ให้สัมภาษณ์ กับ นิตยสารฉบับหนึ่ง...ว่า
.....ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต เขามีเงินมาก พอที่จะตระเวนซื้อบ้าน ตั้งแต่ เชียงราย
ถึงสุไหงโกลก (เหนือสุด จรด ใต้สุด) มีบ้าน 'เกิน' 10 หลัง "แต่ใน หนึ่งปีเขากลับได้นอน 'ไม่ครบ'
ทุกหลัง คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง คือ คนรับใช้ของเขา"คนรับใช้ ได้นอนคฤหาสน์หรูที่เชียงราย
เชียงใหม่ เลย ขอนแก่น ภูเก็ต และ หัวหิน คนรับใช้ทุกคน อยู่อย่างมีความสุข ท่ามกลาง ธรรมชาติ
ต้นไม้ แม่น้ำ และ ความสงบ ภายในบริเวณบ้าน แต่ เศรษฐีที่เป็นเจ้านาย กลับทำงานหนักงกๆอยู่ในกรุงเทพฯ ...
แต่ละวันเจอรถติด'ไม่ต่ำกว่า' 3-4 ชั่วโมง และอาศัยอยู่ใน คอนโดฯ รังหนูขนาด 'ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง'
ของบ้านพักตากอากาศที่เขาซื้เลย นี่คือ ชีวิต ของคนกรุงที่เขาต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันขณะที่ชีวิตของเขากำลังไปได้ดี
เขาก็เริ่มป่วยด้วยโรคสำหรับคนรวย นั่นคือ 'โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่’ในที่สุด เขาก็ต้องรับการบำบัดด้วยการฉายแสงคีโม
แล้วผมก็ร่วง เขามองเห็นสภาพของตัวเองนอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวว่า ใกล้จะเป็น ‘ซอมบี้' เข้าไปทุกที
ไม่นาน' ... ก็เกิดอาการบรรลุธรรมน้อยๆ ขึ้นมาบนเตียง ว่า ……"แท้ที่จริงแล้ว ...”
- ชีวิตนั้น ต้องการที่นอนเพียงพอแค่ รองรับแผ่นหลังได้เท่านั้น - เงิน ก็อยู่ในธนาคาร
- ชื่อเสียง ก็อยู่กับสายลมในช่วงแรกๆ ที่เขาป่วย ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม แต่ครั้นเริ่มป่วยหนัก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย
ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาแล้ว และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมเพื่อเห็นเขา ด้วย เขาตัดสินใจว่า
จะขอตายไปกับสภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็นวันหนึ่ง ... ตื่นขึ้นมาก็เกิดอาการ สังเวชตัวเองว่า"ชีวิตเราที่จริงนั้น
ไม่ต้องการอะไรมากเลย เราต้องการ 'สิ่งพื้นฐานที่สุด' นั่นก็คือ - ขอให้เส้นผม กลับมาสีดำเหมือนเดิม
- ขอให้เคี้ยวข้าว และ กลืนลงคอได้โดยไม่เจ็บ- ขอแค่อยากเข้าห้องน้ำ ก็เดินเข้าได้โดยไม่ต้องมีคน
คอยประคอง - และ ขอให้นอนลงไปบนเตียงเต็มแผ่นหลัง โดยไม่ต้องร้องโอดโอยเจ็บปวดแทบล้ม
ประดาตาย เขาเริ่มตระหนักได้ว่า "แท้จริงแล้วชีวิต ไม่ต้องการอะไรมาก"
เขาตัดสินใจสละทุกอย่าง พอปล่อยลงปลงได้ ต่อมาก็หายป่วย'หนึ่งในล้านคน' จะเป็นอย่างนี้คนหนึ่ง
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ขายบ้านทุกหลังที่มีตั้งแต่เหนือจรดใต้ เขาบอกว่า
"ป่วยใหญ่คราวนี้ ผมรู้เลยว่า'สิ่งที่จำเป็นที่สุดของชีวิต' คืออะไร และหันหลังให้ชีวิตความเป็นนักธุรกิจ
