สวัสดีค่ะเพื่อนๆพอดีเราจะมาเล่าถึงเรื่องลุงผู้ชายคนนึงที่ชอบมาบ้านเราให้ฟังนะคะ คือลุงคนนี้แกไม่ได้เป็นญาติอะไรกับเรานะคะ แต่พอดีเขารู้จักกับครอบครัวเราจากงานศพย่าที่วัดเลยเริ่มสนิทกัน ... ซึ่งจริงๆแกอายุประมาณ 60 เป็นคนฐานะดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่แค่ทำตัวสมถะ แต่ข้อเสียคือเขาเป็นคนพูดเร็วๆรัวๆ ชอบทำอะไรไม่เรียบร้อย (เละเทะ) มากๆจนออกแนวซื่อบื่อ แล้วก็เหมือนชอบคิดแทนคนอื่นว่าคนอื่นต้องชอบในสิ่งที่เขานำเสนอ ... เข้าเรื่องเลยแล้วกันค่ะ แรกๆตอนที่เขามาก็รู้สึกเหมือนปกติแต่พอเขาเริ่มมาบ่อยๆมันก็เริ่มมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
1. เขาชอบเอาอาหารหรือขนมจากวัดแล้วปั่นจักรยานเอามาให้เรา + พวกอาๆของเราที่บ้าน (พ่อแม่เรานานๆทีจะอยู่บ้านเขาก็เลยไม่ค่อยเจอแต่ถ้าเจอเขาก็ให้ค่ะ) คือเอาของมาให้ก็ดีนะคะแต่บางอย่างเวลาที่เขาถามแล้วอาหารประเภทนั้นเรากินไม่เป็นเราก็จะบอกว่าไม่เอา แต่เขาก็ยังจะถามอีกว่าเอาอาหารอันเดิมอันนั้นไหม แบบถามเกิน 3-4 รอบ (เหมือนคนพูดไม่รู้เรื่อง) จนเราต้องตอบปัดๆไปว่าเอา
2. เวลาเขาพูดอะไรเขาจะพูดเร็วและห้วนมาก แบบจับใจความไม่ได้ ขนาดพี่เลี้ยงเรายังฟังไม่ทันพอถามซ้ำก็พูดเร็วหนักกว่าเดิม จนหลังๆเลยแก้ปัญหาโดยใช้หลักว่าถ้าเขาพูดอะไรมาแล้วฟังไม่รู้เรื่องก็จะตอบแค่ " ค่ะ " อย่างเดียว
3. ทุกครั้งที่เขาปัด กวาด เช็ดถูข้างล่างบ้านเรา เขาทำไม่เคยเรียบร้อยเลยพอทำเสร็จปุ๊บ ไม้กวาดอยู่มุมซ้าย ถังน้ำตั้งบนโต๊ะ ที่ตักผงอยู่มุมขวา ไม้ม๊อบถูพื้นอยู่กลางบ้าน ซึ่งทุกครั้งที่พ่อเรากลับบ้านมาเจอพ่อเราต้องเป็นคนเก็บไม่มีใครข้างล่างบ้านเก็บ บอกให้ลุงเก็บให้เรียบร้อยแล้วก็ยังทำเหมือนเดิม
4. เขาชอบจอดจักรยานปิดขวางทางประตูเข้าออกรถใหญ่อีกคันของบ้านเรา หนักๆหน่อยหลังๆบางครั้งลงมาจากรถจักรยานท่าไหนก็จอดท่านั้นจนมันจอดขวางกินเลนออกไปตรงถนนทำให้คนที่ขับรถใหญ่เข้ามาเลี้ยวเข้าซอยไม่ได้ (บ้านเราเป็นถนนส่วนบุคคลเล็กๆค่ะ มีบ้านแค่ 3 หลังในนั้น คนมีปัญหาเลยจะมีแค่เรากับไม่กี่คน) แล้วคนเก็บก็คือเรา พ่อและคนขับรถเรา (ถามว่าพวกอาได้ผลกระทบตรงนี้ไหม ตอบเลยว่าไม่ค่ะเพราะที่จอดรถของพวกอาอยู่คนละจุดกับของเรา + พวกเขาไม่ชอบขับรถใหญ่ไปไหนมาไหนเองอยู่แล้ว)
