกุยอากาศตรงเข้ามา พร้อมกับเรือนร่างผอมบางถาโถม

             ......

             ......

             ลาก่อน...แม่นางอ่อยหอม
             ขอบคุณ...ที่ท่านแบ่ง อ่อมหอย ให้ข้าสวาปามตลอดมา
             ลาก่อน.... รอยยิ้มของแม่นางอ่อมหอยที่แสนหวาน ประหนึ่งหอยแรกแย้ม
             ลาก่อน...ปั้นข้าวจี่ทาไข่โรยเกลือ ที่ข้าส่งให้นางทุกวัน
             ลาก่อน....โลกมนุษย์
             ลาก่อน..... ความรักที่ลักลั่นเหลี่ยมล้ำ ไม่ลงตัว
 
             ในวินาทีนั้น จิตใจของบุรุษหนุ่มพลันสงบเยือกเย็นลงอย่างประหลาด ยอมรับชะตากรรมอย่างไม่ดิ้นรนอะไรอีกต่อไป ตาข่ายฟ้าครอบคลุมทุกตารางนิ้ว ใครเล่าจะหลบหนีชะตาฟ้าลิขิตพ้น สรรพสิ่งหยุดนิ่ง

 
             เปรี้ยง...

             เสียงวัตถุบางอย่างกระแทกพื้นยามวิกาล ในความมืดวังเวงยามราตรี  แม่นางอ่อยหอมสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายกลางดึก ผวาลุกจากเตียงนอนด้วยหัวใจสั่นรัว  ฝันร้ายยังคงชัดเจนในความรู้สึก แม้จะตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาม ไม่ใช่ Nightmare on Elm Street  แต่เป็นภาพของไอ้หนุ่มข้าวเหนียว กำลังดิ้นรน อยู่ในหม้ออ่อมหอยขนาดยักษ์ ด้วยสีหน้าท่าทางแตกตื่นสิ้นหวัง ทำท่าเหมือนจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่แล้วร่างของมันก็ถูก ‘หอยโข่งยักษ์’ ตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากความมืดมนอนธการ  เปิดฝา อ้าปาก งับกลืนร่างหายดับลับลาไปอย่างรวดเร็ว
 
             ระยะนี้ นางมักฝันเรื่องน่ากลัวบ่อยขึ้นทุกที
 
             ลางบอกเหตุอัปมงคลใด หรือว่ามีเรื่องร้ายไม่คาดคิด กับคนรัก  เสียงที่ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา คือเสียงอะไร
 
             กำเนิดเสียงน่าจะมาจากในครัว ...ห้องครัวเท่านั้น มีโอกาสความเสี่ยงในการสิ่งของตกหล่น
 
             หลังนั่งขบคิดครู่หนึ่ง แม่นางอ่อยหอมในชุดนอนเบาบางราวปีกจักจั่น ลุกขึ้นอย่างระแวดระวัง มือขวาคว้าอาวุธประจำกายออกมาจากใต้หมอน พอมีอาวุธอยู่ในมือความอบอุ่นใจบังเกิดขึ้นทันที 
 
             เปลือกหอยกาบใหญ่ แวววาวเป็นประกายอันหนึ่ง  ความจริงหอยกาบใหญ่เป็นหอยสองฝา  สมควรมีฝาหอยสองฝา แต่นางมีครอบครองเพียงฝาเดียวเท่านั้น  เนื่องจากอีกฝายังค้นหาไม่พบ ฝาเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะเป็นฝาหอยผ่านการปลุกเสกไสยเวท  ลงยันต์สลักอักขระเป็นอย่างดี นางตั้งชื่ออาวุธคู่กายของนางว่า ‘หอยวงพระจันทร์’  เป็นอาวุธประเภทซัดขว้าง ซัดร้อยครั้ง เกือบถูกเป้าหมายร้อยครา 
 
            นางย่องไปยังห้องครัวอย่างเงียบกริบ เงียบขนาดเพียงได้ยินเพียงเสียงรองเท้าแตะ สำหรับใส่เดินในบ้าน กระทบพื้นดังแต๊ก ๆ เป็นจังหวะ ถนัดชัดหูเท่านั้น  เงียบจริง ๆ...

...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่