เห็นหัวข้อของผมแล้ว กรุณาอย่าคิดลึกกันนะครับ
เดี๋ยวจะมาบอกว่า
อีตานี่ลามก เปล่าน้า
ผมแค่อยากเล่าอะไรที่มันฟังสบายและอ่านก็ไม่รกสายตา
(หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น)
มาถามถึงงานอดิเรกที่ชอบเป็นพิเศษกันดีกว่าครับ ในที่นี้มีใคร
ไม่มีงานอดิเรกกันไหมหนอ คือทั้งชีวิต
มีแต่งานประจำหมด
ยังงี้ ผม..เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับ
ตัวเองมากอยู่
ประมาณว่าผ่อนปรนกับคนอื่น แต่กับตัวเองเข้มงวดอยู่นะ
แต่กระนั้นผมก็มีงานอดิเรกครับ
มาเฉลยกันดีกว่า
งานอดิเรกที่ว่าคือ..
ช้อปของเข้าบ้านครับ
อาจจะคิดว่า บ้า..มันเป็นงานตรงไหนวะ
ก็บอกแล้วว่าผมคนจริงจัง ดังนั้นแม้จะพักผ่อน ผมก็พักผ่อนอย่างเอาจริงเอาจังครับ
เริ่มจากก่อนออกจากบ้าน ต้องเช็กของที่
ต้องซื้อก่อน และทุกครั้งผมจะได้บัญชี
หางว่าวติดมือไปด้วย
ผงซักฟอก,ยาสระผม,ยาสีฟัน,สบู่,แป้ง,
ครีมทาผิว,น้ำยาล้างจาน,น้ำยาล้างห้องน้ำ,ทิชชู่, อื่นๆอีกมากมาย😁
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่ต้องถามนะครับว่าใครจ่ายมันนี่ ก้อ..
ผมเนี่ยแหละ
พอไปถึงห้างผมก็พารถเข็น ไปตามชั้นต่างๆ ตามแต่บัญชี
ในมือจะบ่งชี้ กำลังเพลินดีๆ ผมก็เห็น
น้องตำรวจหน้าเด็ก
กำลังหันซ้ายหันขวา
อยู่ที่ชั้นวางทิชชู่และ
ของใช้เด็กอ่อน
เท่านั้นเองผมก็รีบพารถเข็นกลับหลังหัน
ไปอีกทางทันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมผมต้องรีบหนี ก็ผมขี้เกียจเป็นพลเมืองดี ถ่ายรูปให้คุณตำรวจปักหมุดการทำงานส่งสภ.
แต่ อนิจจา..คุณตำรวจเธอไม่ยอมครับ เดินตามผมมา
ไม่พอ แถมยังเอาโทรศัพท์มายัดใส่มือผมแล้วบอกเสียงกลั้ว
หัวเราะว่า
" ช่วยเป็นพลเมืองดี
ให้ผมหน่อยนะครับ
คุณประชาชน "
แล้วเธอก็ไปยืนเก๊กหล่อมองป้ายสินค้า
อยู่สุดชั้นแบบรู้มุมกล้อง(รูปมุมกว้างเต็มตัว เพื่อยืนยันการเข้าตรวจ)
แหม...อุตส่าห์หนีแล้วเชียวนา😅
คืนโทรศัพท์พร้อมรับคำขอบคุณมาใส่กระเป๋าแล้วผมก็เข็นรถต่อไป กะว่าจะไปดูน้ำปลาอร่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมกเชฟ
ให้นายแม่สักสองขวดก็ได้ยินเสียงสองเด็กยืนเถียงกันอยู่ที่ชั้นของแห้ง อีกคน
บอกว่าถั่วเขียวแต่อีกคนบอกว่าถั่วเหลือง
ดูท่าว่าน่าจะเถียงกันมาสักพักแล้วด้วย
เพราะพอเห็นผม
สองเด็กก็หยุดเถียงกัน แล้วหันมาหาผมแทน
" น้า..ใส้ขนมเทียน
เขาใช้ถั่วอะไรทำคะ "
"ถั่วเขียวแบบกะเทาะ
เปลือกครับ "
เท่านั้น เด็กคนถามก็หันไปพยักหน้าพยัก
ตาใส่เด็กคู่กรณีประ
มาณว่า 'ฉันชนะย่ะ '
ภาษากายบอกผมประมาณนี้ ก็เลยได้แต่อมยิ้มแล้วเดินจากมา
วันนี้คนในห้างค่อนข้างบางตากว่าที่เคย
อาจเพราะเป็นวันทำงานกระมัง แต่แบบนี้ก็ดีนะครับ
ไม่ต้องคอยเข็นรถหลบคน อยากหยุดดูของตรงไหนก็ไม่ลำบาก แต่ห้างบ้านผม พื้นที่สำหรับเดินค่อนข้างกว้างเลยครับ เวลาอยากเลือกของหรือเดินหลบคนนี่คล่องตัวเลยละ แต่ผมก็เข้าไปใช้บริการแค่
1-2ครั้งต่อเดือนเท่านั้น