5. เวลาที่เราไหว้เขาคือเราก็เข้าใจนะคะว่าลุงเขาเป็นคนรีบๆ แต่ถ้าคนรีบปกติเนี่ยเวลาที่ใครไหว้ก็จะรีบๆรับไหว้ผ่านๆแบบเออๆหวัดดี แล้วเขาก็จะหายไปทำอะไรต่ออะไรของเขาต่อแต่นี่พอเราสวัสดีปุ๊บเขาหันมาประมาณ 5-6 วินาทีแบบนิ่งๆเหมือนมองหน้าเฉยๆไม่พูดอะไรแล้วก็กลับไปทำอะไรต่ออะไรของตัวเองต่อ เราก็แบบอ้าวทำแบบนี้คืออะไร
6. เคยมีป้าแท้ๆเราคนนึงป่วยหลังผ่าตัด ลูกเขาเลยขอพ่อเราเอาป้ามาพักผ่อนที่บ้านเราก่อนอารมณ์แบบได้พักไปด้วยแล้วก็อยู่กับพี่น้องไปด้วยพ่อเราก็ตอบตกลง แต่เช้ามาพ่อเราลืมของไว้ในห้องที่ให้ป้าอยู่พอดี สิ่งที่เห็นคือป้านอนอยู่บนเตียงโดยมีลุงคนนั้นนอนอยู่ข้างล่างข้างๆเตียง พ่อเราเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? สิ่งที่ป้ากับลุงตอบก็คือพอดีว่าลูกของป้าเขาไม่ว่างแล้วคนข้างล่างบ้านเรา (1 ในอาเรา) กับลูกเขาก็เลยเสนอว่าให้ลุงคนนี้มาช่วยเฝ้าช่วยดูสิลุงก็เลยมา (ทุกคนคงจะคิดใช่ไหมคะว่า ถ้าลูกไม่ว่างแล้วคนที่เป็นพี่เป็นน้องแท้ๆทำไมไม่ดูแลเอาทีละคนเลยนะคะตัวพ่อเราเขาทำงานขายของชำตั้งแต่เช้าแล้วก็กลับดึก ซึ่งปกตพอเขากลับมาเขาก็จะมีไปทำงานบ้านทำอะไรของเขาอีกเพราะน้องๆหรืออาเราเขาไม่ทำ ซึ่งอาเราที่เหลือ มี 3 คนนะคะ คนแรกเป็นผู้ชายซึ่งคนนี้เขาไม่เคยทำงานประจำ สมองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเขาเคยรถชนแล้วก็มีโรคหลายโรค ทุกวันนี้คือแค่ตื่นมากินข้าวขี่จักรยานไปไหนมาไหนได้บ้างละก็มีรับจ๊อบเล็กๆในบ้านจากพ่อนิดๆหน่อยๆเท่านั้นนิสัยส่วนตัวก็เป็นคนช่างคุยช่างถามแค่นี้ ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงคนนี้เคยทำงานประจำมาก่อนแต่ว่าลาออกมาขายของออนไลน์ทั่วๆไปแต่กิจวัตรประจำวันที่เห็นก็คือปกติอยู่บ้านนี่แหละค่ะน่าจะพอมีเงินเก็บเยอะแล้วพอสมควรนิสัยออกแนวขี้ประจบ หวังผลประโยชน์ เห็นแก่ตัวนิดหน่อยด้วย แล้วก็คนสุดท้ายเป็นผู้ชายคนนี้ก็เคยทำงานประจำมาก่อนเช่นกันแต่ว่าบริษัทเขามีปัญหาเลยออกมาแต่คาดว่าน่าจะมีเงินเก็บเยอะแล้วเพราะเขาทำมา 30 กว่าปี ปัจจุบันก็เห็นไม่ได้ทำอาชีพอะไรตายตัวมีแค่เล่นหุ้นกับปล่อยเช่าพระนิสัยส่วนตัวออกแนวรักสบายไม่ชอยความลำบาก) พ่อเราก็เลยบอกกับลุงคนนี้ไปว่าไม่ได้ทำแบบนี้มันไม่เหมาะสม แล้วเขาโทรหาลูกของป้ากับบอกอาๆว่าเนี่ยวันหลังอย่าทำแบบนี้อีกมันไม่ดีไม่เหมาะสม ...
