JJNY : ‘จิรายุ’อัดส.ว.ปมแก้นายกฯ 8ปี│ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯลด│นํ้ามันดิบร่วง หลังตายโควิดจีนพุ่ง│จีนเผชิญปชก.หดตัวครั้งแรก

‘จิรายุ’ อัดส.ว. อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ปมแก้นายกฯ 8 ปี หวังดึงพวกแปรพักตร์ ลั่นต้องเลือก พท.เต็มคาราเบล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3775610

‘จิรายุ’ อัด ส.ว. อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ปมแก้นายกฯ 8 ปี หวังดึงพวกแปรพักตร์ ลั่นต้องเลือก พท.เต็มคาราเบล ไปแก้ปัญหา ศก.

เมื่อวันที่ 17 มกราคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.พยายามจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 158  วรรค 4 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีไม่มีข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งวาระแค่ 8 ปีนั้น ว่า เป็นการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบโดยมีเป้าลวงและเป้าหลัก ซึ่งเป้าลวงทำเหมือนกับใจดีที่พยายามพูดว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีในปีนี้ก็จะได้อยู่ยาวๆ แต่เป้าหลักเป็นการพูดต่อสาธารณะให้เกิดการเจรจาเพื่ออำนาจต่อรองว่าถ้าเกิดใครเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่กับลุงต่อ หากได้เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีแม้อยู่แค่ 2 ปี แต่ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และเสียง ส.ว.ก็จะโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ยาวได้
 
นายจิรายุกล่าวต่อว่า ในทางยุทธศาสตร์การเมืองถือว่าวางหมากอย่างเหนือชั้นเป็นการโยนระเบิดถล่มทางเข้าอุโมงค์ เพื่อให้ใครก็แล้วแต่ทั้งพรรคพวกของ พล.อ.ประยุทธ์ที่สละเรือไปจำเป็นต้องหันมามองถึงเรื่องนี้ในวงการการเมืองเขารู้ทัน ส.ว.บางคนที่อยากจะให้ตัวเองหรือคนใกล้ชิดได้กลับเข้ามาเป็นอีกมีความพยายามเช่นนั้น

ผมคิดว่า ส.ว.จะคิดดังหรือไม่ดัง ก็มีความตั้งใจ ชัดเจน เราอย่าไปนับว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องอยู่ครบ 8 ปี แล้วอยากจะต่อได้เท่าไหร่ยังไง ลองนับดีๆ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ มาปี 2557 จนถึง 2566 ผ่านมา 9 ปีแล้ว แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไปนับปี 2560 มันก็ต้องต่ออีก 2 ปี ไปปี 2568 หมายความว่า ลุงจะกลายเป็นปู่ อยู่ถึง 11 ปีเลยทีเดียว” นายจิรายุกล่าว
 
นายจิรายุกล่าวต่อว่า พฤติกรรมของ ส.ว.ในเวลาประชุมร่วมรัฐสภาฝ่ายค้านเสนอแก้ไขกฎหมายสำคัญรวมทั้งรัฐธรรมนูญ เช่น การเสนอให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา หรือว่ามีการเสนอให้มีการทำประชาพิจารณ์ ตนก็เห็นว่าทาง ส.ว.ก็ตีตกคว่ำทุกที ตนว่าคนเราอยู่ 4 ปีตามพฤติกรรมการเมืองโลกเพราะเขารู้ว่า 4 ปี สำเร็จหรือไม่สำเร็จ พอสำเร็จคุณก็ต่ออีกสมัยหนึ่งเป็นได้อีก 4 ปี เต็มที่ไม่เคยเกิน 8 ปี โดยสรุปแล้วเรื่องนี้แค่โยนระเบิดถล่มทางเพื่อให้คนที่กำลังแปรพักตร์จาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับไปสวามิภักดิ์เพื่อสืบทอดอำนาจก็เพียงเท่านั้นเอง

ฉะนั้น ผมจึงขอบอกพี่น้องประชาชนและพรรคการเมืองว่าอย่าไปสนใจ ส.ว.นัก ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยให้เต็มคาราเบล เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจะดีกว่าเรื่องสืบทอดอำนาจแบบยาวๆ” นายจิรายุกล่าว



 
ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดครั้งแรกรอบ 7 เดือน ผวาค่าไฟ ร้องรัฐช่วย!!
https://www.matichon.co.th/economy/news_3775690

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดครั้งแรกรอบ 7 เดือน ผวาค่าไฟ ร้องรัฐช่วย!!

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 92.6 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ ที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับยอดขายโดยรวมและต้นทุนประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยลบจากภาคการผลิตที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากในเดือนธันวาคมมีวันทำงานน้อยและวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ดัชนีฯ คำสั่งซื้อสินค้า ปริมาณการผลิตและผลประกอบการปรับตัวลดลง
  
ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีประกาศปรับขึ้นอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จากร้อยละ 0.23 เป็นร้อยละ 0.46 ต่อปี ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังบั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ในด้านการส่งออกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม เดือนธันวาคมยังมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ และการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นด้านต้นทุนการผลิต
 
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,303 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนธันวาคม 2565 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 71.5 อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 44.5 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 48.8 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 54.4 สถานการณ์การเมืองในประเทศ ร้อยละ 40.2 เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 37.7 ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 97.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศทยอยฟื้นตัวตามการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID เร็วกว่าคาด ซึ่งส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของต้นทุนการผลิต ปัญหาการแข่งขันด้านราคา และปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กระทบภาคการส่งออก
 
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
1.) มาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและราคาพลังงาน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
2.) ดูแลค่าเงินบาทให้มีความสมดุลทั้งกับผู้ส่งออกและผู้นำเข้า รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท
3.) อาศัยโอกาสจากการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุขให้มีความเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
 

 
ราคานํ้ามันดิบร่วง หลังยอดตายโควิดในจีนพุ่ง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_483574/
ไทยออยล์ เผย ราคานํ้ามันดิบปรับลดลง หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตในจีนปรับตัวสูงขึ้น หลังผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVIDในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา
  
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP รายงานสถานการณ์น้ำมันดิบ ล่าสุด วันที่ 16 มกราคม 2565 ว่า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดตลาด ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 84.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
ทั้งนี้ ราคานํ้ามันดิบปรับตัวลดลง หลังคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน(NHC) เปิดเผยรายงานในวันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงผู้Œเสียชีวิตในโรงพยาบาลในประเทศจีนปรับสูงขึ้นอยู่ ที่ระดับราว 60,000 คน หลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVIDในช่วงสิ้นปี‚ที่ผ่านมา
  
อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ นํ้ามันดิบในจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี 2565 ของจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเพื่อรองรับอุปสงค์ภายในประเทศ หลังมาตรการผ่อนคลาย Zero-COVID
 
สำหรับนักลงทุนจับตารายงานประจําเดือนของสํานักงานพลังงานสากล และกลุ่มโอเปกในเดือน ม.ค. 66 ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มความต้องการใช้นํ้ามันหลังจากจีนกลับมาดําเนินการเปิดประเทศ โดยก่อนหน้านี้ สํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ปรับเพิ่มวามต้องการใช้นํ้ามันในปีนี้ขึ้น 50,000 บาร์ต่อวันรลต่อวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่