จริงๆมีร้านโชวห่วย
ราคาประมาณกันกับห้างนี้อยู่ร้านหนึ่ง
ตรงปากทางเข้าอำเภอ(ใกล้บ้านผมกว่าห้างประมาณครึ่งกิโล) เมื่อก่อนผมก็ซื้อของที่นั่น แต่มีครั้งหนึ่งผมกำลังใช้บริการอยู่ในร้าน
แล้วมีคุณพ่อรายหนึ่ง
เดินเข้าไปขอถุงหูหิ้วใบเล็กกับเจ้าของร้าน โดยบอกเหตุผล
ว่า
"ลูกเมารถ กลัวลูกอาเจียน ใส่รถเพื่อนบ้าน"
เจ้าของร้านก็ถามว่า
"ได้ซื้อของในร้านไหม"
พอคุณพ่อรายนั้น
ส่ายหน้า เจ้าของร้าน
ก็ตอบชัดถ้อยชัดคำ
ว่า
" ไปขอที่ร้านอื่นก็แล้วกัน "
ได้ยินแบบนั้น ผมก็
จ่ายเงินค่าของที่หยิบมาสองชิ้น แล้วเลิกเข้าไปใช้บริการร้านเธอจนถึงเดี๋ยวนี้ละครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย แม้แต่พี่ชายที่ชอบเข้าไปซื้อเหยี่ยวเงินที่ร้านค่อนข้างบ่อย
ผมไม่ดิสเครดิตเขา
กับคนอื่นนะครับ ผมแค่หลีกเลี่ยงคนเดียว
พอซื้อสารพัดสิ่งเสร็จ
ผมก็เข็นรถไปคิดเงินซึ่งวันนี้มีเด็กประจำ
เคาน์เตอร์ถึงสองคน
แถมกำลังนั่งเท้าคางอย่างสบายใจด้วย
พอเห็นผมเธอก็ยิ้ม
หวานแถมกุลีกุจอมาช่วยหยิบของออกจากรถเข็นให้ด้วย
และผมก็บอกเด็กแบบเดิมๆว่า
" ไม่รับถุงครับ แต่จะขอยืมรถเข็นขนของเท่านั้น "
สองสาวน้อยก็ตอบรับพร้อมกันว่า
" ได้ค่ะคุณลูกค้า "
หยิบของวางให้เสร็จ
สาวน้อยก็ขยับไปช่วยหยิบของที่คิดเงินแล้วลงรถเข็นให้ผมอีกรอบ
ด้วยความประทับใจ
จ่ายเงินเสร็จและรับเงินทอนแล้ว ผมก็ส่งใบละห้าสิบให้น้อง
1ใบ เด็กทำหน้า
เหวอ มองเงินแล้วก็มองผมก่อนถามเสียงเบาๆ
" หนูทอนเงินเกิน
เหรอคะ "
" เปล่าครับ อันนี้ทิป.."
" กรี๊ด.."
เสียงเด็กกรีดร้องจนผมสะดุ้งโหยง
ยังไม่ทัน
คิดอ่านทำอะไร เธอก็ชูเงินขึ้นแล้ววิ่งร้องไปอวดคนนั้นคนนี้
ก่อนจะวิ่งย้อนกลับมาไหว้ผมที่หายตะลึงแล้วโดยมีเพื่อนๆวิ่งตามมาทำตาละห้อย
และมีเสียงหนึ่งแทรกถามเบาๆว่า
" ข้าจะได้ครึ่งนึงไหม
อ่ะ "
แม้จนถึงตอนพิมพ์ขณะนี้ ผมก็ยังพิมพ์ไปยิ้มไป นึกถึงท่าทางเด็กแล้วก็ขัน
งานบริการนี่ผมว่าต้องใช้ความอดทน
และขยันขันแข็งไม่น้อยเลยนะครับ ยิ่งถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น
พวกเธอก็ต้องรับผิดชอบแบบเลี่ยงไม่ได้ด้วย
ถ้ามีโอกาส หรือวันไหนเป็นวันดีๆผมว่า
ผมจะลองทำแบบนี้ดูอีกนะครับ แค่ได้เห็นรอยยิ้มและผมเองก็ได้ยิ้ม เพียงเท่านี้
วันธรรมดาๆก็กลายเป็นวันที่น่าจดจำ
(เอาไว้ยิ้มเวลานึกถึง)
อีกวันแล้ว ว่าไหมครับ
วันเบาๆ
เดี๋ยวจะมาบอกว่า
อีตานี่ลามก เปล่าน้า
ผมแค่อยากเล่าอะไรที่มันฟังสบายและอ่านก็ไม่รกสายตา
(หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น)
มาถามถึงงานอดิเรกที่ชอบเป็นพิเศษกันดีกว่าครับ ในที่นี้มีใคร
ไม่มีงานอดิเรกกันไหมหนอ คือทั้งชีวิต
มีแต่งานประจำหมด
ยังงี้ ผม..เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับ
ตัวเองมากอยู่
ประมาณว่าผ่อนปรนกับคนอื่น แต่กับตัวเองเข้มงวดอยู่นะ
แต่กระนั้นผมก็มีงานอดิเรกครับ
มาเฉลยกันดีกว่า
งานอดิเรกที่ว่าคือ..