... นับแต่นั้นมาลุงคนนี้ก็หายไป 2-3 วันละก็กลับมาบ้านเราเหมือนเดิมซึ่งก็ดูเหมือนจะห่างๆกับทางเราและพ่อกับแม่เราไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีคุยกันบ้าง แต่ส่วนตัวเราเลยเวลาเขามาคุยกับเราๆจะตอบแค่ค่ะ อ่อค่ะอะไรแบบนี้ไปอย่างเดียว ไม่ไหว้แล้วด้วย เพราะเราเป็นคนขี้รำคาญ แล้วก็ไม่ชอบพฤติกรรมเขาอยู่แล้ว ... ทุกอย่างยังทรงๆเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเมื่อวานเขาจอดจักรยานขวางหน้าทางเข้าออกประตูรถเราอีกแล้วแต่รอบนี้เราเป็นคนขับรถเอง เราก็โมโหเลยลงจากรถละก็ถ่ายรูปลงเฟสไป โดยใช้แคปชั่นว่า
" เพื่อนๆคิดยังไงกับการจอดจักรยานแบบนี้หน้าทางเข้าออกรถใหญ่บ้านคนอื่น ? เราพูดก็แล้ว ยกออกก็แล้ว เอาไปวางกลางถนนก็แล้วเขาก็ยังทำแบบเดิมเลย ช่วยคิดวิธีจัดระเบียบหน่อยคร้าบ #อย่าเรียกว่าใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอันนี้เขาเรียกมักง่าย "
ที่นี้พวกอาในบ้านเราเห็นเขาก็เลยเดินมาคุยกับพ่อเรา โดยตัวอาผู้ชายอีก 2 คนเนี่ยเขาก็ดูงงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายมากสุดแค่พูดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อาผู้หญิงเขาพูดออกมาในทำนองว่าเราไปว่าลุงหรือคนของเขาแบบนั้นได้ยังไงเดี๋ยวต่อไปเขาไม่มาบ้านเราจะทำยังไงล่ะ (คือเอาตรงๆนอกจากเรื่องอาหารเรื่องอะไรที่เขาชอบเอามาฝากบ้านเราแล้วอ่ะค่ะ มันก็จะมีเรื่องของเวลาที่เรามีงานอะไรที่วัด เช่น งานศพ งานบุญ แล้วบ้านเราต้องประสานงานลุงคนนี้ก็จะช่วยประสานให้อะไรๆมันง่ายขึ้นแหละค่ะ) พ่อเรากับพี่เลี้ยงเราเขาก็เลยมาคุยกับเราว่าแบบลบเถอะแล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปโพสต์อะไรถึงลุงคนนั้นอีกเดี๋ยวจะไปกันใหญ่เราก็เลยลบ แล้วพ่อก็บอกว่าถ้าเจอเรื่องแบบเดิมๆอีกโดยเฉพาะเรื่องการจอดรถจักรยานก็ค่อยไปบอกพ่อเราอีกทีนึง ... เราเลยบอกกับพ่อว่าให้สิ่งที่เขาทำมันเหมือนคนเห็นแก่ตัวมากเลยนะ ลองคิดดูว่าวันนึงเราเก็บให้เขาครั้งหนึ่งอ่ะมันอาจจะไม่บ่อยแต่ลองคิดดูว่าปี 1 อ่ะมีตั้ง 360 กว่าวันเราต้องมาเก็บอะไรๆให้เขาปีละ 360 กว่าวันเนี่ยมันก็บ่อยมากเลยนะ คือมาคอยตามเก็บทุกวันน่ะมันไม่ตายหรอกแต่เขาไม่คิดถึงความลำบากหรือความเบื่อของคนอื่นบ้างเหรอ พ่อเราก็บอกว่าช่างเขาเอาแค่ว่าเวลาเราเลี้ยวรถเข้าบ้านเนี่ยแล้วก้นรถจักรยานเขาอะ ไม่กินเลนรถเราเวลาขับเลี้ยวเข้ามาแบบนี้ถือว่าจบ ส่วนที่เหลือเขาจะไปจอดรถจักรยานขวางทางประตูเข้าออกรถคันอื่นหรือรถใครทีาไม่ใช่ของเรา และเขาจะเก็บอุปกรณ์ไม่เรียบร้อยยังไงตรงนี้พ่อเราทนได้เก็บให้ได้ แต่พ่อเราเห็นสำคัญในเรื่องอะไรที่มันเป็นอันตรายจริงๆมากกว่า เราก็ ok รับรู้ (ลึกๆก็ขอให้พ่อไม่ลำบากจริงๆด้วยเถิด)