อย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในต่างจังหวัด ทำเกษตรอินทรีย์ - บอกลา ความหรูหรา
เกียรติยศ - บอกลา ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด เมื่อความตายมาถึง
สิ่งเหล่านี้ทั้งหลายกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยทุกวันนี้ เขาอยู่กับสิ่งที่มีความสุข เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย ไม่ต้องการ
อะไรมากมาย"นี่คือตัวอย่างของคนที่ค้นพบคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง เมื่อค้นพบอย่างนี้ - เรื่องที่อยู่เขา
'ไม่สะสม' อีกต่อไป - สิ่งที่สะสมตอนนี้คือ สุขภาพ เขา บอกว่าตอนที่ผมป่วยผมลืมตาขึ้นมา
เห็นแต่พยาบาล ญาติสักคนหนึ่งก็ไม่เห็น ญาติมาเยี่ยมแล้วก็หายไป บอกว่า ติดงาน
เขาลุกขึ้นมาบนเตียงแล้วเขียนบันทึกในไดอารี่ ว่า"แม้ตอนที่ผมจะตาย ญาติของผมก็ยังมีแก่ใจว่า
ติดงาน สงสัยจะว่างตอนผมตายแล้ว…….นี่คือสิ่งที่เขาสะเทือนใจที่สุด เขามารู้สัจธรรมบนเตียงนอน
ในขณะที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนี่เอง และได้รู้ว่า " ชีวิตนี้ ต้องใช้ให้ง่ายที่สุดไม่อย่างนั้น จะไม่เหลือวันเวลา
แห่งความสุขสำหรับตัวเองเลย "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป มรณานุสติ !!!
Cr.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
((ไปเจอมีคนเอามาโพสต์ในเฟส แต่ตามหาไม่เจอแล้วว่าใครเป็นคนพจน์))
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่ง ของ เมืองไทย...
.....ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต เขามีเงินมาก พอที่จะตระเวนซื้อบ้าน ตั้งแต่ เชียงราย
ถึงสุไหงโกลก (เหนือสุด จรด ใต้สุด) มีบ้าน 'เกิน' 10 หลัง "แต่ใน หนึ่งปีเขากลับได้นอน 'ไม่ครบ'
ทุกหลัง คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง คือ คนรับใช้ของเขา"คนรับใช้ ได้นอนคฤหาสน์หรูที่เชียงราย
เชียงใหม่ เลย ขอนแก่น ภูเก็ต และ หัวหิน คนรับใช้ทุกคน อยู่อย่างมีความสุข ท่ามกลาง ธรรมชาติ
ต้นไม้ แม่น้ำ และ ความสงบ ภายในบริเวณบ้าน แต่ เศรษฐีที่เป็นเจ้านาย กลับทำงานหนักงกๆอยู่ในกรุงเทพฯ ...
แต่ละวันเจอรถติด'ไม่ต่ำกว่า' 3-4 ชั่วโมง และอาศัยอยู่ใน คอนโดฯ รังหนูขนาด 'ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง'
ของบ้านพักตากอากาศที่เขาซื้เลย นี่คือ ชีวิต ของคนกรุงที่เขาต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันขณะที่ชีวิตของเขากำลังไปได้ดี
เขาก็เริ่มป่วยด้วยโรคสำหรับคนรวย นั่นคือ 'โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่’ในที่สุด เขาก็ต้องรับการบำบัดด้วยการฉายแสงคีโม
แล้วผมก็ร่วง เขามองเห็นสภาพของตัวเองนอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวว่า ใกล้จะเป็น ‘ซอมบี้' เข้าไปทุกที
ไม่นาน' ... ก็เกิดอาการบรรลุธรรมน้อยๆ ขึ้นมาบนเตียง ว่า ……"แท้ที่จริงแล้ว ...”