ช้อปของเข้าบ้านครับ
อาจจะคิดว่า บ้า..มันเป็นงานตรงไหนวะ
ก็บอกแล้วว่าผมคนจริงจัง ดังนั้นแม้จะพักผ่อน ผมก็พักผ่อนอย่างเอาจริงเอาจังครับ
เริ่มจากก่อนออกจากบ้าน ต้องเช็กของที่
ต้องซื้อก่อน และทุกครั้งผมจะได้บัญชี
หางว่าวติดมือไปด้วย
ผงซักฟอก,ยาสระผม,ยาสีฟัน,สบู่,แป้ง,
ครีมทาผิว,น้ำยาล้างจาน,น้ำยาล้างห้องน้ำ,ทิชชู่, อื่นๆอีกมากมาย😁[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอไปถึงห้างผมก็พารถเข็น ไปตามชั้นต่างๆ ตามแต่บัญชี
ในมือจะบ่งชี้ กำลังเพลินดีๆ ผมก็เห็น
น้องตำรวจหน้าเด็ก
กำลังหันซ้ายหันขวา
อยู่ที่ชั้นวางทิชชู่และ
ของใช้เด็กอ่อน
เท่านั้นเองผมก็รีบพารถเข็นกลับหลังหัน
ไปอีกทางทันที[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ อนิจจา..คุณตำรวจเธอไม่ยอมครับ เดินตามผมมา
ไม่พอ แถมยังเอาโทรศัพท์มายัดใส่มือผมแล้วบอกเสียงกลั้ว
หัวเราะว่า
" ช่วยเป็นพลเมืองดี
ให้ผมหน่อยนะครับ
คุณประชาชน "
แล้วเธอก็ไปยืนเก๊กหล่อมองป้ายสินค้า
อยู่สุดชั้นแบบรู้มุมกล้อง(รูปมุมกว้างเต็มตัว เพื่อยืนยันการเข้าตรวจ)
แหม...อุตส่าห์หนีแล้วเชียวนา😅
คืนโทรศัพท์พร้อมรับคำขอบคุณมาใส่กระเป๋าแล้วผมก็เข็นรถต่อไป กะว่าจะไปดูน้ำปลาอร่อย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้นายแม่สักสองขวดก็ได้ยินเสียงสองเด็กยืนเถียงกันอยู่ที่ชั้นของแห้ง อีกคน
บอกว่าถั่วเขียวแต่อีกคนบอกว่าถั่วเหลือง
ดูท่าว่าน่าจะเถียงกันมาสักพักแล้วด้วย
เพราะพอเห็นผม
สองเด็กก็หยุดเถียงกัน แล้วหันมาหาผมแทน
" น้า..ใส้ขนมเทียน
เขาใช้ถั่วอะไรทำคะ "
"ถั่วเขียวแบบกะเทาะ
เปลือกครับ "
เท่านั้น เด็กคนถามก็หันไปพยักหน้าพยัก
ตาใส่เด็กคู่กรณีประ
มาณว่า 'ฉันชนะย่ะ '
ภาษากายบอกผมประมาณนี้ ก็เลยได้แต่อมยิ้มแล้วเดินจากมา
วันนี้คนในห้างค่อนข้างบางตากว่าที่เคย
อาจเพราะเป็นวันทำงานกระมัง แต่แบบนี้ก็ดีนะครับ
ไม่ต้องคอยเข็นรถหลบคน อยากหยุดดูของตรงไหนก็ไม่ลำบาก แต่ห้างบ้านผม พื้นที่สำหรับเดินค่อนข้างกว้างเลยครับ เวลาอยากเลือกของหรือเดินหลบคนนี่คล่องตัวเลยละ แต่ผมก็เข้าไปใช้บริการแค่
1-2ครั้งต่อเดือนเท่านั้น
จริงๆมีร้านโชวห่วย
ราคาประมาณกันกับห้างนี้อยู่ร้านหนึ่ง