... แล้วพอมาวันนี่เราเดินลงมาข้างล่างพวกอาผู้ชายก็ยังพูดคุยปกติกับเราเหมือนเดิมค่ะ มีแค่อาผู้หญิงที่แอบแขวะตอนคุยโทรศัพท์ว่าแบบ " เออเนี้ยลุงคนนี้เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ไม่มีใครคิดร้ายด้วยเลยยิ่งไอ้ b (นามสมมติลูกของป้าที่ป่วยแล้วมาค้างบ้านเรา) นี้รักมากถ้าใครคิดไม่ดีกับลุงนี้มันตัดพี่ตัดน้องตัดญาติได้เลยนะ แล้วเอาจริงๆลุงเขารวยมากนะมีที่ผืนใหญ่แต่แกจะแบ่งให้กับเด็กที่แกรักเท่านั้นใครไม่รักแกๆไม่ยุ่งเลย แกดีเหมือนเทวดาลงมาเกิดจริงๆ " ... แต่โอเคส่วนหนึ่งแล้วก็รู้ว่ามันก็มาจากสิ่งที่เราโพสต์ แต่อีกใจนึงก็รู้สึกรำคาญนิดหน่อย ...
ซึ่งทางแก้ของเรื่องนี้ก็คือการปล่อยให้เรื่องนี้มันหายไปตามกาลเวลาเพราะว่าอาผู้หญิงที่บ้านเราอะค่ะ เขาก็จะเป็นคนชอบเม้าท์ชอบแขวะอะไรแบบนี้คนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะคนอื่นก็โดนแต่แค่คนละประเด็นกับเรา ... เดี๋ยววันต่อไปมีประเด็นอะไรเรื่องคนอื่นเข้ามาเขาก็พูดไปเรื่อยเปื่อยอยู่ดีมากสุดคงจะหงุดหงิดรายวันนิดหน่อยถ้าโดนแขวะ ... ส่วนอีกเรื่องที่รู้สึกกังวลนิดนึงก็คือพ่อนี่แหละค่ะเราไม่รู้ว่าในใจแล้วพ่อเขาจะรู้สึกหนักใจไหมที่เขาจะต้องอยู่ท่ามกลาง เรา น้องๆ (อา) แล้วก็ลุงคนนั้น แต่ตอนนี้มองภายนอกพ่อยังดูปกติดีนะคะ ...
** ใครมีอะไรแนะนำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ **
เราคิดเยอะไปไหมหรือว่ามันไม่สมควรจริงๆ กับเรื่องจุกจิกๆของคนสูงอายุแบบนี้ ?
1. เขาชอบเอาอาหารหรือขนมจากวัดแล้วปั่นจักรยานเอามาให้เรา + พวกอาๆของเราที่บ้าน (พ่อแม่เรานานๆทีจะอยู่บ้านเขาก็เลยไม่ค่อยเจอแต่ถ้าเจอเขาก็ให้ค่ะ) คือเอาของมาให้ก็ดีนะคะแต่บางอย่างเวลาที่เขาถามแล้วอาหารประเภทนั้นเรากินไม่เป็นเราก็จะบอกว่าไม่เอา แต่เขาก็ยังจะถามอีกว่าเอาอาหารอันเดิมอันนั้นไหม แบบถามเกิน 3-4 รอบ (เหมือนคนพูดไม่รู้เรื่อง) จนเราต้องตอบปัดๆไปว่าเอา
2. เวลาเขาพูดอะไรเขาจะพูดเร็วและห้วนมาก แบบจับใจความไม่ได้ ขนาดพี่เลี้ยงเรายังฟังไม่ทันพอถามซ้ำก็พูดเร็วหนักกว่าเดิม จนหลังๆเลยแก้ปัญหาโดยใช้หลักว่าถ้าเขาพูดอะไรมาแล้วฟังไม่รู้เรื่องก็จะตอบแค่ " ค่ะ " อย่างเดียว