- ชีวิตนั้น ต้องการที่นอนเพียงพอแค่ รองรับแผ่นหลังได้เท่านั้น - เงิน ก็อยู่ในธนาคาร
- ชื่อเสียง ก็อยู่กับสายลมในช่วงแรกๆ ที่เขาป่วย ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม แต่ครั้นเริ่มป่วยหนัก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย
ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาแล้ว และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมเพื่อเห็นเขา ด้วย เขาตัดสินใจว่า
จะขอตายไปกับสภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็นวันหนึ่ง ... ตื่นขึ้นมาก็เกิดอาการ สังเวชตัวเองว่า"ชีวิตเราที่จริงนั้น
ไม่ต้องการอะไรมากเลย เราต้องการ 'สิ่งพื้นฐานที่สุด' นั่นก็คือ - ขอให้เส้นผม กลับมาสีดำเหมือนเดิม
- ขอให้เคี้ยวข้าว และ กลืนลงคอได้โดยไม่เจ็บ- ขอแค่อยากเข้าห้องน้ำ ก็เดินเข้าได้โดยไม่ต้องมีคน
คอยประคอง - และ ขอให้นอนลงไปบนเตียงเต็มแผ่นหลัง โดยไม่ต้องร้องโอดโอยเจ็บปวดแทบล้ม
ประดาตาย เขาเริ่มตระหนักได้ว่า "แท้จริงแล้วชีวิต ไม่ต้องการอะไรมาก"
เขาตัดสินใจสละทุกอย่าง พอปล่อยลงปลงได้ ต่อมาก็หายป่วย'หนึ่งในล้านคน' จะเป็นอย่างนี้คนหนึ่ง
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ขายบ้านทุกหลังที่มีตั้งแต่เหนือจรดใต้ เขาบอกว่า
"ป่วยใหญ่คราวนี้ ผมรู้เลยว่า'สิ่งที่จำเป็นที่สุดของชีวิต' คืออะไร และหันหลังให้ชีวิตความเป็นนักธุรกิจ
อย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในต่างจังหวัด ทำเกษตรอินทรีย์ - บอกลา ความหรูหรา
เกียรติยศ - บอกลา ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด เมื่อความตายมาถึง
สิ่งเหล่านี้ทั้งหลายกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยทุกวันนี้ เขาอยู่กับสิ่งที่มีความสุข เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย ไม่ต้องการ
อะไรมากมาย"นี่คือตัวอย่างของคนที่ค้นพบคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง เมื่อค้นพบอย่างนี้ - เรื่องที่อยู่เขา
'ไม่สะสม' อีกต่อไป - สิ่งที่สะสมตอนนี้คือ สุขภาพ เขา บอกว่าตอนที่ผมป่วยผมลืมตาขึ้นมา
เห็นแต่พยาบาล ญาติสักคนหนึ่งก็ไม่เห็น ญาติมาเยี่ยมแล้วก็หายไป บอกว่า ติดงาน
เขาลุกขึ้นมาบนเตียงแล้วเขียนบันทึกในไดอารี่ ว่า"แม้ตอนที่ผมจะตาย ญาติของผมก็ยังมีแก่ใจว่า
ติดงาน สงสัยจะว่างตอนผมตายแล้ว…….นี่คือสิ่งที่เขาสะเทือนใจที่สุด เขามารู้สัจธรรมบนเตียงนอน
ในขณะที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนี่เอง และได้รู้ว่า " ชีวิตนี้ ต้องใช้ให้ง่ายที่สุดไม่อย่างนั้น จะไม่เหลือวันเวลา
แห่งความสุขสำหรับตัวเองเลย "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป มรณานุสติ !!!
Cr.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
((ไปเจอมีคนเอามาโพสต์ในเฟส แต่ตามหาไม่เจอแล้วว่าใครเป็นคนพจน์))