ตรงปากทางเข้าอำเภอ(ใกล้บ้านผมกว่าห้างประมาณครึ่งกิโล) เมื่อก่อนผมก็ซื้อของที่นั่น แต่มีครั้งหนึ่งผมกำลังใช้บริการอยู่ในร้าน
แล้วมีคุณพ่อรายหนึ่ง
เดินเข้าไปขอถุงหูหิ้วใบเล็กกับเจ้าของร้าน โดยบอกเหตุผล
ว่า
"ลูกเมารถ กลัวลูกอาเจียน ใส่รถเพื่อนบ้าน"
เจ้าของร้านก็ถามว่า
"ได้ซื้อของในร้านไหม"
พอคุณพ่อรายนั้น
ส่ายหน้า เจ้าของร้าน
ก็ตอบชัดถ้อยชัดคำ
ว่า
" ไปขอที่ร้านอื่นก็แล้วกัน "
ได้ยินแบบนั้น ผมก็
จ่ายเงินค่าของที่หยิบมาสองชิ้น แล้วเลิกเข้าไปใช้บริการร้านเธอจนถึงเดี๋ยวนี้ละครับ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมไม่ดิสเครดิตเขา
กับคนอื่นนะครับ ผมแค่หลีกเลี่ยงคนเดียว
พอซื้อสารพัดสิ่งเสร็จ
ผมก็เข็นรถไปคิดเงินซึ่งวันนี้มีเด็กประจำ
เคาน์เตอร์ถึงสองคน
แถมกำลังนั่งเท้าคางอย่างสบายใจด้วย
พอเห็นผมเธอก็ยิ้ม
หวานแถมกุลีกุจอมาช่วยหยิบของออกจากรถเข็นให้ด้วย
และผมก็บอกเด็กแบบเดิมๆว่า
" ไม่รับถุงครับ แต่จะขอยืมรถเข็นขนของเท่านั้น "
สองสาวน้อยก็ตอบรับพร้อมกันว่า
" ได้ค่ะคุณลูกค้า "
หยิบของวางให้เสร็จ
สาวน้อยก็ขยับไปช่วยหยิบของที่คิดเงินแล้วลงรถเข็นให้ผมอีกรอบ
ด้วยความประทับใจ
จ่ายเงินเสร็จและรับเงินทอนแล้ว ผมก็ส่งใบละห้าสิบให้น้อง
1ใบ เด็กทำหน้า
เหวอ มองเงินแล้วก็มองผมก่อนถามเสียงเบาๆ
" หนูทอนเงินเกิน
เหรอคะ "
" เปล่าครับ อันนี้ทิป.."
" กรี๊ด.."
เสียงเด็กกรีดร้องจนผมสะดุ้งโหยง
ยังไม่ทัน
คิดอ่านทำอะไร เธอก็ชูเงินขึ้นแล้ววิ่งร้องไปอวดคนนั้นคนนี้
ก่อนจะวิ่งย้อนกลับมาไหว้ผมที่หายตะลึงแล้วโดยมีเพื่อนๆวิ่งตามมาทำตาละห้อย
และมีเสียงหนึ่งแทรกถามเบาๆว่า
" ข้าจะได้ครึ่งนึงไหม
อ่ะ "
แม้จนถึงตอนพิมพ์ขณะนี้ ผมก็ยังพิมพ์ไปยิ้มไป นึกถึงท่าทางเด็กแล้วก็ขัน
งานบริการนี่ผมว่าต้องใช้ความอดทน
และขยันขันแข็งไม่น้อยเลยนะครับ ยิ่งถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น
พวกเธอก็ต้องรับผิดชอบแบบเลี่ยงไม่ได้ด้วย
ถ้ามีโอกาส หรือวันไหนเป็นวันดีๆผมว่า
ผมจะลองทำแบบนี้ดูอีกนะครับ แค่ได้เห็นรอยยิ้มและผมเองก็ได้ยิ้ม เพียงเท่านี้
วันธรรมดาๆก็กลายเป็นวันที่น่าจดจำ
(เอาไว้ยิ้มเวลานึกถึง)
อีกวันแล้ว ว่าไหมครับ