3. ทุกครั้งที่เขาปัด กวาด เช็ดถูข้างล่างบ้านเรา เขาทำไม่เคยเรียบร้อยเลยพอทำเสร็จปุ๊บ ไม้กวาดอยู่มุมซ้าย ถังน้ำตั้งบนโต๊ะ ที่ตักผงอยู่มุมขวา ไม้ม๊อบถูพื้นอยู่กลางบ้าน ซึ่งทุกครั้งที่พ่อเรากลับบ้านมาเจอพ่อเราต้องเป็นคนเก็บไม่มีใครข้างล่างบ้านเก็บ บอกให้ลุงเก็บให้เรียบร้อยแล้วก็ยังทำเหมือนเดิม
4. เขาชอบจอดจักรยานปิดขวางทางประตูเข้าออกรถใหญ่อีกคันของบ้านเรา หนักๆหน่อยหลังๆบางครั้งลงมาจากรถจักรยานท่าไหนก็จอดท่านั้นจนมันจอดขวางกินเลนออกไปตรงถนนทำให้คนที่ขับรถใหญ่เข้ามาเลี้ยวเข้าซอยไม่ได้ (บ้านเราเป็นถนนส่วนบุคคลเล็กๆค่ะ มีบ้านแค่ 3 หลังในนั้น คนมีปัญหาเลยจะมีแค่เรากับไม่กี่คน) แล้วคนเก็บก็คือเรา พ่อและคนขับรถเรา (ถามว่าพวกอาได้ผลกระทบตรงนี้ไหม ตอบเลยว่าไม่ค่ะเพราะที่จอดรถของพวกอาอยู่คนละจุดกับของเรา + พวกเขาไม่ชอบขับรถใหญ่ไปไหนมาไหนเองอยู่แล้ว)
5. เวลาที่เราไหว้เขาคือเราก็เข้าใจนะคะว่าลุงเขาเป็นคนรีบๆ แต่ถ้าคนรีบปกติเนี่ยเวลาที่ใครไหว้ก็จะรีบๆรับไหว้ผ่านๆแบบเออๆหวัดดี แล้วเขาก็จะหายไปทำอะไรต่ออะไรของเขาต่อแต่นี่พอเราสวัสดีปุ๊บเขาหันมาประมาณ 5-6 วินาทีแบบนิ่งๆเหมือนมองหน้าเฉยๆไม่พูดอะไรแล้วก็กลับไปทำอะไรต่ออะไรของตัวเองต่อ เราก็แบบอ้าวทำแบบนี้คืออะไร
6. เคยมีป้าแท้ๆเราคนนึงป่วยหลังผ่าตัด ลูกเขาเลยขอพ่อเราเอาป้ามาพักผ่อนที่บ้านเราก่อนอารมณ์แบบได้พักไปด้วยแล้วก็อยู่กับพี่น้องไปด้วยพ่อเราก็ตอบตกลง แต่เช้ามาพ่อเราลืมของไว้ในห้องที่ให้ป้าอยู่พอดี สิ่งที่เห็นคือป้านอนอยู่บนเตียงโดยมีลุงคนนั้นนอนอยู่ข้างล่างข้างๆเตียง พ่อเราเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? สิ่งที่ป้ากับลุงตอบก็คือพอดีว่าลูกของป้าเขาไม่ว่างแล้วคนข้างล่างบ้านเรา (1 ในอาเรา) กับลูกเขาก็เลยเสนอว่าให้ลุงคนนี้มาช่วยเฝ้าช่วยดูสิลุงก็เลยมา (ทุกคนคงจะคิดใช่ไหมคะว่า ถ้าลูกไม่ว่างแล้วคนที่เป็นพี่เป็นน้องแท้ๆทำไมไม่ดูแลเอาทีละคนเลยนะคะตัวพ่อเราเขาทำงานขายของชำตั้งแต่เช้าแล้วก็กลับดึก ซึ่งปกตพอเขากลับมาเขาก็จะมีไปทำงานบ้านทำอะไรของเขาอีกเพราะน้องๆหรืออาเราเขาไม่ทำ ซึ่งอาเราที่เหลือ มี 3 คนนะคะ คนแรกเป็นผู้ชายซึ่งคนนี้เขาไม่เคยทำงานประจำ สมองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเขาเคยรถชนแล้วก็มีโรคหลายโรค ทุกวันนี้คือแค่ตื่นมากินข้าวขี่จักรยานไปไหนมาไหนได้บ้างละก็มีรับจ๊อบเล็กๆในบ้านจากพ่อนิดๆหน่อยๆเท่านั้นนิสัยส่วนตัวก็เป็นคนช่างคุยช่างถามแค่นี้ ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงคนนี้เคยทำงานประจำมาก่อนแต่ว่าลาออกมาขายของออนไลน์ทั่วๆไปแต่กิจวัตรประจำวันที่เห็นก็คือปกติอยู่บ้านนี่แหละค่ะน่าจะพอมีเงินเก็บเยอะแล้วพอสมควรนิสัยออกแนวขี้ประจบ หวังผลประโยชน์ เห็นแก่ตัวนิดหน่อยด้วย แล้วก็คนสุดท้ายเป็นผู้ชายคนนี้ก็เคยทำงานประจำมาก่อนเช่นกันแต่ว่าบริษัทเขามีปัญหาเลยออกมาแต่คาดว่าน่าจะมีเงินเก็บเยอะแล้วเพราะเขาทำมา 30 กว่าปี ปัจจุบันก็เห็นไม่ได้ทำอาชีพอะไรตายตัวมีแค่เล่นหุ้นกับปล่อยเช่าพระนิสัยส่วนตัวออกแนวรักสบายไม่ชอยความลำบาก) พ่อเราก็เลยบอกกับลุงคนนี้ไปว่าไม่ได้ทำแบบนี้มันไม่เหมาะสม แล้วเขาโทรหาลูกของป้ากับบอกอาๆว่าเนี่ยวันหลังอย่าทำแบบนี้อีกมันไม่ดีไม่เหมาะสม ...
... นับแต่นั้นมาลุงคนนี้ก็หายไป 2-3 วันละก็กลับมาบ้านเราเหมือนเดิมซึ่งก็ดูเหมือนจะห่างๆกับทางเราและพ่อกับแม่เราไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีคุยกันบ้าง แต่ส่วนตัวเราเลยเวลาเขามาคุยกับเราๆจะตอบแค่ค่ะ อ่อค่ะอะไรแบบนี้ไปอย่างเดียว ไม่ไหว้แล้วด้วย เพราะเราเป็นคนขี้รำคาญ แล้วก็ไม่ชอบพฤติกรรมเขาอยู่แล้ว ... ทุกอย่างยังทรงๆเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเมื่อวานเขาจอดจักรยานขวางหน้าทางเข้าออกประตูรถเราอีกแล้วแต่รอบนี้เราเป็นคนขับรถเอง เราก็โมโหเลยลงจากรถละก็ถ่ายรูปลงเฟสไป โดยใช้แคปชั่นว่า
" เพื่อนๆคิดยังไงกับการจอดจักรยานแบบนี้หน้าทางเข้าออกรถใหญ่บ้านคนอื่น ? เราพูดก็แล้ว ยกออกก็แล้ว เอาไปวางกลางถนนก็แล้วเขาก็ยังทำแบบเดิมเลย ช่วยคิดวิธีจัดระเบียบหน่อยคร้าบ #อย่าเรียกว่าใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอันนี้เขาเรียกมักง่าย "
ที่นี้พวกอาในบ้านเราเห็นเขาก็เลยเดินมาคุยกับพ่อเรา โดยตัวอาผู้ชายอีก 2 คนเนี่ยเขาก็ดูงงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายมากสุดแค่พูดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อาผู้หญิงเขาพูดออกมาในทำนองว่าเราไปว่าลุงหรือคนของเขาแบบนั้นได้ยังไงเดี๋ยวต่อไปเขาไม่มาบ้านเราจะทำยังไงล่ะ (คือเอาตรงๆนอกจากเรื่องอาหารเรื่องอะไรที่เขาชอบเอามาฝากบ้านเราแล้วอ่ะค่ะ มันก็จะมีเรื่องของเวลาที่เรามีงานอะไรที่วัด เช่น งานศพ งานบุญ แล้วบ้านเราต้องประสานงานลุงคนนี้ก็จะช่วยประสานให้อะไรๆมันง่ายขึ้นแหละค่ะ) พ่อเรากับพี่เลี้ยงเราเขาก็เลยมาคุยกับเราว่าแบบลบเถอะแล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปโพสต์อะไรถึงลุงคนนั้นอีกเดี๋ยวจะไปกันใหญ่เราก็เลยลบ แล้วพ่อก็บอกว่าถ้าเจอเรื่องแบบเดิมๆอีกโดยเฉพาะเรื่องการจอดรถจักรยานก็ค่อยไปบอกพ่อเราอีกทีนึง ... เราเลยบอกกับพ่อว่าให้สิ่งที่เขาทำมันเหมือนคนเห็นแก่ตัวมากเลยนะ ลองคิดดูว่าวันนึงเราเก็บให้เขาครั้งหนึ่งอ่ะมันอาจจะไม่บ่อยแต่ลองคิดดูว่าปี 1 อ่ะมีตั้ง 360 กว่าวันเราต้องมาเก็บอะไรๆให้เขาปีละ 360 กว่าวันเนี่ยมันก็บ่อยมากเลยนะ คือมาคอยตามเก็บทุกวันน่ะมันไม่ตายหรอกแต่เขาไม่คิดถึงความลำบากหรือความเบื่อของคนอื่นบ้างเหรอ พ่อเราก็บอกว่าช่างเขาเอาแค่ว่าเวลาเราเลี้ยวรถเข้าบ้านเนี่ยแล้วก้นรถจักรยานเขาอะ ไม่กินเลนรถเราเวลาขับเลี้ยวเข้ามาแบบนี้ถือว่าจบ ส่วนที่เหลือเขาจะไปจอดรถจักรยานขวางทางประตูเข้าออกรถคันอื่นหรือรถใครทีาไม่ใช่ของเรา และเขาจะเก็บอุปกรณ์ไม่เรียบร้อยยังไงตรงนี้พ่อเราทนได้เก็บให้ได้ แต่พ่อเราเห็นสำคัญในเรื่องอะไรที่มันเป็นอันตรายจริงๆมากกว่า เราก็ ok รับรู้ (ลึกๆก็ขอให้พ่อไม่ลำบากจริงๆด้วยเถิด)
... แล้วพอมาวันนี่เราเดินลงมาข้างล่างพวกอาผู้ชายก็ยังพูดคุยปกติกับเราเหมือนเดิมค่ะ มีแค่อาผู้หญิงที่แอบแขวะตอนคุยโทรศัพท์ว่าแบบ " เออเนี้ยลุงคนนี้เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ไม่มีใครคิดร้ายด้วยเลยยิ่งไอ้ b (นามสมมติลูกของป้าที่ป่วยแล้วมาค้างบ้านเรา) นี้รักมากถ้าใครคิดไม่ดีกับลุงนี้มันตัดพี่ตัดน้องตัดญาติได้เลยนะ แล้วเอาจริงๆลุงเขารวยมากนะมีที่ผืนใหญ่แต่แกจะแบ่งให้กับเด็กที่แกรักเท่านั้นใครไม่รักแกๆไม่ยุ่งเลย แกดีเหมือนเทวดาลงมาเกิดจริงๆ " ... แต่โอเคส่วนหนึ่งแล้วก็รู้ว่ามันก็มาจากสิ่งที่เราโพสต์ แต่อีกใจนึงก็รู้สึกรำคาญนิดหน่อย ...
ซึ่งทางแก้ของเรื่องนี้ก็คือการปล่อยให้เรื่องนี้มันหายไปตามกาลเวลาเพราะว่าอาผู้หญิงที่บ้านเราอะค่ะ เขาก็จะเป็นคนชอบเม้าท์ชอบแขวะอะไรแบบนี้คนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะคนอื่นก็โดนแต่แค่คนละประเด็นกับเรา ... เดี๋ยววันต่อไปมีประเด็นอะไรเรื่องคนอื่นเข้ามาเขาก็พูดไปเรื่อยเปื่อยอยู่ดีมากสุดคงจะหงุดหงิดรายวันนิดหน่อยถ้าโดนแขวะ ... ส่วนอีกเรื่องที่รู้สึกกังวลนิดนึงก็คือพ่อนี่แหละค่ะเราไม่รู้ว่าในใจแล้วพ่อเขาจะรู้สึกหนักใจไหมที่เขาจะต้องอยู่ท่ามกลาง เรา น้องๆ (อา) แล้วก็ลุงคนนั้น แต่ตอนนี้มองภายนอกพ่อยังดูปกติดีนะคะ ...
** ใครมีอะไรแนะนำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ **